ฝุ่น PM 2.5 วิกฤต กทม.พุ่งอันดับ 3 โลก ‘เศรษฐา-ช่อ’ บี้รบ.จริงจังแก้ปัญหา ชี้เรื่องใหญ่
https://www.matichon.co.th/local/news_3802360
ฝุ่น PM 2.5 วิกฤต กทม.พุ่งอันดับ 3 โลก ‘เศรษฐา-ช่อ’ บี้รบ.จริงจังแก้ปัญหา ชี้เรื่องใหญ่
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ฝุ่นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยเกิดค่ามาตรฐาน ทำให้ในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งกรุงเทพฯ ภาคกลาง และ ภาคเหนือ
โดยในกรุงเทพฯ มีกว่า 70 พื้นที่ ที่ฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน เวลา 05.00-07.00 น. ว่าตรวจวัดได้ 57-97 มคก./ลบ.ม.ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 72.5 มคก./ลบ.ม. โดย ที่เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ สูงถึง 121 มคก./ ลบ.ม.
ทั้งนี้ ในแอพพลิเคชั่น IQAir พบว่าสภาพอากาศของกรุงเทพฯวิกฤต ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลกที่ 198 เป็นรองเพียง เป็นสีแดง และจะอยู่ระดับนี้ไปทั้งวัน แนะนำให้งดกิจกรรมทางแจ้ง เป็นรองเพียง มุมไบ ในอินเดีย และ ละฮอร์ ในปากีสถาน ขณะที่เชียงใหม่ เป็นอันดับ 13 อยู่ที่ 164
โดยประชาชนหลายคน ได้ติดแฮชแทก
#ฝุ่นPM25 รายงานสถานการณ์ฝุ่นในแต่ละพื้นที่ และเสนอแนะ หาทางออกในการแก้ปัญหา
พรรณิการ์ วานิช จาก คณะก้าวหน้า ระบุว่า “
บันทึกไว้ วันนี้วัด PM2.5 ที่คอนโดได้ 150-170 สูงสุดที่เคยเห็นตั้งแต่ได้เครื่องวัดมา ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขนาดไม่ได้เป็นภูมิแพ้ ยังเจ็บคอ คัดจมูกทุกวันเพราะฝุ่น คนที่เป็นโรคทางเดินหายใจ เด็กเล็ก คนแก่ และคนที่ต้องอยู่กลางแจ้งทั้งวัน น่าจะหนักมาก ได้เวลาที่รัฐต้องจริงจังกับปัญหาฝุ่นพิษมากกว่านี้แล้ว”
ด้าน
เศรษฐา ทวีสิน บอสใหญ่แสนสิริ ระบุว่า “
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แสดงว่านโยบายลดคาร์บอนของรัฐบาลยังไม่ดีพอ ถ้าเราจะยังรักโลกเราอย่างจริงจัง และไม่ได้ดีแต่พูด ต้องมีการแก้แผนงานทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายรถไฟฟ้าที่เรายังทำได้อีกเยอะ รวมถึงการให้ผลตอบแทนพิเศษกับบริษัทผลิตรถไฟฟ้าที่หาฐานผลิตใหม่ ก่อนเพื่อนบ้านเราจะเอาไป”
เล็งร้อง ‘กกต.’ สอบ ‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่ราชบุรี เอื้อประโยชน์เลือกตั้ง จี้ ‘นายกฯ’ สอบวินัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3802495
‘สมชัย’ เล็งร้อง ‘กกต.’ สอบ ‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่จ.ราชบุรี เอื้อประโยชน์เลือกตั้งหรือไม่ ถามลาครึ่งวัน ลาอะไร ถ้าป่วยก็ต้องอยู่บ้าน จี้ ‘นายกฯ’ สอบวินัย -พ้นตำแหน่งชั่วคราว
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย (สร.) และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เห็นจุดที่มีปัญหาต้องตรวจสอบอะไรหรือไม่ ว่า พล.อ.
ประวิตร ได้ไปตรวจราชการเกี่ยวกับเรื่องน้ำที่จ.ราชบุรี ในช่วงเช้า และในช่วงบ่ายมีการขึ้นเวที เวลา 14.51 น. ของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และใช้เวทีดังกล่าวในการแนะนำผู้สมัคร และขอให้ประชาชนเลือกพรรค พปชร. ซึ่งประเด็นคือ เวลาดังกล่าว เป็นเวลาราชการ การที่จะไปหาเสียงในเวลาราชการอาจจะไม่เหมาะสม แม้จะมีการลากิจหรือลาป่วยก็ตาม ตนคิดว่าน่าจะเป็นปัญหา เพราะช่วงเช้าที่พล.อ.
