รัฐบาลชุดปัจจุบัน จากการเลือกตั้ง 2562
พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา
มีพรรคไหนทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้บ้าง ?
ไม่ได้เรื่องสักนโยบาย ไร้รูปธรรม
มีบ้างก็เช่น กัญชาเสรีของภูมิใจไทย แต่กลับเป็นนโยบายที่ไร้มาตรการด้านกฎหมายกำกับดูแล เละไม่เป็นท่า
มีบ้างเช่น นโยบายประกันราคาของประชาธิปัตย์ แต่ก็แค่นั้น ไม่ได้ยกระดับราคาและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรอะไรเลย
แล้วการเลือกตั้ง 2566 ที่ตอนนี้แต่ละพรรคนำเสนอนโยบายออกมา
จะเชื่อถือได้หรือไม่ว่าทำได้จริง ?
และก็แปลก พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่มีนโยบายอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเปิดออกมาเลย
ขณะที่พรรคอื่น ๆ เสนอนโยบายออกมาสู่สาธารณะกันหมดแล้ว
มัวหาคนสมัคร ส.ส. เพื่อให้ได้อย่างน้อย 25 เสียงอยู่มั้ง
.
ที่แปลกกว่านั้น แต่ละพรรคที่เสนอนโยบายออกมา
พรรคเพื่อไทยมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในเรื่องนโยบาย ว่าจะสามารถทำได้จริง
ต่างจากพรรคอื่น ๆ ที่พอเปิดนโยบายออกมา ก็จะเกิดคำถาม เกิดข้อสงสัยทันที ว่าจะทำได้จริงหรือเปล่า แค่หาเสียงใช่ไหม
.
การเมืองวันนี้ เป็นการเมืองเรื่องนโยบายแข่งขันกัน เปลี่ยนจากการหาเสียง ที่พอจบเลือกตั้ง นโยบายก็จบ
แม้จะทำตามนโยบายบ้าง ไม่ทำบ้าง ไม่ทำเลย ก็ยังดีกว่าการไม่ชูนโยบาย นโยบายกลายเป็นเรื่องสำคัญ
การเลือกตั้งที่ชูตัวบุคคล อ้างความเป็น "คนดี" ไม่มีในสารบบโลก นอกจากสลิ่มแลนด์
เนื่องจากประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่พรรคการเมืองและนักการเมืองได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว
อย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็อ้างตลอด ว่าไม่สามารถดำเนินนโยบายที่หาเสียงไว้
เพราะมีข้อจำกัดจากการเป็นรัฐบาลผสม ไม่สามารถผลักดันนโยบายได้เต็มที่
พลังประชารัฐ ถึงกับลบนโยบายทิ้ง
พิลึกสุดก็คือ หัวหน้ารัฐบาลที่มาจากแคนดิเดทพลังประชารัฐ ไม่ผลักดันนโยบายพลังประชารัฐสักเรื่อง
ก็อย่างว่า "จะหาเงินมาจากไหน" เอวัง....
.
ทั้งหมดทั้งมวล ต้องขอบคุณโทนี่ วู้ดซัม ที่ได้สร้างวัฒนธรรมและรูปแบบการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้น
ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยนำเสนอนโยบายสู่ประชาชน และทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้
พิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า นโยบายพรรคการเมืองมีผลต่อชีวิตประชาชนอย่างไร
จนพรรคอื่นต้องเดินตาม ประชาชนพิจารณาตัดสินใจเลือกจากนโยบาย
แม้จะเหลือร่องรอยการเลือกจากความนิยมตัวบุคคลอยู่บ้าง
ฉะนั้น พรรคที่หวังต่อท่ออำนาจให้ใครบางคนอยู่ขณะนี้
ควรต้องรีบนำเสนอนโยบายออกมาให้ประชาชนได้พิจารณา
และเพื่อลบภาพที่ว่า คนอยากอยู่ต่อก็ขอให้คนในพรรคเป็นนั่งร้าน
คนในพรรคก็หวังที่ยืน ตำแหน่ง อำนาจทางการเมือง ด้วยการอิงอำนาจคนอยากอยู่ต่อ
ไม่ใช่การร่วมกันด้วยอุดมการณ์ แต่คือการร่วมกันด้วยผลประโยชน์ ประชาชนไม่ได้อยู่ในสมการ
หากผลประโยชน์เกิดขึ้นและลงตัว ก็ยังร่วมกันอยู่ แต่หากผลประโยชน์พลาดและไม่ลงตัว ก็ตัวใครตัวมัน
ซึ่งผมมองว่า อีกไม่นาน อย่างหลังนี่แหละจะเกิด
ที่โม้ ๆ ว่า จะสร้างพรรคให้เป็นของประชาชนอย่างจริงจังและยั่งยืน น่าจะกลายเป็นละอองน้ำลายในสายลม
.
