แฟนคลับรอเลย! เพื่อไทย เปิดเวทีใหญ่ 3 วัน 3 จว. รอยุบสภา จัดปราศรัยใหญ่กทม.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7474081
ครอบครัวพท. จ่อเปิดเวทีปราศรัยใหญ่กรุงเทพฯ เปิดนโยบายโค้งสุดท้าย หากยุบสภา ก.พ. หวังเดินหน้าสู่แลนด์สไลด์ แซะ บิ๊กป้อม ไม่ปาดแย่งตอบซักฟอกช่วย บิ๊กตู่ แน่
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ม.ค.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ช่วงปลายเดือนก.พ. ครอบครัวเพื่อไทยเตรียมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง นำโดยนพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค น.ส.
จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรค นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคและตน
โดยแต่ละเวทีจะสับเปลี่ยนผู้ปราศรัยตามความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ เริ่มเวทีแรกในวันที่ 27 ม.ค. ลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามกีฬากลาง จ.เลย ในเวลา 13.30-15.00 น. ตามด้วยเวทีที่ลานตลาดนัดเก้าค่ำ ต.กุดดินจี่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู และวันที่ 28 ม.ค. เปิดเวทีปราศรัยที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคายในเวลา 09.00 น. จากนั้นไปเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
นาย
ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า วันที่ 29 ม.ค. เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ลานองค์การบริหารส่วนจังหวัด อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เริ่มเวลา 17.30 น. โดยก่อนหน้านั้นจะลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการท่องเที่ยวของจ.จันทบุรีด้วย โดยทั้ง 3 วัน จะเป็นการคิกออฟเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรค พร้อมรณรงค์เป้าหมายแลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น เราจะเดินหน้าในพื้นที่จังหวัดที่อยู่ห่างไกลกรุงเทพฯ เดินทางด้วยเครื่องบินได้ และเพื่อให้เหมาะสมกับน.ส.
แพทองธาร ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งน.ส.
แพทองธาร ยืนยันว่าไม่เป็นอุปสรรค และแสดงความพร้อมตลอดเวลาในการลงพื้นที่ การเสวนา รวมทั้งการขึ้นเวทีปราศรัย
ทั้งนี้ บุคลากรของพรรคทุกองคาพยพทำงานอย่างหนัก เตรียมลงพื้นที่พบปะประชาชนและเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในเดือนก.พ. ซึ่งขึ้นอยู่กับการประกาศยุบสภา หากยุบสภาภายในเดือนก.พ. จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งพรรคอาจจะประกาศนโยบายในโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง
นาย
ณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า หากไม่มีการยุบสภา โปรแกรมการลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ทุกอย่างจะเดินหน้าตามแนวทางที่กำหนดไว้ และในเดือนมี.ค. จะเดินหน้านำเสนอนโยบายและแนวทางของพรรคต่อประชาชน มุ่งหวังให้ประชาชนไม่ต้องประสบกับวิกฤตปัญหาปากท้องซึ่งเป็นวิกฤตอันดับหนึ่ง ทั้งนี้ คาดว่าพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องการรักษาอำนาจไว้ให้นานที่สุด อาจจะลากไปถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค.
แต่หากดูบรรยากาศที่เกิดขึ้นหลายวันที่ผ่านมา สภาล่มไม่เป็นท่าจนสิ้นสภาพองค์กรนิติบัญญัติในสายตาประชาชน ขณะที่ฝ่ายบริหารมีการชิงไหวชิงพริบในพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้สร้างความหวังให้ประชาชน นอกจากแก้เกมปัญหารายวัน จากการที่พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ปาดหน้าพล.อ.
ประยุทธ์ ซึ่งพล.อ.
ประยุทธ์ ต้องแก้เกมพล.อ.
ประวิตรปาดหน้า คงหงุดหงิดหัวใจเต็มที ไม่มีสัญญาณบวกใดๆ เลยว่าภายในอีก 2 เดือนกว่าๆ รัฐบาลจะมีศักยภาพแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ยังไม่รวมถึงการลาออกของ ส.ส. รวมถึงรัฐมนตรี
นาย
ณัฐวุฒิ กล่าวว่า บรรยากาศทั้งหมดจึงมีความเป็นไปได้ที่ พล.อ.
