JJNY : ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ขอราคาเพิ่ม│"ลิณธิภรณ์"ตอกหน้า"ประยุทธ์"│ก้าวไกล จี้เยียวยาเรือน้ำมันระเบิด│นักลงทุนกังวลศก.ถดถอย

ผู้เลี้ยงไก่ไข่ กระทุ้ง! ขอราคาเพิ่ม รัฐอุดหนุนฟองละบาท
https://www.thansettakij.com/business/trade-agriculture/553518

ผู้เลี้ยงไก่ไข่โอด อาหารสัตว์แพงลิ่ว กระทุ้งขอราคาเหมาะสม 3.90-4 บาทต่อฟอง ชงเลียนโมเดลญี่ปุ่น รัฐอุดหนุนฟองละ 1 บาทเพิ่มบริโภค 365 ฟองต่อคนต่อปี ระบุพรรคไหนชูเป็นนโยบาย พร้อมเทคะแนนเสียง ผู้ค้าไข่ไก่สั่งจับตา “ไข่ผี”จากห้องเย็นจ่อทะลักตลาดหลังราคาปรับขึ้น
 
วันที่ 6 ม.ค.2565 เครือข่าย 4 สหกรณ์ ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกอบด้วย สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่นํ้าน้อย จำกัด ประกาศราคาแนะนำไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกรอยู่ที่ฟองละ 3.60 บาท
 
นายชัยพร สีถัน อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ราคาไข่ไก่ที่ปรับขึ้นมาใหม่นั้น ยังไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเมื่อคำนวณจากราคาอาหารไก่ เดือน ม.ค. 2566 อยู่ที่ 17-18 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ราคาไข่ไก่คละอยู่ที่ 3.60 บาทต่อฟอง เทียบกับเดือนกันของปีก่อน ราคาอาหารไก่อยู่ที่ 13-14 บาทต่อ กก. และไข่ไก่คละอยู่ที่ 3.40 บาทต่อฟอง จะเห็นว่าราคาไข่ไก่มีการปรับขึ้นแค่ 20 สตางค์เมื่อเทียบกับราคาอาหารไก่ที่ปรับขึ้นไป 4-5 บาทต่อ กก.
 
ทั้งนี้จากราคาอาหารไก่ที่ปรับเพิ่ม 1 บาทต่อ กก.จะส่งผลให้ราคาไข่ไก่ปรับขึ้น 17 สตางค์ต่อฟอง ขณะนี้ราคาอาหารไก่ปรับขึ้นประมาณ 3-4 บาทต่อ กก. ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 3.90-4 บาทต่อฟอง เทียบกับไต้หวัน ราคาอาหารไก่อยู่ที่ 21 บาทต่อ กก. ราคาไข่ไก่ 6 บาทต่อฟอง ส่วนมาเลเซีย อาหารไก่ 19 บาทต่อ กก. ราคาไข่ไก่ 4.50 บาทฟอง ทำให้มีการนำเข้าไข่ไก่จากไทยจากไข่ในประเทศราคาสูง
 
ไทยควรมีการปรับราคาไข่ไก่ตามกลไกตลาดที่เหมาะสม และรัฐควรมีการอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้บริโภคไข่ถูกและส่งเสริมการรับประทานไข่ไก่ ตามอย่างประเทศญี่ปุ่นที่เคยมีมาตรการช่วยเหลือผู้บริโภคฟองละ 1 บาทต่อคนต่อปี เฉลี่ย 365 ฟองต่อคนต่อปี ทำให้ผู้บริโภคไม่เดือดร้อน ไม่ต่อว่ารัฐบาล หากพรรคการเมืองไหนนำแนวความคิดนี้ไปใช้เป็นนโยบายหาเสียง ผู้เลี้ยงไก่ไข่ก็พร้อมจะเทคะแนนให้ เพราะผู้บริโภค และเกษตรกรจะวิน-วินกันทั้งคู่
 
ด้านนายสุธาศิน อมฤก นายกสมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย กล่าวว่า ช่วงนี้ไม่ควรไปปั่นราคาไข่ไก่ขึ้นให้มาก ควรช่วยกันประคองราคานี้ให้รอดก่อน เพราะอีกด้านหนึ่งก็ไม่ทราบว่ามี “ไข่ไก่ผี” โผล่มาจากไหน ทั้งที่กรมปศุสัตว์ได้ขอความร่วมมือผู้เลี้ยงปลดแม่ไก่ไข่ต่อเนื่อง หากราคาไข่ปรับขึ้นแบบตามใจผู้เลี้ยงเช่นนี้ เชื่อว่าจะมีไข่ไก่จากห้องเย็นทะลักออกมาขายในตลาดอีกระลอกใหญ่แบบสึนามิ
 
