อยากขอความกรุณาท่านผู้ได้อ่านเรื่องสั้น ชุดขาสั้น-ขนยาว ตอน โบกรถ นี้
โปรดกรุณาให้ข้อคิดความเห็น ติ-ชม ดี-เลว อย่างไรจักขอบพระคุณยิ่ง
ตะนิ่นตาญี
*****************************************’**’*’***********
คน เรา นั้น เมื่อชรามากขึ้น ก็ เจ็บปวด มาก ขึ้น ...
เรียนรู้ รสชาติ ของ ความอดกลั้น ที่ไม่อาจอดกลั้น บ่อยครั้งขึ้น
อิจฉาในความเยาว์วัย-อิจฉาในความไม่รู้ -อิจฉาโอกาสในการแสวงหา ในดินแดนที่ไม่เคยไปถึง
*************************************************
ละครแห่งชีวิตนี้ เริ่มขึ้น ณ โรงละครแห่งหนึ่ง โรงละครที่ไม่มีวันหายไปจากความทรงจำ
แม้จะล้มหายจากไปตามกฏแห่งอนิจจัง แต่ นิทาน ดีดี ใน โรงละครแห่งนี้ไม่มีทางหายไป
โรงละครที่เกิดขึ้นมาเพื่อ สร้าง บุคคลิกใหม่ ให้ความเยาว์วัย ให้กับวันพรุ่งนี้
สร้าง ให้ คน เป็น คน อย่างแท้จริง ... คน ที่ สมบูรณ์ ตามความหมาย ของ คน !
*************************************************
พรุ่งนี้ ตีห้าครึ่ง เจอกันที่โรงเรียนนะโว้ย ไอ้จ๋อ ตะโกนย้ำก่อนแยกกันกลับบ้าน
ไอ้ป๊อก ไอ้ตี๋ และ ตะนิ่นตาญี พยักหน้ารับ ก่อนที่รถเมล์จะเคลื่อนตัวออกไป
พวกเรานัดกัน “โบกรถ” ลงใต้ เป้าหมายอยู่ที่ จังหวัดสงขลา แต่ก็จะแวะไปเรื่อยเรื่อย
ขึ้นอยู่ว่าเราจะ “โบกรถ” กันไปได้ไกลแค่ไหน ...
ไอ้ตี๋ ตกลงที่จะไปค้างที่บ้าน ตะนิ่นตาญี เพื่อสะดวกในการเดินทางตอนเช้า
*************************************************
เช้าวันนั้นยังไม่ตีห้าดี ไอ้ป๊อก มาตะโกนเรียกอยู่ข้างห้องอีกตามเคย
ไอ้ตี๋ สะโหงว-สะเหงว ลุกขึ้นมาถาม ตะนิ่นฯ “ไอ้ป๊อก มันปลุกอย่างนี้ทุกเช้าหรือวะ”
ตะนิ่นฯ หัวเราะแล้วบอกมัน “ไปเหอะ เดี๋ยวมันปลุกคนทั้งบ้าน แม่กูด่าเอา”
ไอ้ตี๋ พยักหน้าหัวเราะแล้ว เราสองคนจึงรีบแต่งตัวลงไปหา ไอ้ป๊อก ทันที
เราสามคนไปถึงโรงเรียน ก็ เจอ ไอ้จ๋อ นั่งรออยู่แล้ว
แต่ที่แปลกใจก็คือเห็น ไอ้จุ่น นั่งรออยู่ด้วย ... ไอ้ตี๋ ส่งเสียงถาม “ไปด้วยเหรอ?”