ประวิตรไป มีการใช้รถยนต์ ใช้ทรัพยากรของรัฐในการเดินทางไปราชการที่จ.ราชบุรี และช่วงบ่าย พล.อ.
ประวิตร ก็หาเสียงบนเวที ตนถือว่าน่าจะเข้าข่ายการใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ ในการเอื้อประโยชน์หาเสียงทางการเมืองให้พรรคการเมือง และผู้สมัครบางคน
นาย
สมชัย กล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องขอดูรายละเอียดคือ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ และมีคลิปเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นหลักฐานได้เพียงพอหรือไม่ ถ้าในกรณีที่เป็นจริง ตนคิดว่ากกต. ควรต้องดำเนินการในเรื่องนี้ ในฐานะที่พล.อ.
ประวิตร เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กกต.จะต้องทำหนังสือตักเตือนไปว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ต่อให้ยุติการกระทำแต่ในอนาคตจะต้องไม่มีสิ่งนี้เกิดขึ้น และในขณะเดียวกันกกต.จะต้องทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อบอกว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน ทำผิดระเบียบการหาเสียง คือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้ทรัพยากรของรัฐในการเอื้อประโยชน์การหาเสียง ขอสั่งให้มีการสอบสวนทางวินัยหรือสั่งให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น
“
ต้องดูว่าหลักฐานต่างๆผูกแน่นเพียงใดในกรณีมีหลักฐานชัดเจนว่ากระทำสิ่งนี้ แล้วกกต.ไม่ดำเนินการใดๆ ผมจะถือว่ากกต. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และจะใช้ช่วงเวลานี้เก็บหลักฐานต่อไป หากหลักฐานชัดเจนผมจะเป็นผู้ยื่นถึงกกต.เอง”นาย
สมชัย กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.
ประวิตร ระบุว่าลาครึ่งวัน ถือว่าไม่ได้ใช้เวลาราชการ นาย
สมชัย กล่าวว่า การลาก็ผิด ถามว่าลาอะไร ถ้าลาป่วยก็โกหก ถือว่าเป็นการลาโดยแจ้งเหตุที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากป่วยต้องอยู่บ้าน ถ้าลากิจต้องมีการลาก่อนล่วงหน้าและการใช้ทรัพยากรของรัฐในช่วงเช้า ที่เดินทางไปจ.ราชบุรี ถือว่าใช้ของหลวงแฝงไปเพื่อประโยชน์การเลือกตั้ง ส่วนว่าหากมีการยุบสภาฯ ความผิดที่ส่อว่าจะผิดถือว่าหายไปด้วยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่กกต.ต้องวินิจฉัย เพราะในตัวพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. นอกเหนือจากเรื่องจะให้เริ่มนับค่าใช้จ่ายอย่างไร เช่น การยุบสภาก็เริ่มนับค่าใช้จ่ายตั้งแต่ยุบสภาฯ มาเริ่มต้นกันใหม่ แต่เรื่องการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งที่เกิดขึ้นก่อนการยุบสภา ยังเป็นเรื่องที่กกต.ต้องดูแล ถ้ากกต.บอกว่าทุกอย่างสิ้นสุดลง ตนจะยกข้อกฎหมายและร้องต่อกตต.ว่ากกต.ทำผิดกฎหมาย ยืนยันว่าหากในกรณีดังกล่าวมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นในช่วงเวลา 180 วัน กกต.ต้องดำเนินการ
‘พ.ต.อ.ทวี’ ขู่ฟ้องกลับ ‘ศุภชัย’ ใส่ร้าย-กล่าวหาเท็จ ก้าวก่ายย้าย ‘หมอสุภัทร’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3802351
‘ทวี’ สั่งสอบ-ดำเนินคดีต่อปม ‘ศุภชัย’ แถลงข่าวเท็จว่าก้าวก่ายโยกย้าย ‘หมอสุภัทร’
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นาย
มูฮัมหมัดรุสดี เชคฮารูณ รองโฆษกพรรคประชาชาติ กล่าวถึงกรณีที่ นาย
ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวถึง พ.ต.อ.
