https://etipitaka.com/read/thai/19/359/
[๑๔๗๘] ดูกรอานนท์
-
อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เกินกว่า ๕๐ คน กระทำ กาละแล้ว
เป็นอุปปาติกะ 👈พระอนาคามี
จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
เพราะ สังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป
-
อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเกินกว่า ๙๐ คน กระทำกาละแล้ว
เป็นพระสกทาคามี
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไปและเพราะราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง มาสู่โลกนี้อีกคราวเดียว
แล้วจักทำที่สุดทุกข์ได้
-
อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เกินกว่า ๕๐๐ คน กระทำกาละแล้ว
เป็นพระโสดาบัน
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป มีอันไม่ตกต่ำ เป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
https://etipitaka.com/read/thai/19/359/
[๑๔๗๐] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์
-
ภิกษุชื่อสาฬหะมรณภาพแล้ว กระทำ
ให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้👈พระอรหันต์
เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญา อันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่
-
ภิกษุณีชื่อนันทามรณภาพแล้ว
เป็นอุปปาติกะ 👈พระอนาคามี
จักปรินิพพาน ในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป
-
อุบาสกชื่อว่าสุทัตตะกระทำกาละแล้ว
เป็นพระสกทาคามี
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป และเพราะ ราคะ โทสะ โมหะเบาบาง
มาสู่โลกนี้อีกคราวหนึ่งแล้ว จักกระทำที่สุดทุกข์ได้
-
อุบาสิกา ชื่อว่าสุชาดากระทำกาละแล้ว
เป็นพระโสดาบัน
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป มีความไม่ตกต่ำเป็น ธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
สรุป..
1. จะเห็นว่า... ในสมัยพุทธกาล พระศาสดาท่านทรงพยากรณ์สาวกของท่านว่าเป็นอริยบุคคลในระดับใด..
ซึ่งการพยากรณ์นี้... ไม่ใช่ใครจะไปพยากรณ์ให้ใครได้นะ... นอกจากพระศาสดา..และผู้ที่เหมือนพระศาสดา
ส่วนตนเอง..พระศาสดาท่านให้พยากรณ์ตนเองนั่นหละ ไม่งั้นจะรู้หรือว่า...ตนเองนะอยู่ในระดับอริยบุคคลขั้นใด
2. จากพระสูตรจะเห็นว่า... ผู้ที่พระศาสดาท่านพยากรณ์ล้วนเป็นผู้... กระทำการกาละไปแล้ว(ตาย)..
ทำไม? คืออย่างนี้.. ท่านพยากรณ์เพราะเหตุที่ท่านเหล่านั้น..ละโลกนี้แล้ว..กระทำกิจพรหมจรรย์ในศาสนานี้
จนถึงที่สุดในโลกนี้แล้ว... จึงจะสรุปว่าท่านเหล่านั้นกระทำสุดแล้วในขั้นใดๆ หากไปพยากรณ์สรุปบุคคลที่
ยังมีชีวิตอยู่... ก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก เพราะสมมุติว่าตอนพยากรณ์เขาเป็นพระโสดาบัน... แต่ก่อนตายอาตจะเป็นถึง
พระอรหันต์..ก็ได้ หรืออาจจะเป็นพระโสดาบันตอนกลางคนและ..ตอนแก่ตายก็เป็นพระโสดาบันอยู่เหมือนเดิมก็ได้
นี่คือเหตุผลที่... ว่าในที่นี้...ผู้ที่พระศาสดาท่านทรวพยากรณ์ล้วนเป็นผู้ที่กระทำกาละไปแล้ว
3. จะเห็นว่า...อุบาสก-อุบาสิกา... จะเป็นพระโสดาบันมากกว่า..พระสกทาคามี และ..พระอนาคามี..มีน้อยที่สุด
จะพบว่า... ไม่มีการพยากรณ์อุบาสก-อุบาสิกา...เป็นพระอรหันต์
จะพบว่า...การบวชเป็นภิกษุจะเอื้ออำนวยอย่างมากให้บรรลุเป็นพระอรหันต์.. หรือถ้าไม่ถึงก็จะได้อนาคามี
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้สกทาคามี..ตอนที่ 10 :..พระศาสดาท่านพยากรณ์สาวกของพระองค์ว่าเป็น...สกทาคามี...