ไอ้จุ่น พยักหน้ารับ “เออ ... กูไปด้วยไม่เคยโบกรถไปเที่ยวเลย”
”รีบไปเหอะ เดี๋ยวไปหาข้าวเช้ากินกันแถววงเวียนใหญ่แล้วได้โบกรถกัน” ไอ้จ๋อ ว่า
*************************************************
เราไปถึงวงเวียนใหญ่ด้วยรถเมล์ประจำทางหาข้าวเช้ากินกัน
แล้วเดินมองหาป้อมตำรวจ เพื่อให้คุณพี่ตำรวจช่วย “โบกรถ” ให้พวกเราอีกครั้งหนึ่ง
ไม่นานนักเราก็โชคดีคุณพี่ตำรวจท่านช่วยโบกรถให้เป็นรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่
ซึ่งยินดีให้เราติดรถไปด้วย แต่ไปเพียงแค่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เท่านั้น
โห ... เพียงแค่นี้เราก็ดีใจกันเนื้อเต้นแล้ว ไปได้ถึง ประจวบฯ ไม่ใกล้หรอก
*************************************************
พวกเรามาถึง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กันประมาณเที่ยงกว่า
หลังจากกราบขอบพระคุณเจ้าของรถแล้ว จึงหาข้าวเที่ยงกินกัน
อิ่มหนำสำราญกันดีแล้วก็หาที่งีบกันริมหาด เคลิ้มเคลิ้มอยู่ก็ได้ยินเสียงเรียก
“หนูหนู มาทำอะไรกันแถวนี้ นี่เขตทหารนะมีบัตรผ่านเข้าออกไหม?”
พวกเราหันหน้ามองกันไปมา หล่อกแหล่ก-หล่อกแหล่ก ...
ไอ้จ๋อ ไหวพริบดีกว่าเพื่อน หันมาทาง ไอ้ป๊อก กับ ตะนิ่นฯ “เฮ้ย ... พวกมีบัตรฯไหม?”
ไอ้ป๊อก ส่ายหน้า ในขณะที่ ตะนิ่นฯ พยักหน้า พร้อมทั้งขวักบัตรผ่านเข้าออกเขตทหาร
ส่งให้ สารวัตรทหาร ท่านนั้นดู ... ส.ห. ท่านนั้นดูแล้วหัวเราะ “นี่มันเข้าออกเขตดอนเมืองนี่
ต้องเป็นบัตรผ่านของ บ.น. ๖ ประจวบฯ นะ หนู ... แต่เดี๋ยวจะลองสอบถามให้นะ”
ว่าพลางก็วิทยุสอบถามกลับไปที่กองบัญชาการกองบินฯ ...
ผลคือถูกควบคุมตัวไปที่ กองบัญชาการฯ ... ผบ.กองบินที่ ๖ ลงมาพบกับพวกเราด้วยตัวเอง
*************************************************
ด้วยสีหน้าที่ยิ้มพรายอย่างผู้ใหญ่ใจดี ท่านสอบถาม ตะนิ่นตาญี ว่า
“เป็น ลูกของอาจารย์แดงเหรอ” ตะนิ่นฯ ไม่รู้จะตอบอย่างไรนอกจาก “ครับ”
“เมื่อกี้อาโทรไปหาอาจารย์แดงท่านแล้ว ท่านบอกว่าตีได้เลย ... “
พวกเราทั้ง ๕ คน อุทานขึ้นพร้อมพร้อมกัน “เฮ้ย ...” ผบ.กองบินฯ หัวเราะเต็มเสียง
“อายังพูดไม่จบเลย ท่านบอกว่าให้ตีได้เลยหากทำตัวไม่ดี”
“เอางี้ดีกว่า มีที่พักกันหรือยัง?” “ยังเลยครับ” ตะนิ่นตาญี ตอบเสียงแผ่ว
“งั้นมานอนที่ กองบินฯ ก็แล้วกัน ... เอาไหม?” ตะนิ่นตาญี หันไปมอง เพื่อนผู้ร่วมชะตากรรม
พลางตอบไปว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะตั้งใจจะขึ้นไปนอนบนเขาช่องกระจกกันครับ”
“จะได้ตื่นขึ้นมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นสวยสวยกันครับ คุณอา”
“อ๋อ ... อยากผจญภัยกันสินนะ เอาสิลูกผู้ชายต้องทำอย่างนี้แหละ
งั้นเอางี้เย็นนี้สักหกโมงเย็น อาจะจัดอาหารเย็นเลี้ยงทุกคน เห็น อาจารย์แดง บอกว่า
กินเหล้ากันเก่งเก่งทุกคนไม่ใช่เหรอ” พวกเราหัวเราะกันอย่างอายอาย
“เอาสัมภาระทิ้งไว้ที่นี่แหละแล้วจะไปเดินเล่นในตัวเมืองกันก่อนก็ได้นะ
เดี๋ยว อาให้เขาเตรียมรถไว้ให้แล้ว ไปเที่ยวกันก่อนเถอะ”
พวกเราทุกคนก้มกราบขอบพระคุณ คุณอา ใจดี
ตะนิ่นตาญี
ขาสั้น-ขนยาว ตอน โบกรถ
โปรดกรุณาให้ข้อคิดความเห็น ติ-ชม ดี-เลว อย่างไรจักขอบพระคุณยิ่ง
ตะนิ่นตาญี
*****************************************’**’*’***********
คน เรา นั้น เมื่อชรามากขึ้น ก็ เจ็บปวด มาก ขึ้น ...