ทวี สอดส่อง ส.ส.พรรคประชาชาติ หลังออกแถลงการณ์คัดค้านคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขโยกย้าย นพ.
สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบทว่า เรื่องนี้ พ.ต.อ.
ทวี ยืนยันว่าการแถลงข่าวดังกล่าว ของนาย
ศุภชัย เป็นการกล่าวอ้างข้อมูลที่เป็นเท็จ ไม่มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เป็นการกล่าวหาปรักปรำใส่ร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ซึ่ง พ.ต.อ.
ทวี ไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือให้ข่าวแก่สื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด การกล่าวอ้างถึงแถลงการณ์พรรคประชาชาติ เมื่อตรวจดูแถลงการณ์แล้วเป็นการแสดงจุดยืนทางสังคมของพรรคที่ชอบด้วยกฏหมาย หน้าที่และอำนาจ
โดยในแถลงการณ์ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงเหตุผลต่อสาธารณะชนถึงเหตุผลของการโยกย้ายนพ.
สุภัทรเท่านั้น เพราะรัฐมนตรีมีอำนาจบริหารกำกับดูแล ในกระทรวงสาธารณสุข และรัฐธรรมนูญบัญญัติให้รัฐมนตรีต้อง ‘’
…ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี…รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบต่อสภาผู้แทนราษฏรในเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตน…” ซึ่งแถลงการณ์ของพรรคประชาชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะมิใช่เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือของพรรคการเมืองใด หรือต่อบุคคลใดๆ ไม่ได้มีการกระทำใดอันเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงในการโยกย้ายข้าราชการทั้งสิ้น เพราะคำสั่งโยกย้าย ได้กระทำสำเร็จไปแล้ว จึงไม่มีการกระทำใดอันเป็นการแทรกแซงก้าวก่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือผู้อื่น หรือพรรคการเมือง นอกจากนี้นพ.
สุภัทร มิได้เป็นสมาชิกพรรคประชาชาติหรือมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงใดๆกับพรรค อันจะนำมาเพื่อประโยชน์ทางการเมืองทั้งสิ้น
ทั้งนี้ พ.ต.อ.
ทวี จะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว และจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตามที่มีการเสนอข่าว ตามประมวลกฎหมายทั้งทางแพ่งอาญา และจริยธรรมนักการเมืองอย่างถึงที่สุดต่อไปโดยเร็ว
JJNY : ฝุ่น PM 2.5 วิกฤต│เล็งร้อง ‘กกต.’ สอบ ‘ป้อม’│‘พ.ต.อ.ทวี’ ขู่ฟ้องกลับ ‘ศุภชัย’│ก้าวไกล สู้กลับ จับ ‘รมต.ภูมิใจไทย’
https://www.matichon.co.th/local/news_3802360
ฝุ่น PM 2.5 วิกฤต กทม.พุ่งอันดับ 3 โลก ‘เศรษฐา-ช่อ’ บี้รบ.จริงจังแก้ปัญหา ชี้เรื่องใหญ่
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ฝุ่นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยเกิดค่ามาตรฐาน ทำให้ในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งกรุงเทพฯ ภาคกลาง และ ภาคเหนือ
โดยในกรุงเทพฯ มีกว่า 70 พื้นที่ ที่ฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน เวลา 05.00-07.00 น. ว่าตรวจวัดได้ 57-97 มคก./ลบ.ม.ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 72.5 มคก./ลบ.ม. โดย ที่เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ สูงถึง 121 มคก./ ลบ.ม.