ประยุทธ์ อาจจะประกาศยุบสภาเร็วขึ้น โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ การอภิปรายแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 แม้จะไม่สามารถล้มพล.อ.
ประยุทธ์ได้ แต่คงเป็นครั้งแรกที่พล.อ.
ประยุทธ์ จะขึ้นเวทีสภาเผชิญหน้ากับพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยไม่มี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐคอยทำงานให้ในสภา ความสัมพันธ์ของ 3 ป.หรือพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่เป็นเอกภาพ มีอยู่อย่างเดียวที่พล.อ.
ประวิตร จะไม่ปาดหน้าพล.อ.
ประยุทธ์ คือการตอบคำอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล อาจจะได้เห็นทุกพรรคอยู่ในสภาพตัวใครตัวมัน รักษาหน้าตักของตัวเอง พล.อ.
ประยุทธ์ คงชั่งใจว่าจะเดินหน้าเข้าสภาในสภาพแบบนี้จริงหรือ หากอภิปรายตามมาตรา 152 จบแล้วยุบสภาทันที หรืออยู่ในอำนาจต่อ ก็ไม่มีผลต่อการทำงานของพรรค เราทำงานหนักทุกวัน มุ่งสู่เป้าหมายชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ ตั้งรัฐบาลของประชาชน
เมื่อถามว่าการชิงปาดหน้าของพล.อ.
ประวิตร ส่งสัญญาณอะไร นาย
ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่งสัญญาณว่าหากปาดหน้าไม่ทัน เคียงก็เอาแล้ว สันนิษฐานว่าจ.ชุมพร คงไปปาดหน้าไม่ทัน แปลกที่ไม่ว่าจะอย่างไร พล.อ.
ประวิตรไม่ยอมไปทีหลัง รอให้พล.อ.
ประยุทธ์ ประกาศเป้าหมายก่อน ถ้าเป็นเด็กๆ ทำเช่นนี้ก็น่ารักดี แต่เมื่อเป็นผู้ใหญ่ทำก็ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณแล้วกัน
พท. ขานรับภาคประชาชน ชงนโยบาย ปวช.-ปวส.เรียนพร้อมฝึกงาน ลดค่าใช้จ่าย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7473992
เพื่อไทย รับหนังสือเครือข่ายภาคประชาชน เสนอนโยบาย นักศึกษา ปวช.-ปวส. เรียนพร้อมฝึกงาน สร้างรายได้ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ปกครอง
เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย น.ส.
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค นาย
ศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย และผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ส. กทม. ประกอบด้วย น.ส.
เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เขตยานนาวา-บางคอแหลม นาย
ศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เขตธนบุรี และนาย
ขจรศักดิ์ ประดิษฐาน เขตห้วยขวาง-วังทองหลาง รับมอบหนังสือจากเครือข่ายภาคประชาชน สำนักความคิด (ประเทศไทย) เครือข่ายลมใหม่ นำโดยนาย
พิษณุวัฒน์ สิงห์ชัย ประธานเครือข่าย เสนอนโยบายด้านอาชีพเพื่อสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่
นาย
พิษณุวัฒน์ กล่าวว่า ภายหลังพรรคเพื่อไทย เปิดนโยบายเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินตอบแทนปริญญาตรีขั้นต่ำ 25,000 บาทต่อเดือน ทางกลุ่มภาคประชาชน ประกอบด้วยนักเรียน นักศึกษาสายอาชีพ เล็งเห็นว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นพรรคที่ทำตามนโยบายได้จริง
จึงรวบรวมคิดเป็นนโยบายมานำเสนอ ตั้งแต่นโยบายสายอาชีพมีรายได้ คือการส่งเสริมให้บริษัทเอกชนรับนักศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส.เข้าฝึกงานจริงตามสายอาชีพ ให้เรียนไปทำงานไปมีรายได้ตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป การสนับสนุนสวัสดิการคนวัยเริ่มงาน ด้วยการอุดหนุนค่าอินเตอร์เน็ต รถเมล์ฟรี นอกจากนี้กลุ่มนักเรียน นักศึกษาหรือแม้แต่ผู้สูงอายุ ควรได้โอกาสเข้าอบรมฝึกฝนทักษะใหม่ๆ ฟรีในสถาบันการศึกษาต่างๆอีกด้วย
นพ.