https://etipitaka.com/read/thai/19/359/
[๑๔๗๘] ดูกรอานนท์
- อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เกินกว่า ๕๐ คน กระทำ กาละแล้ว เป็นอุปปาติกะ 👈พระอนาคามี
จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
เพราะ สังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป
- อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเกินกว่า ๙๐ คน กระทำกาละแล้ว เป็นพระสกทาคามี
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไปและเพราะราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง มาสู่โลกนี้อีกคราวเดียว
แล้วจักทำที่สุดทุกข์ได้
- อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เกินกว่า ๕๐๐ คน กระทำกาละแล้ว เป็นพระโสดาบัน
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป มีอันไม่ตกต่ำ เป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
https://etipitaka.com/read/thai/19/359/
[๑๔๗๐] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์
- ภิกษุชื่อสาฬหะมรณภาพแล้ว กระทำ ให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้👈พระอรหันต์
เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญา อันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่
- ภิกษุณีชื่อนันทามรณภาพแล้ว เป็นอุปปาติกะ 👈พระอนาคามี
จักปรินิพพาน ในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป
- อุบาสกชื่อว่าสุทัตตะกระทำกาละแล้ว เป็นพระสกทาคามี
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป และเพราะ ราคะ โทสะ โมหะเบาบาง
มาสู่โลกนี้อีกคราวหนึ่งแล้ว จักกระทำที่สุดทุกข์ได้
- อุบาสิกา ชื่อว่าสุชาดากระทำกาละแล้ว เป็นพระโสดาบัน
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป มีความไม่ตกต่ำเป็น ธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
สรุป..
1. จะเห็นว่า... ในสมัยพุทธกาล พระศาสดาท่านทรงพยากรณ์สาวกของท่านว่าเป็นอริยบุคคลในระดับใด..
ซึ่งการพยากรณ์นี้... ไม่ใช่ใครจะไปพยากรณ์ให้ใครได้นะ... นอกจากพระศาสดา..และผู้ที่เหมือนพระศาสดา
ส่วนตนเอง..พระศาสดาท่านให้พยากรณ์ตนเองนั่นหละ ไม่งั้นจะรู้หรือว่า...ตนเองนะอยู่ในระดับอริยบุคคลขั้นใด
2. จากพระสูตรจะเห็นว่า... ผู้ที่พระศาสดาท่านพยากรณ์ล้วนเป็นผู้... กระทำการกาละไปแล้ว(ตาย)..
ทำไม? คืออย่างนี้.. ท่านพยากรณ์เพราะเหตุที่ท่านเหล่านั้น..ละโลกนี้แล้ว..กระทำกิจพรหมจรรย์ในศาสนานี้
จนถึงที่สุดในโลกนี้แล้ว... จึงจะสรุปว่าท่านเหล่านั้นกระทำสุดแล้วในขั้นใดๆ หากไปพยากรณ์สรุปบุคคลที่
ยังมีชีวิตอยู่... ก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก เพราะสมมุติว่าตอนพยากรณ์เขาเป็นพระโสดาบัน... แต่ก่อนตายอาตจะเป็นถึง
พระอรหันต์..ก็ได้ หรืออาจจะเป็นพระโสดาบันตอนกลางคนและ..ตอนแก่ตายก็เป็นพระโสดาบันอยู่เหมือนเดิมก็ได้
นี่คือเหตุผลที่... ว่าในที่นี้...ผู้ที่พระศาสดาท่านทรวพยากรณ์ล้วนเป็นผู้ที่กระทำกาละไปแล้ว
3. จะเห็นว่า...อุบาสก-อุบาสิกา... จะเป็นพระโสดาบันมากกว่า..พระสกทาคามี และ..พระอนาคามี..มีน้อยที่สุด
จะพบว่า... ไม่มีการพยากรณ์อุบาสก-อุบาสิกา...เป็นพระอรหันต์
จะพบว่า...การบวชเป็นภิกษุจะเอื้ออำนวยอย่างมากให้บรรลุเป็นพระอรหันต์.. หรือถ้าไม่ถึงก็จะได้อนาคามี