ทั้งนี้ ในแอพพลิเคชั่น IQAir พบว่าสภาพอากาศของกรุงเทพฯวิกฤต ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลกที่ 198 เป็นรองเพียง เป็นสีแดง และจะอยู่ระดับนี้ไปทั้งวัน แนะนำให้งดกิจกรรมทางแจ้ง เป็นรองเพียง มุมไบ ในอินเดีย และ ละฮอร์ ในปากีสถาน ขณะที่เชียงใหม่ เป็นอันดับ 13 อยู่ที่ 164
โดยประชาชนหลายคน ได้ติดแฮชแทก #ฝุ่นPM25 รายงานสถานการณ์ฝุ่นในแต่ละพื้นที่ และเสนอแนะ หาทางออกในการแก้ปัญหา
พรรณิการ์ วานิช จาก คณะก้าวหน้า ระบุว่า “บันทึกไว้ วันนี้วัด PM2.5 ที่คอนโดได้ 150-170 สูงสุดที่เคยเห็นตั้งแต่ได้เครื่องวัดมา ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขนาดไม่ได้เป็นภูมิแพ้ ยังเจ็บคอ คัดจมูกทุกวันเพราะฝุ่น คนที่เป็นโรคทางเดินหายใจ เด็กเล็ก คนแก่ และคนที่ต้องอยู่กลางแจ้งทั้งวัน น่าจะหนักมาก ได้เวลาที่รัฐต้องจริงจังกับปัญหาฝุ่นพิษมากกว่านี้แล้ว”
ด้าน เศรษฐา ทวีสิน บอสใหญ่แสนสิริ ระบุว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แสดงว่านโยบายลดคาร์บอนของรัฐบาลยังไม่ดีพอ ถ้าเราจะยังรักโลกเราอย่างจริงจัง และไม่ได้ดีแต่พูด ต้องมีการแก้แผนงานทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายรถไฟฟ้าที่เรายังทำได้อีกเยอะ รวมถึงการให้ผลตอบแทนพิเศษกับบริษัทผลิตรถไฟฟ้าที่หาฐานผลิตใหม่ ก่อนเพื่อนบ้านเราจะเอาไป”
เล็งร้อง ‘กกต.’ สอบ ‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่ราชบุรี เอื้อประโยชน์เลือกตั้ง จี้ ‘นายกฯ’ สอบวินัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3802495
‘สมชัย’ เล็งร้อง ‘กกต.’ สอบ ‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่จ.ราชบุรี เอื้อประโยชน์เลือกตั้งหรือไม่ ถามลาครึ่งวัน ลาอะไร ถ้าป่วยก็ต้องอยู่บ้าน จี้ ‘นายกฯ’ สอบวินัย -พ้นตำแหน่งชั่วคราว
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย (สร.) และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เห็นจุดที่มีปัญหาต้องตรวจสอบอะไรหรือไม่ ว่า พล.อ.ประวิตร ได้ไปตรวจราชการเกี่ยวกับเรื่องน้ำที่จ.ราชบุรี ในช่วงเช้า และในช่วงบ่ายมีการขึ้นเวที เวลา 14.51 น. ของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และใช้เวทีดังกล่าวในการแนะนำผู้สมัคร และขอให้ประชาชนเลือกพรรค พปชร. ซึ่งประเด็นคือ เวลาดังกล่าว เป็นเวลาราชการ การที่จะไปหาเสียงในเวลาราชการอาจจะไม่เหมาะสม แม้จะมีการลากิจหรือลาป่วยก็ตาม ตนคิดว่าน่าจะเป็นปัญหา เพราะช่วงเช้าที่พล.อ.ประวิตรไป มีการใช้รถยนต์ ใช้ทรัพยากรของรัฐในการเดินทางไปราชการที่จ.ราชบุรี และช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตร ก็หาเสียงบนเวที ตนถือว่าน่าจะเข้าข่ายการใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ ในการเอื้อประโยชน์หาเสียงทางการเมืองให้พรรคการเมือง และผู้สมัครบางคน
นายสมชัย กล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องขอดูรายละเอียดคือ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ และมีคลิปเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นหลักฐานได้เพียงพอหรือไม่ ถ้าในกรณีที่เป็นจริง ตนคิดว่ากกต. ควรต้องดำเนินการในเรื่องนี้ ในฐานะที่พล.อ.ประวิตร เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กกต.จะต้องทำหนังสือตักเตือนไปว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ต่อให้ยุติการกระทำแต่ในอนาคตจะต้องไม่มีสิ่งนี้เกิดขึ้น และในขณะเดียวกันกกต.จะต้องทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อบอกว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน ทำผิดระเบียบการหาเสียง คือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้ทรัพยากรของรัฐในการเอื้อประโยชน์การหาเสียง ขอสั่งให้มีการสอบสวนทางวินัยหรือสั่งให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น
