แรกรัก 5
หลังจากวางสายโทรศัพท์จาก คุณพ่อ ของ ตะนิ่นตาญี แล้ว …
คุณแม่ ของ เต้ บอกให้ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวด้วยกัน …
ตะนิ่นตาญี ก้มลงกราบท่านทั้งสองอีกครั้งหนึ่งก่อนจะขยับตัวออกไป …
เต้ เดินตามออกมาด้วย ...
ตะนิ่นตาญี หันไปถาม เต้ ... นี่รู้มาก่อนไหม …
ไม่รู้หรอก เมื่อกี้ได้ยินยังตกใจเลย … เต้ บอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม …
ตะนิ่นตาญี พยักหน้ารับทราบ ...
ในขณะที่ เต้ เดินเข้ามาเกาะแขนแล้วจูง ตะนิ่นตาญี ไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง …
เอ้อ ... เดี๋ยว คุณพ่อ-คุณแม่ เห็นเข้า ... ต้อ จะถูกดุเอานะ ... ตะนิ่นตาญี บอกกับ เต้ …
ไม่หรอก-ไม่ถูกดุหรอก … เต้ บอกแค่นี้โดยไม่ให้เหตุผล …
หลายเรื่องทีเดียวที่ ตะนิ่นตาญี อยากซัก-อยากถาม …
แต่รู้ได้เลยว่า … คำตอบของเรื่องราวที่อยากรู้ … หาคำตอบได้บนโต๊ะอาหารเท่านั้น
*******************************************
บ้านหลังนั้นเป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องรับแขก ...
ลึกเข้าไปเป็นห้องกินข้าว และ ห้องครัวแบบฟารั้งอยู่สุดท้าย …
ชั้นบนมี สามห้องนอน-สามห้องน้ำ เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ทั้งสามห้อง ...
หนึ่งในสามห้องนอนนั้นทำเผื่อ คุณพ่อ-คุณแม่ ท่านจะมานอนที่บ้านหลังนี้ ...
อีกสองห้องเป็นห้องของ พี่ตุ้ม หนึ่งห้อง และ เต้ อีกหนึ่งห้อง
ห้องที่ ตะนิ่นตาญี ไปพักนั้นเป็น ห้อง ของ เต้ ...
ห้องนอนของ เต้ นั้น มีสีฟ้าอ่อน บนโต๊ะเครื่องแป้งมีของใช้ไม่กี่ชิ้น …
ข้างโต๊ะเครื่องแป้งมี ระนาดเอก วางไว้ …
ระนาดราง นั้น เห็นแวบเดียวก็รู้ว่า … นี่คือ ของเก่า มีสภาพเรียบร้อย สะอาด-สะอ้าน ไร้ฝุ่นละออง …
เตียงนอนก็เช่นกัน เป็น เตียงนอนเหล็ก มี คานบนไว้สำหรับรองมุ้ง
ตัวมุ้งขาวสะอาด มี ลายปักเป็นรูปดอกไม้ทั้งสี่มุม ...
ที่ข้างฝาเป็น ตู้หนังสือ ที่มี หนังสือ อัดอยู่แน่นเต็มไปหมด ...
ถัดไปเป็นหน้าต่าง เปิดกว้างไว้ มี มุ้งลวดปิดกันยุงเข้า มองเห็น ดงต้นสน อยู่ลิบลิบ …
ในยามเช้าแสงอาทิตย์จะสาดส่องเข้ามาช่องหน้าต่างนี้พอดี …
เหล่านี้แสดงให้เห็นรสนิยมงดงาม อารมณ์ที่สุนทรีย์ และ เยือกเย็น
*******************************************
ห้องนอน ของ เต้ … เต้ บอก … ต้อ อาบน้ำเสร็จแล้วไปกินข้าวเช้าที่ เรือนใหญ่ นะ …
เดี๋ยว เต้ ไปดูให้แม่บ้านเขาจัดอาหารเช้าให้เรียบร้อยก่อน ...
ว่าแล้วก็เดินลับหายไป ...
*******************************************
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ตะนิ่นตาญี เดินไปเรือนหลังใหญ่ซึ่งอยู่ห่างกันพอสมควร ...