เรียนรู้ รสชาติ ของ ความอดกลั้น ที่ไม่อาจอดกลั้น บ่อยครั้งขึ้น
อิจฉาในความเยาว์วัย-อิจฉาในความไม่รู้ -อิจฉาโอกาสในการแสวงหา ในดินแดนที่ไม่เคยไปถึง
*************************************************
ละครแห่งชีวิตนี้ เริ่มขึ้น ณ โรงละครแห่งหนึ่ง โรงละครที่ไม่มีวันหายไปจากความทรงจำ
แม้จะล้มหายจากไปตามกฏแห่งอนิจจัง แต่ นิทาน ดีดี ใน โรงละครแห่งนี้ไม่มีทางหายไป
โรงละครที่เกิดขึ้นมาเพื่อ สร้าง บุคคลิกใหม่ ให้ความเยาว์วัย ให้กับวันพรุ่งนี้
สร้าง ให้ คน เป็น คน อย่างแท้จริง ... คน ที่ สมบูรณ์ ตามความหมาย ของ คน !
*************************************************
พรุ่งนี้ ตีห้าครึ่ง เจอกันที่โรงเรียนนะโว้ย ไอ้จ๋อ ตะโกนย้ำก่อนแยกกันกลับบ้าน
ไอ้ป๊อก ไอ้ตี๋ และ ตะนิ่นตาญี พยักหน้ารับ ก่อนที่รถเมล์จะเคลื่อนตัวออกไป
พวกเรานัดกัน “โบกรถ” ลงใต้ เป้าหมายอยู่ที่ จังหวัดสงขลา แต่ก็จะแวะไปเรื่อยเรื่อย
ขึ้นอยู่ว่าเราจะ “โบกรถ” กันไปได้ไกลแค่ไหน ...
ไอ้ตี๋ ตกลงที่จะไปค้างที่บ้าน ตะนิ่นตาญี เพื่อสะดวกในการเดินทางตอนเช้า
*************************************************
เช้าวันนั้นยังไม่ตีห้าดี ไอ้ป๊อก มาตะโกนเรียกอยู่ข้างห้องอีกตามเคย
ไอ้ตี๋ สะโหงว-สะเหงว ลุกขึ้นมาถาม ตะนิ่นฯ “ไอ้ป๊อก มันปลุกอย่างนี้ทุกเช้าหรือวะ”
ตะนิ่นฯ หัวเราะแล้วบอกมัน “ไปเหอะ เดี๋ยวมันปลุกคนทั้งบ้าน แม่กูด่าเอา”
ไอ้ตี๋ พยักหน้าหัวเราะแล้ว เราสองคนจึงรีบแต่งตัวลงไปหา ไอ้ป๊อก ทันที
เราสามคนไปถึงโรงเรียน ก็ เจอ ไอ้จ๋อ นั่งรออยู่แล้ว
แต่ที่แปลกใจก็คือเห็น ไอ้จุ่น นั่งรออยู่ด้วย ... ไอ้ตี๋ ส่งเสียงถาม “ไปด้วยเหรอ?”
ไอ้จุ่น พยักหน้ารับ “เออ ... กูไปด้วยไม่เคยโบกรถไปเที่ยวเลย”
”รีบไปเหอะ เดี๋ยวไปหาข้าวเช้ากินกันแถววงเวียนใหญ่แล้วได้โบกรถกัน” ไอ้จ๋อ ว่า
*************************************************
เราไปถึงวงเวียนใหญ่ด้วยรถเมล์ประจำทางหาข้าวเช้ากินกัน
แล้วเดินมองหาป้อมตำรวจ เพื่อให้คุณพี่ตำรวจช่วย “โบกรถ” ให้พวกเราอีกครั้งหนึ่ง
ไม่นานนักเราก็โชคดีคุณพี่ตำรวจท่านช่วยโบกรถให้เป็นรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่
ซึ่งยินดีให้เราติดรถไปด้วย แต่ไปเพียงแค่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เท่านั้น
โห ... เพียงแค่นี้เราก็ดีใจกันเนื้อเต้นแล้ว ไปได้ถึง ประจวบฯ ไม่ใกล้หรอก
*************************************************
พวกเรามาถึง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กันประมาณเที่ยงกว่า
หลังจากกราบขอบพระคุณเจ้าของรถแล้ว จึงหาข้าวเที่ยงกินกัน
อิ่มหนำสำราญกันดีแล้วก็หาที่งีบกันริมหาด เคลิ้มเคลิ้มอยู่ก็ได้ยินเสียงเรียก
“หนูหนู มาทำอะไรกันแถวนี้ นี่เขตทหารนะมีบัตรผ่านเข้าออกไหม?”