“ต้องดูว่าหลักฐานต่างๆผูกแน่นเพียงใดในกรณีมีหลักฐานชัดเจนว่ากระทำสิ่งนี้ แล้วกกต.ไม่ดำเนินการใดๆ ผมจะถือว่ากกต. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และจะใช้ช่วงเวลานี้เก็บหลักฐานต่อไป หากหลักฐานชัดเจนผมจะเป็นผู้ยื่นถึงกกต.เอง”นายสมชัย กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตร ระบุว่าลาครึ่งวัน ถือว่าไม่ได้ใช้เวลาราชการ นายสมชัย กล่าวว่า การลาก็ผิด ถามว่าลาอะไร ถ้าลาป่วยก็โกหก ถือว่าเป็นการลาโดยแจ้งเหตุที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากป่วยต้องอยู่บ้าน ถ้าลากิจต้องมีการลาก่อนล่วงหน้าและการใช้ทรัพยากรของรัฐในช่วงเช้า ที่เดินทางไปจ.ราชบุรี ถือว่าใช้ของหลวงแฝงไปเพื่อประโยชน์การเลือกตั้ง ส่วนว่าหากมีการยุบสภาฯ ความผิดที่ส่อว่าจะผิดถือว่าหายไปด้วยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่กกต.ต้องวินิจฉัย เพราะในตัวพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. นอกเหนือจากเรื่องจะให้เริ่มนับค่าใช้จ่ายอย่างไร เช่น การยุบสภาก็เริ่มนับค่าใช้จ่ายตั้งแต่ยุบสภาฯ มาเริ่มต้นกันใหม่ แต่เรื่องการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งที่เกิดขึ้นก่อนการยุบสภา ยังเป็นเรื่องที่กกต.ต้องดูแล ถ้ากกต.บอกว่าทุกอย่างสิ้นสุดลง ตนจะยกข้อกฎหมายและร้องต่อกตต.ว่ากกต.ทำผิดกฎหมาย ยืนยันว่าหากในกรณีดังกล่าวมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นในช่วงเวลา 180 วัน กกต.ต้องดำเนินการ
‘พ.ต.อ.ทวี’ ขู่ฟ้องกลับ ‘ศุภชัย’ ใส่ร้าย-กล่าวหาเท็จ ก้าวก่ายย้าย ‘หมอสุภัทร’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3802351
‘ทวี’ สั่งสอบ-ดำเนินคดีต่อปม ‘ศุภชัย’ แถลงข่าวเท็จว่าก้าวก่ายโยกย้าย ‘หมอสุภัทร’
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นายมูฮัมหมัดรุสดี เชคฮารูณ รองโฆษกพรรคประชาชาติ กล่าวถึงกรณีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.พรรคประชาชาติ หลังออกแถลงการณ์คัดค้านคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบทว่า เรื่องนี้ พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่าการแถลงข่าวดังกล่าว ของนายศุภชัย เป็นการกล่าวอ้างข้อมูลที่เป็นเท็จ ไม่มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เป็นการกล่าวหาปรักปรำใส่ร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี ไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือให้ข่าวแก่สื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด การกล่าวอ้างถึงแถลงการณ์พรรคประชาชาติ เมื่อตรวจดูแถลงการณ์แล้วเป็นการแสดงจุดยืนทางสังคมของพรรคที่ชอบด้วยกฏหมาย หน้าที่และอำนาจ
โดยในแถลงการณ์ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงเหตุผลต่อสาธารณะชนถึงเหตุผลของการโยกย้ายนพ.สุภัทรเท่านั้น เพราะรัฐมนตรีมีอำนาจบริหารกำกับดูแล ในกระทรวงสาธารณสุข และรัฐธรรมนูญบัญญัติให้รัฐมนตรีต้อง ‘’…ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี…รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบต่อสภาผู้แทนราษฏรในเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตน…” ซึ่งแถลงการณ์ของพรรคประชาชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะมิใช่เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือของพรรคการเมืองใด หรือต่อบุคคลใดๆ ไม่ได้มีการกระทำใดอันเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงในการโยกย้ายข้าราชการทั้งสิ้น เพราะคำสั่งโยกย้าย ได้กระทำสำเร็จไปแล้ว จึงไม่มีการกระทำใดอันเป็นการแทรกแซงก้าวก่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือผู้อื่น หรือพรรคการเมือง นอกจากนี้นพ.สุภัทร มิได้เป็นสมาชิกพรรคประชาชาติหรือมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงใดๆกับพรรค อันจะนำมาเพื่อประโยชน์ทางการเมืองทั้งสิ้น
ทั้งนี้ พ.ต.อ. ทวี จะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว และจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตามที่มีการเสนอข่าว ตามประมวลกฎหมายทั้งทางแพ่งอาญา และจริยธรรมนักการเมืองอย่างถึงที่สุดต่อไปโดยเร็ว