ระหว่างทางเดินนั้นมีพันธุ์ไม้ไทยโบราณส่งกลิ่นหอมอยู่เป็น ระยะ-ระยะ …
ทั้ง มะลิ-ยี่หุบ-สายหยุด-ยี่โถ ฯลฯ
ร่ำ-ร่ำ จะเก็บ มะลิ อยู่เหมือนกัน เพราะหอมชื่นใจเหลือเกิน …
แต่คิดอยู่ว่า นี่ไม่ใช่สิ่งสมควร จึงเดินผ่านไปด้วยความอาวรณ์ ...
สักพักหนึ่งก็มาถึงเรือนใหญ่ เมื่อเดินขึ้นบันไดไปยังชานเรือน …
เห็น สำรับอาหาร จัดวางอยู่ที่โต๊ะไม้สักเตี้ย ...
เต้ อยู่ในชุด ซิ่นลายดอก ยาวกรอมข้อเท้า เสื้อสีขาวแขนจีบตรงข้อศอก …
รวบผมม้าอยู่ด้านหลัง … กำลังคุกเข่าจัดวางเรียง สำรับกับข้าว และ ตักข้าวใส่จาน ...
ตะนิ่นตาญี ได้แต่มองตาไม่กระพริบ ด้วยอาการคนที่ลืมไปแล้วว่า … โลกยังคงหมุนอยู่ ...
แต่ต้องมาสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงกระแอมดังขึ้นอยู่ด้านหลัง …
นั่งกับพื้นได้ไหม ต้อ … เสียงคุณแม่ ของ เต้ ดังขึ้น … ที่บ้านเรากินข้าวกันอย่างนี้นะ ...
ตะนิ่นตาญี ยิ้มรับความเมตตาของท่านพร้อมทั้งทรุดตัวลงนั่งใกล้ สำรับข้าว …
ที่ตรงนั้นมี จานปลาทอดที่มีกระเทียมเจียวโรย แกงเหลือง ผัดสะตอกุ้ง ...
กุ้งทอดกระเทียมพริกไทย แกงจืด น้ำพริกพร้อมผักแนม …
ลูกเหนียงดอง สะตอดอง และ ผักสำหรับกินกับน้ำพริก อีกจำนวนมาก
ระหว่างรอคุณพ่อออกมากินข้าว คุณแม่ ของ เต้ ชวนคุยไม่หยุดปาก …
โดยมี เต้ นั่งพับเพียบเบียดอยู่กับ คุณแม่ ฟังเราคุยกันสาระพัด …
สักครู่หนึ่ง คุณพ่อ ก็ออกมานั่งลงแล้วบอกให้กินข้าวกันได้เลย …
คุณพ่อ ของ เต้ บอกว่า พึ่งวางสายจาก คุณพ่อ ของ ตะนิ่นตาญี …
แล้วเล่าให้ฟังว่า ไม่ได้เจอ พี่แดง มานานมากแล้ว รู้จักกันครั้งแรกเมื่อสิบปีที่แล้ว
ขณะนั้น คุณพ่อ ของ ตะนิ่นตาญี เป็น ...
ทูตทหารประจำอยู่ที่ กรุง Washington D.C.
ส่วนตัวท่านเป็น ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศประจำสถานทูตไทยในอเมริกา
สนิทกันกับ คุณพ่อ ของ ตะนิ่นตาญี เป็นอย่างดี กินเหล้าด้วยกันบ่อยบ่อย ...
เมื่อถามถึงเรื่องเรียน ของ ตะนิ่นตาญี ว่าผลการเรียนเป็นอย่างไร …
อยากเรียนอะไรต่อ จึงได้เรียนท่านไปว่า …
อยากเรียน วิศวะกรรมศาสตร์ หรือ นิติศาสตร์ อย่างใด-อย่างหนึ่ง
และ เมื่อเรียนจบแล้ว ตั้งใจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ … เพื่อทำให้ได้ในระดับชั้น ปริญญาเอก ...
ระหว่างกินข้าวกันอยู่นั้น ตะนิ่นตาญี ไม่ได้ยินเสียง เต้ พูดอะไรสักคำ …
และ เมื่อเหลือบตามองก็เห็น เต้ นั่งมอง ตะนิ่นตาญี ด้วยสีหน้ายิ้มละไม … อย่างมีความสุขอยู่ข้างข้างคุณแม่ ...