ชลน่าน กล่าวว่า พรรคมีนโยบายด้านการศึกษาที่ประกาศออกไปแล้ว คือการมีรายได้ เรียนรู้ได้ ตลอดชีวิต โดยพรรคสนับสนุนให้นักเรียนนักศึกษาได้มีงานทำให้เร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะและความสามารถของตัวเองมากที่สุด เพื่อสร้างรายได้ดีที่สุดให้นักศึกษา
ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวหลายข้อช่วยเติมนโยบายของเรา อย่างสายอาชีพ ถ้าเราขอให้บริษัทเอกชนรับนักศึกษาเข้าไปทำงานจริง ฝึกงานจริง นอกจากนักศึกษาจะได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาฝึกงานได้ตรงสายอาชีพแล้ว ยังจะมีรายได้แม้จะไม่มาก แต่ก็ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง เพิ่มรายได้ให้นักศึกษา และรายจ่ายค่าจ้างส่วนนี้บริษัทเอกชนก็อาจจะนำไปหักหรือลดหย่อนภาษีประจำปีได้ จะเกิดประโยชน์ทั้งกับบริษัทและนักศึกษา โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของแผ่นดิน
“
การปรับสายอาชีพให้สามารถเรียนและฝึกงานได้จริงตั้งแต่เรียน นอกจากสร้างโอกาสเพิ่มทักษะแล้ว ยังเพิ่มโอกาสรายได้ให้นักศึกษา รวมถึงช่วยเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อ ยกระดับแรงงานไทยให้เป็นแรงงานมีฝีมือเพิ่มโอกาสงานทั้งในตลาดงานไทยและตลาดงานโลก” นพ.
ชลน่าน กล่าว
'ธัญวัจน์' วอนหยุดการบูลลี่ด้วยกันวันนี้ #StopBullying : เพราะคำพูดฆ่าคนได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3786873
‘ธัญวัจน์’ วอนหยุดการบูลลี่ด้วยกันวันนี้ #StopBullying : เพราะคำพูดฆ่าคนได้
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ส.ส.
ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลได้โพสต์บนเฟสบุ๊กแสดงความเป็นห่วงว่า คำพูดสามารถฆ่าคนได้ การล้อเลียนสภาพร่างกาย รูปร่าง ความงาม เพศ หรือถิ่นกำเนิด สิ่งที่ติดตัวแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่ไม่ควรนำมาล้อเลียน เราเห็นข่าวเด็กนักเรียนฆ่าตัวตายจากการถูกล้อ และอย่างข่าวล่าสุดของนักเรียนหญิงอายุ 15 ฆ่าตัวตายและเขียนจดหมายทิ้งไว้ว่าโดนเพื่อนล้อเรื่องสีผิวและรูปร่าง เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่เศร้าใจอย่างมาก
ส.ส.