พวกเราหันหน้ามองกันไปมา หล่อกแหล่ก-หล่อกแหล่ก ...
ไอ้จ๋อ ไหวพริบดีกว่าเพื่อน หันมาทาง ไอ้ป๊อก กับ ตะนิ่นฯ “เฮ้ย ... พวกมีบัตรฯไหม?”
ไอ้ป๊อก ส่ายหน้า ในขณะที่ ตะนิ่นฯ พยักหน้า พร้อมทั้งขวักบัตรผ่านเข้าออกเขตทหาร
ส่งให้ สารวัตรทหาร ท่านนั้นดู ... ส.ห. ท่านนั้นดูแล้วหัวเราะ “นี่มันเข้าออกเขตดอนเมืองนี่
ต้องเป็นบัตรผ่านของ บ.น. ๖ ประจวบฯ นะ หนู ... แต่เดี๋ยวจะลองสอบถามให้นะ”
ว่าพลางก็วิทยุสอบถามกลับไปที่กองบัญชาการกองบินฯ ...
ผลคือถูกควบคุมตัวไปที่ กองบัญชาการฯ ... ผบ.กองบินที่ ๖ ลงมาพบกับพวกเราด้วยตัวเอง
*************************************************
ด้วยสีหน้าที่ยิ้มพรายอย่างผู้ใหญ่ใจดี ท่านสอบถาม ตะนิ่นตาญี ว่า
“เป็น ลูกของอาจารย์แดงเหรอ” ตะนิ่นฯ ไม่รู้จะตอบอย่างไรนอกจาก “ครับ”
“เมื่อกี้อาโทรไปหาอาจารย์แดงท่านแล้ว ท่านบอกว่าตีได้เลย ... “
พวกเราทั้ง ๕ คน อุทานขึ้นพร้อมพร้อมกัน “เฮ้ย ...” ผบ.กองบินฯ หัวเราะเต็มเสียง
“อายังพูดไม่จบเลย ท่านบอกว่าให้ตีได้เลยหากทำตัวไม่ดี”
“เอางี้ดีกว่า มีที่พักกันหรือยัง?” “ยังเลยครับ” ตะนิ่นตาญี ตอบเสียงแผ่ว
“งั้นมานอนที่ กองบินฯ ก็แล้วกัน ... เอาไหม?” ตะนิ่นตาญี หันไปมอง เพื่อนผู้ร่วมชะตากรรม
พลางตอบไปว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะตั้งใจจะขึ้นไปนอนบนเขาช่องกระจกกันครับ”
“จะได้ตื่นขึ้นมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นสวยสวยกันครับ คุณอา”
“อ๋อ ... อยากผจญภัยกันสินนะ เอาสิลูกผู้ชายต้องทำอย่างนี้แหละ
งั้นเอางี้เย็นนี้สักหกโมงเย็น อาจะจัดอาหารเย็นเลี้ยงทุกคน เห็น อาจารย์แดง บอกว่า
กินเหล้ากันเก่งเก่งทุกคนไม่ใช่เหรอ” พวกเราหัวเราะกันอย่างอายอาย
“เอาสัมภาระทิ้งไว้ที่นี่แหละแล้วจะไปเดินเล่นในตัวเมืองกันก่อนก็ได้นะ
เดี๋ยว อาให้เขาเตรียมรถไว้ให้แล้ว ไปเที่ยวกันก่อนเถอะ”
พวกเราทุกคนก้มกราบขอบพระคุณ คุณอา ใจดี
ตะนิ่นตาญี