ตะนิ่นตาญี
แรกรัก
หลังจากวางสายโทรศัพท์จาก คุณพ่อ ของ ตะนิ่นตาญี แล้ว …
คุณแม่ ของ เต้ บอกให้ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวด้วยกัน …
ตะนิ่นตาญี ก้มลงกราบท่านทั้งสองอีกครั้งหนึ่งก่อนจะขยับตัวออกไป …
เต้ เดินตามออกมาด้วย ...
ตะนิ่นตาญี หันไปถาม เต้ ... นี่รู้มาก่อนไหม …
ไม่รู้หรอก เมื่อกี้ได้ยินยังตกใจเลย … เต้ บอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม …
ตะนิ่นตาญี พยักหน้ารับทราบ ...
ในขณะที่ เต้ เดินเข้ามาเกาะแขนแล้วจูง ตะนิ่นตาญี ไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง …
เอ้อ ... เดี๋ยว คุณพ่อ-คุณแม่ เห็นเข้า ... ต้อ จะถูกดุเอานะ ... ตะนิ่นตาญี บอกกับ เต้ …
ไม่หรอก-ไม่ถูกดุหรอก … เต้ บอกแค่นี้โดยไม่ให้เหตุผล …
หลายเรื่องทีเดียวที่ ตะนิ่นตาญี อยากซัก-อยากถาม …
แต่รู้ได้เลยว่า … คำตอบของเรื่องราวที่อยากรู้ … หาคำตอบได้บนโต๊ะอาหารเท่านั้น
*******************************************
บ้านหลังนั้นเป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องรับแขก ...
ลึกเข้าไปเป็นห้องกินข้าว และ ห้องครัวแบบฟารั้งอยู่สุดท้าย …
ชั้นบนมี สามห้องนอน-สามห้องน้ำ เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ทั้งสามห้อง ...
หนึ่งในสามห้องนอนนั้นทำเผื่อ คุณพ่อ-คุณแม่ ท่านจะมานอนที่บ้านหลังนี้ ...
อีกสองห้องเป็นห้องของ พี่ตุ้ม หนึ่งห้อง และ เต้ อีกหนึ่งห้อง
ห้องที่ ตะนิ่นตาญี ไปพักนั้นเป็น ห้อง ของ เต้ ...
ห้องนอนของ เต้ นั้น มีสีฟ้าอ่อน บนโต๊ะเครื่องแป้งมีของใช้ไม่กี่ชิ้น …
ข้างโต๊ะเครื่องแป้งมี ระนาดเอก วางไว้ …
ระนาดราง นั้น เห็นแวบเดียวก็รู้ว่า … นี่คือ ของเก่า มีสภาพเรียบร้อย สะอาด-สะอ้าน ไร้ฝุ่นละออง …
เตียงนอนก็เช่นกัน เป็น เตียงนอนเหล็ก มี คานบนไว้สำหรับรองมุ้ง
ตัวมุ้งขาวสะอาด มี ลายปักเป็นรูปดอกไม้ทั้งสี่มุม ...
ที่ข้างฝาเป็น ตู้หนังสือ ที่มี หนังสือ อัดอยู่แน่นเต็มไปหมด ...
ถัดไปเป็นหน้าต่าง เปิดกว้างไว้ มี มุ้งลวดปิดกันยุงเข้า มองเห็น ดงต้นสน อยู่ลิบลิบ …
ในยามเช้าแสงอาทิตย์จะสาดส่องเข้ามาช่องหน้าต่างนี้พอดี …
เหล่านี้แสดงให้เห็นรสนิยมงดงาม อารมณ์ที่สุนทรีย์ และ เยือกเย็น
*******************************************
ห้องนอน ของ เต้ … เต้ บอก … ต้อ อาบน้ำเสร็จแล้วไปกินข้าวเช้าที่ เรือนใหญ่ นะ …
เดี๋ยว เต้ ไปดูให้แม่บ้านเขาจัดอาหารเช้าให้เรียบร้อยก่อน ...
ว่าแล้วก็เดินลับหายไป ...
*******************************************
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ตะนิ่นตาญี เดินไปเรือนหลังใหญ่ซึ่งอยู่ห่างกันพอสมควร ...