ธัญวัจน์ กล่าวว่า พ่อแม่ผู้ปกครองเลี้ยงลูกด้วยความรัก แต่ต้องมาพบเจอความเกลียดชังในโรงเรียนเป็นคำพูดที่ทำร้ายกัน เด็กควรได้เล่น ได้เรียนรู้ ตามวัย แต่ผลที่ได้รับคือสิ่งที่ตรงข้าม ในช่วงเวลาที่ผ่านมาตนได้มีโอกาสเข้าไปบรรยายประเด็นความเท่าเทียมทางเพศในโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย รวมถึงมหาวิทยาลัย ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่ให้ผู้เข้าร่วมฟังคือ การเขียนคำที่ตนเองโดนล้อและไม่ชอบรู้สึกเจ็บใจลงในแผ่นกระดาษโดยไม่ลงชื่อ คำตอบที่ได้จากกิจกรรมนี้การโดนล้อเลียนเรื่องรูปร่างหน้าตามากเป็นอันดับ 1
ธัญวัจน์ กล่าวต่อว่า ความคิดการล้อเลียนผู้อื่นถูกบ่มเพาะในการศึกษาไทยที่เป็นรากฐานด้วยวิธีคิดที่ไม่โอบรับความหลากหลาย ด้านสังคมก็ได้รับผลจากการตลาดด้านความงามที่กำหนดคุณค่าความงาม ผิวพรรณ หน้าตา และ รูปร่างแบบไหนที่จะได้รับการยอมรับ ผ่านข้อความการโฆษณา ผ่านการนำเสนอนายแบบนางแบบที่มีความงามเฉพาะและไม่หลากหลาย จากรากฐานการศึกษาบ่มเพาะความเกลียดชังสู่การตลาดที่ยังผลิตซ้ำสร้างความงามมาตรฐานต่อเนื่องเรื่อยมา มันถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องมองเห็นสิ่งเหล่านี้และเปลี่ยนแปลง เพราะเราทุกคนต้องคำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน
“
ขอให้กำลังใจทุกท่าน และอยากสื่อสารถึงทุกคน รวมถึงเด็ก เยาวชน ที่กำลังถูกเพื่อนล้อเลียนว่า อย่าให้ใครมาบอกว่าคุณไม่ดีพอ อย่าให้ใครมาบอกว่าคุณไม่สวยไม่หล่อพอ อย่าให้ใครมาบอกคำพูดที่ทำร้ายและพรากความภูมิใจในตนเอง ขอให้ต่อสู้และเข้มแข็ง ให้จำไว้เสมอว่าการเป็นตัวเองไม่ใช่อาชญากรรม ไม่ใช่ความผิดใด ๆ แต่คนที่ล้อเลียนคุณต่างหากที่กำลังทำสิ่งที่เลวร้าย”
ธัญวัจน์ กล่าว
ธัญวัจน์ ฝากทิ้งท้ายถึงสังคมว่า วันนี้เราควรเริ่มจากตนเอง เปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้ #StopBullying หยุดการล้อเลียนเพราะคำพูดฆ่าคนได้
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0TSj5uhXa3v4pm55h6Dm5oeLoUjr7ruFa2hunGQfnAnRzFKXf8yo5jCFMXySubUcyl&id=100050168213637
JJNY : เพื่อไทยเปิดเวทีใหญ่ 3 วัน│พท.ชงนโยบายปวช.-ปวส.เรียนพร้อมฝึกงาน│'ธัญวัจน์'วอนหยุดการบูลลี่│“ก้าวไกล” ขยี้ปมฝูงบิน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7474081
ครอบครัวพท. จ่อเปิดเวทีปราศรัยใหญ่กรุงเทพฯ เปิดนโยบายโค้งสุดท้าย หากยุบสภา ก.พ. หวังเดินหน้าสู่แลนด์สไลด์ แซะ บิ๊กป้อม ไม่ปาดแย่งตอบซักฟอกช่วย บิ๊กตู่ แน่
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ม.ค.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ช่วงปลายเดือนก.พ. ครอบครัวเพื่อไทยเตรียมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคและตน
โดยแต่ละเวทีจะสับเปลี่ยนผู้ปราศรัยตามความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ เริ่มเวทีแรกในวันที่ 27 ม.ค. ลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามกีฬากลาง จ.เลย ในเวลา 13.30-15.00 น. ตามด้วยเวทีที่ลานตลาดนัดเก้าค่ำ ต.กุดดินจี่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู และวันที่ 28 ม.ค. เปิดเวทีปราศรัยที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคายในเวลา 09.00 น. จากนั้นไปเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า วันที่ 29 ม.