รีบเสนอนโยบายออกมา
รอครับ
รอหัวเราะเยาะอยู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ไม่ขำได้ไง แค่คิดว่า ถ้ามีนโยบายเล็บขบหน้าบึ้งขึ้งโกรธฉุนเฉียวเลี้ยวหนีดีเบต คงเท่ไม่น้อย )
รัฐบาลจากเลือกตั้งปี 62 มีนโยบายอะไรทำได้ตามที่หาเสียงไว้ ?
รัฐบาลชุดปัจจุบัน จากการเลือกตั้ง 2562
พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา
มีพรรคไหนทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้บ้าง ?
ไม่ได้เรื่องสักนโยบาย ไร้รูปธรรม
มีบ้างก็เช่น กัญชาเสรีของภูมิใจไทย แต่กลับเป็นนโยบายที่ไร้มาตรการด้านกฎหมายกำกับดูแล เละไม่เป็นท่า
มีบ้างเช่น นโยบายประกันราคาของประชาธิปัตย์ แต่ก็แค่นั้น ไม่ได้ยกระดับราคาและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรอะไรเลย
แล้วการเลือกตั้ง 2566 ที่ตอนนี้แต่ละพรรคนำเสนอนโยบายออกมา
จะเชื่อถือได้หรือไม่ว่าทำได้จริง ?
และก็แปลก พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่มีนโยบายอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเปิดออกมาเลย
ขณะที่พรรคอื่น ๆ เสนอนโยบายออกมาสู่สาธารณะกันหมดแล้ว
มัวหาคนสมัคร ส.ส. เพื่อให้ได้อย่างน้อย 25 เสียงอยู่มั้ง
เพราะมีข้อจำกัดจากการเป็นรัฐบาลผสม ไม่สามารถผลักดันนโยบายได้เต็มที่
พลังประชารัฐ ถึงกับลบนโยบายทิ้ง
พิลึกสุดก็คือ หัวหน้ารัฐบาลที่มาจากแคนดิเดทพลังประชารัฐ ไม่ผลักดันนโยบายพลังประชารัฐสักเรื่อง
ก็อย่างว่า "จะหาเงินมาจากไหน" เอวัง....
ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยนำเสนอนโยบายสู่ประชาชน และทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้
พิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า นโยบายพรรคการเมืองมีผลต่อชีวิตประชาชนอย่างไร
จนพรรคอื่นต้องเดินตาม ประชาชนพิจารณาตัดสินใจเลือกจากนโยบาย
แม้จะเหลือร่องรอยการเลือกจากความนิยมตัวบุคคลอยู่บ้าง
ฉะนั้น พรรคที่หวังต่อท่ออำนาจให้ใครบางคนอยู่ขณะนี้
ควรต้องรีบนำเสนอนโยบายออกมาให้ประชาชนได้พิจารณา
และเพื่อลบภาพที่ว่า คนอยากอยู่ต่อก็ขอให้คนในพรรคเป็นนั่งร้าน
คนในพรรคก็หวังที่ยืน ตำแหน่ง อำนาจทางการเมือง ด้วยการอิงอำนาจคนอยากอยู่ต่อ
ไม่ใช่การร่วมกันด้วยอุดมการณ์ แต่คือการร่วมกันด้วยผลประโยชน์ ประชาชนไม่ได้อยู่ในสมการ
หากผลประโยชน์เกิดขึ้นและลงตัว ก็ยังร่วมกันอยู่ แต่หากผลประโยชน์พลาดและไม่ลงตัว ก็ตัวใครตัวมัน
ซึ่งผมมองว่า อีกไม่นาน อย่างหลังนี่แหละจะเกิด
ที่โม้ ๆ ว่า จะสร้างพรรคให้เป็นของประชาชนอย่างจริงจังและยั่งยืน น่าจะกลายเป็นละอองน้ำลายในสายลม