ระหว่างทางเดินนั้นมีพันธุ์ไม้ไทยโบราณส่งกลิ่นหอมอยู่เป็น ระยะ-ระยะ …
ทั้ง มะลิ-ยี่หุบ-สายหยุด-ยี่โถ ฯลฯ
ร่ำ-ร่ำ จะเก็บ มะลิ อยู่เหมือนกัน เพราะหอมชื่นใจเหลือเกิน …
แต่คิดอยู่ว่า นี่ไม่ใช่สิ่งสมควร จึงเดินผ่านไปด้วยความอาวรณ์ ...
สักพักหนึ่งก็มาถึงเรือนใหญ่ เมื่อเดินขึ้นบันไดไปยังชานเรือน …
เห็น สำรับอาหาร จัดวางอยู่ที่โต๊ะไม้สักเตี้ย ...
เต้ อยู่ในชุด ซิ่นลายดอก ยาวกรอมข้อเท้า เสื้อสีขาวแขนจีบตรงข้อศอก …
รวบผมม้าอยู่ด้านหลัง … กำลังคุกเข่าจัดวางเรียง สำรับกับข้าว และ ตักข้าวใส่จาน ...
ตะนิ่นตาญี ได้แต่มองตาไม่กระพริบ ด้วยอาการคนที่ลืมไปแล้วว่า … โลกยังคงหมุนอยู่ ...
แต่ต้องมาสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงกระแอมดังขึ้นอยู่ด้านหลัง …
นั่งกับพื้นได้ไหม ต้อ … เสียงคุณแม่ ของ เต้ ดังขึ้น … ที่บ้านเรากินข้าวกันอย่างนี้นะ ...
ตะนิ่นตาญี ยิ้มรับความเมตตาของท่านพร้อมทั้งทรุดตัวลงนั่งใกล้ สำรับข้าว …
ที่ตรงนั้นมี จานปลาทอดที่มีกระเทียมเจียวโรย แกงเหลือง ผัดสะตอกุ้ง ...
กุ้งทอดกระเทียมพริกไทย แกงจืด น้ำพริกพร้อมผักแนม …
ลูกเหนียงดอง สะตอดอง และ ผักสำหรับกินกับน้ำพริก อีกจำนวนมาก
ระหว่างรอคุณพ่อออกมากินข้าว คุณแม่ ของ เต้ ชวนคุยไม่หยุดปาก …
โดยมี เต้ นั่งพับเพียบเบียดอยู่กับ คุณแม่ ฟังเราคุยกันสาระพัด …
สักครู่หนึ่ง คุณพ่อ ก็ออกมานั่งลงแล้วบอกให้กินข้าวกันได้เลย …
คุณพ่อ ของ เต้ บอกว่า พึ่งวางสายจาก คุณพ่อ ของ ตะนิ่นตาญี …
แล้วเล่าให้ฟังว่า ไม่ได้เจอ พี่แดง มานานมากแล้ว รู้จักกันครั้งแรกเมื่อสิบปีที่แล้ว
ขณะนั้น คุณพ่อ ของ ตะนิ่นตาญี เป็น ...
ทูตทหารประจำอยู่ที่ กรุง Washington D.C.
ส่วนตัวท่านเป็น ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศประจำสถานทูตไทยในอเมริกา
สนิทกันกับ คุณพ่อ ของ ตะนิ่นตาญี เป็นอย่างดี กินเหล้าด้วยกันบ่อยบ่อย ...
เมื่อถามถึงเรื่องเรียน ของ ตะนิ่นตาญี ว่าผลการเรียนเป็นอย่างไร …
อยากเรียนอะไรต่อ จึงได้เรียนท่านไปว่า …
อยากเรียน วิศวะกรรมศาสตร์ หรือ นิติศาสตร์ อย่างใด-อย่างหนึ่ง
และ เมื่อเรียนจบแล้ว ตั้งใจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ … เพื่อทำให้ได้ในระดับชั้น ปริญญาเอก ...
ระหว่างกินข้าวกันอยู่นั้น ตะนิ่นตาญี ไม่ได้ยินเสียง เต้ พูดอะไรสักคำ …
และ เมื่อเหลือบตามองก็เห็น เต้ นั่งมอง ตะนิ่นตาญี ด้วยสีหน้ายิ้มละไม … อย่างมีความสุขอยู่ข้างข้างคุณแม่ ...
ตะนิ่นตาญี