ค. เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ลานองค์การบริหารส่วนจังหวัด อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เริ่มเวลา 17.30 น. โดยก่อนหน้านั้นจะลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการท่องเที่ยวของจ.จันทบุรีด้วย โดยทั้ง 3 วัน จะเป็นการคิกออฟเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรค พร้อมรณรงค์เป้าหมายแลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น เราจะเดินหน้าในพื้นที่จังหวัดที่อยู่ห่างไกลกรุงเทพฯ เดินทางด้วยเครื่องบินได้ และเพื่อให้เหมาะสมกับน.ส.แพทองธาร ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งน.ส.แพทองธาร ยืนยันว่าไม่เป็นอุปสรรค และแสดงความพร้อมตลอดเวลาในการลงพื้นที่ การเสวนา รวมทั้งการขึ้นเวทีปราศรัย
ทั้งนี้ บุคลากรของพรรคทุกองคาพยพทำงานอย่างหนัก เตรียมลงพื้นที่พบปะประชาชนและเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในเดือนก.พ. ซึ่งขึ้นอยู่กับการประกาศยุบสภา หากยุบสภาภายในเดือนก.พ. จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งพรรคอาจจะประกาศนโยบายในโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า หากไม่มีการยุบสภา โปรแกรมการลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ทุกอย่างจะเดินหน้าตามแนวทางที่กำหนดไว้ และในเดือนมี.ค. จะเดินหน้านำเสนอนโยบายและแนวทางของพรรคต่อประชาชน มุ่งหวังให้ประชาชนไม่ต้องประสบกับวิกฤตปัญหาปากท้องซึ่งเป็นวิกฤตอันดับหนึ่ง ทั้งนี้ คาดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องการรักษาอำนาจไว้ให้นานที่สุด อาจจะลากไปถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค.
แต่หากดูบรรยากาศที่เกิดขึ้นหลายวันที่ผ่านมา สภาล่มไม่เป็นท่าจนสิ้นสภาพองค์กรนิติบัญญัติในสายตาประชาชน ขณะที่ฝ่ายบริหารมีการชิงไหวชิงพริบในพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้สร้างความหวังให้ประชาชน นอกจากแก้เกมปัญหารายวัน จากการที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ปาดหน้าพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ต้องแก้เกมพล.อ.ประวิตรปาดหน้า คงหงุดหงิดหัวใจเต็มที ไม่มีสัญญาณบวกใดๆ เลยว่าภายในอีก 2 เดือนกว่าๆ รัฐบาลจะมีศักยภาพแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ยังไม่รวมถึงการลาออกของ ส.ส. รวมถึงรัฐมนตรี
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า บรรยากาศทั้งหมดจึงมีความเป็นไปได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะประกาศยุบสภาเร็วขึ้น โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ การอภิปรายแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 แม้จะไม่สามารถล้มพล.อ.ประยุทธ์ได้ แต่คงเป็นครั้งแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ จะขึ้นเวทีสภาเผชิญหน้ากับพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยไม่มี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐคอยทำงานให้ในสภา ความสัมพันธ์ของ 3 ป.หรือพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่เป็นเอกภาพ มีอยู่อย่างเดียวที่พล.อ.ประวิตร จะไม่ปาดหน้าพล.อ.ประยุทธ์ คือการตอบคำอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล อาจจะได้เห็นทุกพรรคอยู่ในสภาพตัวใครตัวมัน รักษาหน้าตักของตัวเอง พล.อ.ประยุทธ์ คงชั่งใจว่าจะเดินหน้าเข้าสภาในสภาพแบบนี้จริงหรือ หากอภิปรายตามมาตรา 152 จบแล้วยุบสภาทันที หรืออยู่ในอำนาจต่อ ก็ไม่มีผลต่อการทำงานของพรรค เราทำงานหนักทุกวัน มุ่งสู่เป้าหมายชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ ตั้งรัฐบาลของประชาชน
เมื่อถามว่าการชิงปาดหน้าของพล.อ.ประวิตร ส่งสัญญาณอะไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่งสัญญาณว่าหากปาดหน้าไม่ทัน เคียงก็เอาแล้ว สันนิษฐานว่าจ.ชุมพร คงไปปาดหน้าไม่ทัน แปลกที่ไม่ว่าจะอย่างไร พล.อ.ประวิตรไม่ยอมไปทีหลัง รอให้พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศเป้าหมายก่อน ถ้าเป็นเด็กๆ ทำเช่นนี้ก็น่ารักดี แต่เมื่อเป็นผู้ใหญ่ทำก็ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณแล้วกัน
พท. ขานรับภาคประชาชน ชงนโยบาย ปวช.-ปวส.เรียนพร้อมฝึกงาน ลดค่าใช้จ่าย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7473992
เพื่อไทย รับหนังสือเครือข่ายภาคประชาชน เสนอนโยบาย นักศึกษา ปวช.-ปวส. เรียนพร้อมฝึกงาน สร้างรายได้ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ปกครอง
เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย และผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ส. กทม. ประกอบด้วย น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เขตยานนาวา-บางคอแหลม นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เขตธนบุรี และนายขจรศักดิ์ ประดิษฐาน เขตห้วยขวาง-วังทองหลาง รับมอบหนังสือจากเครือข่ายภาคประชาชน สำนักความคิด (ประเทศไทย) เครือข่ายลมใหม่ นำโดยนายพิษณุวัฒน์ สิงห์ชัย ประธานเครือข่าย เสนอนโยบายด้านอาชีพเพื่อสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่
นายพิษณุวัฒน์ กล่าวว่า ภายหลังพรรคเพื่อไทย เปิดนโยบายเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินตอบแทนปริญญาตรีขั้นต่ำ 25,000 บาทต่อเดือน ทางกลุ่มภาคประชาชน ประกอบด้วยนักเรียน นักศึกษาสายอาชีพ เล็งเห็นว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นพรรคที่ทำตามนโยบายได้จริง
จึงรวบรวมคิดเป็นนโยบายมานำเสนอ ตั้งแต่นโยบายสายอาชีพมีรายได้ คือการส่งเสริมให้บริษัทเอกชนรับนักศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส.เข้าฝึกงานจริงตามสายอาชีพ ให้เรียนไปทำงานไปมีรายได้ตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป การสนับสนุนสวัสดิการคนวัยเริ่มงาน ด้วยการอุดหนุนค่าอินเตอร์เน็ต รถเมล์ฟรี นอกจากนี้กลุ่มนักเรียน นักศึกษาหรือแม้แต่ผู้สูงอายุ ควรได้โอกาสเข้าอบรมฝึกฝนทักษะใหม่ๆ ฟรีในสถาบันการศึกษาต่างๆอีกด้วย
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคมีนโยบายด้านการศึกษาที่ประกาศออกไปแล้ว คือการมีรายได้ เรียนรู้ได้ ตลอดชีวิต โดยพรรคสนับสนุนให้นักเรียนนักศึกษาได้มีงานทำให้เร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะและความสามารถของตัวเองมากที่สุด เพื่อสร้างรายได้ดีที่สุดให้นักศึกษา
ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวหลายข้อช่วยเติมนโยบายของเรา อย่างสายอาชีพ ถ้าเราขอให้บริษัทเอกชนรับนักศึกษาเข้าไปทำงานจริง ฝึกงานจริง นอกจากนักศึกษาจะได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาฝึกงานได้ตรงสายอาชีพแล้ว ยังจะมีรายได้แม้จะไม่มาก แต่ก็ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง เพิ่มรายได้ให้นักศึกษา และรายจ่ายค่าจ้างส่วนนี้บริษัทเอกชนก็อาจจะนำไปหักหรือลดหย่อนภาษีประจำปีได้ จะเกิดประโยชน์ทั้งกับบริษัทและนักศึกษา โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของแผ่นดิน
“การปรับสายอาชีพให้สามารถเรียนและฝึกงานได้จริงตั้งแต่เรียน นอกจากสร้างโอกาสเพิ่มทักษะแล้ว ยังเพิ่มโอกาสรายได้ให้นักศึกษา รวมถึงช่วยเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อ ยกระดับแรงงานไทยให้เป็นแรงงานมีฝีมือเพิ่มโอกาสงานทั้งในตลาดงานไทยและตลาดงานโลก” นพ.ชลน่าน กล่าว
'ธัญวัจน์' วอนหยุดการบูลลี่ด้วยกันวันนี้ #StopBullying : เพราะคำพูดฆ่าคนได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3786873
‘ธัญวัจน์’ วอนหยุดการบูลลี่ด้วยกันวันนี้ #StopBullying : เพราะคำพูดฆ่าคนได้
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ส.ส.ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลได้โพสต์บนเฟสบุ๊กแสดงความเป็นห่วงว่า คำพูดสามารถฆ่าคนได้ การล้อเลียนสภาพร่างกาย รูปร่าง ความงาม เพศ หรือถิ่นกำเนิด สิ่งที่ติดตัวแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่ไม่ควรนำมาล้อเลียน เราเห็นข่าวเด็กนักเรียนฆ่าตัวตายจากการถูกล้อ และอย่างข่าวล่าสุดของนักเรียนหญิงอายุ 15 ฆ่าตัวตายและเขียนจดหมายทิ้งไว้ว่าโดนเพื่อนล้อเรื่องสีผิวและรูปร่าง เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่เศร้าใจอย่างมาก
ส.ส. ธัญวัจน์ กล่าวว่า พ่อแม่ผู้ปกครองเลี้ยงลูกด้วยความรัก แต่ต้องมาพบเจอความเกลียดชังในโรงเรียนเป็นคำพูดที่ทำร้ายกัน เด็กควรได้เล่น ได้เรียนรู้ ตามวัย แต่ผลที่ได้รับคือสิ่งที่ตรงข้าม ในช่วงเวลาที่ผ่านมาตนได้มีโอกาสเข้าไปบรรยายประเด็นความเท่าเทียมทางเพศในโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย รวมถึงมหาวิทยาลัย ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่ให้ผู้เข้าร่วมฟังคือ การเขียนคำที่ตนเองโดนล้อและไม่ชอบรู้สึกเจ็บใจลงในแผ่นกระดาษโดยไม่ลงชื่อ คำตอบที่ได้จากกิจกรรมนี้การโดนล้อเลียนเรื่องรูปร่างหน้าตามากเป็นอันดับ 1
ธัญวัจน์ กล่าวต่อว่า ความคิดการล้อเลียนผู้อื่นถูกบ่มเพาะในการศึกษาไทยที่เป็นรากฐานด้วยวิธีคิดที่ไม่โอบรับความหลากหลาย ด้านสังคมก็ได้รับผลจากการตลาดด้านความงามที่กำหนดคุณค่าความงาม ผิวพรรณ หน้าตา และ รูปร่างแบบไหนที่จะได้รับการยอมรับ ผ่านข้อความการโฆษณา ผ่านการนำเสนอนายแบบนางแบบที่มีความงามเฉพาะและไม่หลากหลาย จากรากฐานการศึกษาบ่มเพาะความเกลียดชังสู่การตลาดที่ยังผลิตซ้ำสร้างความงามมาตรฐานต่อเนื่องเรื่อยมา มันถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องมองเห็นสิ่งเหล่านี้และเปลี่ยนแปลง เพราะเราทุกคนต้องคำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน
“ขอให้กำลังใจทุกท่าน และอยากสื่อสารถึงทุกคน รวมถึงเด็ก เยาวชน ที่กำลังถูกเพื่อนล้อเลียนว่า อย่าให้ใครมาบอกว่าคุณไม่ดีพอ อย่าให้ใครมาบอกว่าคุณไม่สวยไม่หล่อพอ อย่าให้ใครมาบอกคำพูดที่ทำร้ายและพรากความภูมิใจในตนเอง ขอให้ต่อสู้และเข้มแข็ง ให้จำไว้เสมอว่าการเป็นตัวเองไม่ใช่อาชญากรรม ไม่ใช่ความผิดใด ๆ แต่คนที่ล้อเลียนคุณต่างหากที่กำลังทำสิ่งที่เลวร้าย” ธัญวัจน์ กล่าว
ธัญวัจน์ ฝากทิ้งท้ายถึงสังคมว่า วันนี้เราควรเริ่มจากตนเอง เปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้ #StopBullying หยุดการล้อเลียนเพราะคำพูดฆ่าคนได้
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0TSj5uhXa3v4pm55h6Dm5oeLoUjr7ruFa2hunGQfnAnRzFKXf8yo5jCFMXySubUcyl&id=100050168213637