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือ เอ้กบอร์ด เผยถึงแผนการนำเข้าเลี้ยงไก่ไข่พันธุ์ (GP และ PS) ปี 2566 ได้แก่ ไก่ไข่ปู่ย่าพันธุ์ (GP) จำนวน 3,870 ตัว สาเหตุเนื่องจาก บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(บมจ.) มีการขอชดเชย GP ที่สูญเสียจำนวน 70 ตัว ที่ไม่สามารถนำเข้ามาภายในปี 2565 ได้เนื่องจากจะต้องนำเข้า GP ครั้งละไม่ตํ่ากว่า 2,000 ตัว และไก่ไข่พ่อแม่พันธุ์ (PS) จำนวน 440,000 ตัว(ดูกราฟิกประกอบ)
  
 “จะสังเกตุเห็นว่า แผนการนำเข้า PS มีการปรับลดโควตาเหลือจำนวน 440,000 ตัว ตั้งแต่ปี 2562 ปรากฎว่าราคาไข่ไก่โดยเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับต้นทุนเฉลี่ยในแต่ละปี โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา ราคาไข่ไก่เฉลี่ยยังสูงกว่าราคาต้นทุนเฉลี่ยจึงใช้แผนการเลี้ยง PS เท่าเดิม อย่างไรก็ดีมอบหมายให้กรมปศุสัตว์ออกมาตรการลงโทษผู้ที่ไม่ปลดแม่ไก่ตามกติกา เพื่อคุมปริมาณไข่ไก่ให้สมดุลกับความต้องการ จากปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อไข่ราคาดี เมื่อถึงเวลาปลดไก่แล้วก็ไม่ดำเนินการ
 
สำหรับเรื่องของต้นทุนอาหารสัตว์ ปัจจุบันต้นทุนสูงมาก สาเหตุหลักจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญยังยืดเยื้อ เงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ราคาวัตถุดิบนำเข้าปรับตัวสูงขึ้น ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์พยายามที่จะเข้ามาแก้ปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ขาดแคลนและราคาสูง เช่น ยกเลิกมาตรการ 3 : 1 (ซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ 3 ส่วน นำเข้าข้าวสาลีได้ 1 ส่วน) แต่ผลผลิตข้าวโพดในประเทศก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของโรงงานอาหารสัตว์ ยังขาดอีกกว่า 2 ล้านตัน
 
ดังนั้นทำให้ต้องมีการใช้วัตถุดิบอื่นทดแทนทดแทน เช่น มันสำปะหลัง รวมถึงมีเงื่อนไขในตอนนั้นว่า กากถั่วเหลืองต้องไม่เกิน กก.ละ 18-19 บาท และมันเส้นต้องไม่เกิน กก.ละ 5 บาท แต่ปัจจุบันราคากากถั่วเหลืองอยู่ที่ กก.ละกว่า 20 บาท มันเส้น กก.ละ 9 บาท ซึ่งการเลี้ยงไก่ในปัจจุบันไม่ได้เลี้ยงใต้ถุนบ้านเหมือนสมัยก่อน แต่เลี้ยงในระบบอุตสาหกรรม จึงใช้วัตถุดิบท้องถิ่นไม่ได้ ถ้าจะใช้จะต้องมีคุณภาพและปริมาณมากพอ เพื่อที่ให้การผลิตอาหารสัตว์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้โอกาสลดต้นทุนทำได้ยาก
  
อย่างไรก็ดีมีผู้เสนอขอให้มีการทบทวนศึกษาเรื่องพืชจีเอ็มโอ (GMOs) โดยให้เอ้กบอร์ด ส่งต่อให้กรมวิชาการเกษตรดำเนินการพิจารณาศึกษาเรื่องข้าวโพด GMOs เนื่องจากมีความจำเป็น ซึ่งในอดีตหลายฝ่ายมีความกังวลเรื่องของพืช GMOs ไม่ปลอดภัย ทำลายระบบนิเวศ ทำให้พืชต่างๆ สูญพันธุ์ แม้ระยะเวลาผ่านไป แต่หลายฝ่ายยังมีความกังวลเรื่องนี้
 
ขณะในต่างประเทศมีการใช้ GMOs เช่น จีนเพิ่งมีนโยบายผลิตกากถั่วเหลืองจีเอ็มโอ ภายในประเทศ เพื่อลดการนำเข้า ส่วนในยุโรปมีการยอมรับพืชจีเอ็มโอไม่ได้ต่อต้านเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นมองว่า จีเอ็มโอไม่ได้ร้ายแรง จะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องข้าวโพดขาดแคลน และเพิ่มความสามารถการแข่งขันกับต่างประเทศ
 


"ลิณธิภรณ์" ตอกหน้า "ประยุทธ์" ไม่ใส่ใจเปิดโปงทุจริต-ทุนจีนสีเทา ตั้งใจละเลยหรือไม่
https://siamrath.co.th/n/416084

วันที่ 19 ม.ค.2566 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเหมือนตกอยู่ในความมืดมนจากหลุมดำที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ได้สร้างขึ้น นับหนึ่งจากวันรัฐประหารยึดอำนาจในปี 2557 ตั้งแต่วันนั้นการทุจริตคอร์รัปชันในแวดวงราชการและการเมืองเบ่งบาน  เจ้าหน้าที่ของรัฐหลายหน่วยงาน ไม่เว้นแม้แต่กรมสอยสวนคดีพิเศษ (DSI) ตำรวจ ทหาร ล้วนมีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องทุนจีนสีเทาที่เข้ามาเกาะกินบ้านเมือง  จนประชาชนเกิดคำถาม ต้นธารของความยุติธรรมวันนี้ยังเชื่อถืออยู่ได้หรือไม่ กรณีหลานพลเอกประยุทธ์ที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกลุ่มทุนจีนสีเทา วันนี้เรื่องก็เหมือนจะเงียบหาย ไม่การสืบค้นหาความเชื่อมโยงใดๆ และยังเกิดกรณีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น 

1. การเปิดโปงของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่พาดพิงถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจ 191 เรียกรับผลประโยชน์นับ 9.5 ล้านบาท แลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหาที่เปิดบ้านพักทำพาสปอร์ตและวีซ่าปลอมของกลุ่มทุนจีนสีเทา  
 
2. กรณีที่สื่อเผยแพร่ภาพข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการ รองผู้กำกับในภาคตะวันออก ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ เข้าพบนายุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันในสายงานบังคับบัญชา 
 
3. การเปิดโปงของนักแสดงดิว อริสรา โพสต์เฟซบุ๊กชี้เป้าตำรวจว่ามีบุคคลเจ้าของเวปไซต์พนันออนไลน์รายใหญ่ ‘มาเก๊า888’ เตรียมจัดการงานแต่งงาน เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม 

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า ในขณะที่มีการเกิดกรณีใหม่ๆ เกี่ยวกับทุจริตคอร์รัปชันรายวัน แต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ยังคงนิ่งเฉย ละเลย ไม่มีความตื่นตัวหรือกระตือรือร้นในการปราบปรามจับกุมเอาผิด ทั้งที่อำนาจอยู่ในมือ รวมถึงความไม่คืบหน้าต่อการตรวจสอบที่มาของเงินบริจาคพรรคพลังประชารัฐของนายตู้ห่าว ซึ่งกำลังจางหายเสมือนมีความตั้งใจจะกลบกระแสด้วยการสาละวนกับการย้ายพรรคของพลเอกประยุทธ์เสียเอง  จนสังคมอดคิดไม่ได้ว่า กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์กับผู้ถือกฎหมาย เพราะ ‘กินด้วยกัน’ ใช่หรือไม่  รัฐบาลทำอะไรไม่ได้เพราะช่วยเหลือกันใช่หรือไม่  ทางออกในการแก้ไขปัญหานี้ หากเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล จะเข้าไปเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดย 
 
1. ปฎิรูปตำรวจอย่างจริงจัง ส่งเสริมกระจายอำนาจสู่ภาคประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วม 

2. ปรับเปลี่ยนภาครัฐและภาคเอกชนด้วย Digital Transformation ครั้งใหญ่  ด้วยการสร้างรัฐบาลดิจิทัล ( Platform digital Government) ที่ใช้ได้จริง เพื่อแก้ปัญหาระบบราชการใหญ่โตและคอร์รัปชั่นมากมาย  และขาดประสิทธิภาพ 
 
"ระบบอุปถัมภ์ สังคมลำดับชั้น คือสารตั้งต้นของการทุจริตคอร์รัปชันที่กัดกินประเทศไทย ให้ล้าหลังย้อนไปในยุคเผด็จการและประชาธิปไตยครึ่งใบ มาถึงตอนนี้ปัญหาใหญ่กว่าใต้ภูเขาน้ำแข็งที่จมอยู่ใต้น้ำ กำลังค่อยๆ ลอยขึ้นมาฟ้องร้องต่อสาธารณชนและประชาคมโลกถึงความล้มเหลวของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์  ผู้หลงระเริงในอำนาจที่ได้มาจากกติกาที่บิดเบี้ยว จากนี้ประชาชนคงได้ตาสว่างเห็นถึงผลงานที่ชัดเจนของพลเอกประยุทธ์เป็นอย่างดีแล้ว วัดกันอีกครั้งในเลือกตั้งนี้ว่าพรรคที่พลเอกประยุทธ์สังกัดอยู่จะได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างไร"ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว
 

 
ก้าวไกล จี้รัฐ-บริษัทเร่งเยียวยาประชาชนเรือน้ำมันระเบิด
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_484697/

ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล สมุทรสงคราม รัฐจี้บริษัทเร่งเยียวยาประชาชนเรือน้ำมันระเบิด ออกกฎหมาย PRTR บีบอุตสาหกรรมเปิดเผยข้อมูลมลพิษ
 
นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล จ.สมุทรสงคราม เข้าติดตามผลกระทบจากกรณีเหตุเรือบรรทุกน้ำมัน สมูธซี 2 ระเบิดที่อู่ซ่อมเรือ ต.แหลมใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สมุทรสงคราม ระหว่างจอดรอการซ่อมบำรุง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย และมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย โดยหลังเกิดเหตุการณ์ อานุภาพ พร้อมทีมงานพรรคก้าวไกลสมุทรสงคราม ได้เข้าเยี่ยมเยียนพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ พร้อมร่วมฟังและซักถามผู้ว่าราชการจังหวัดระหว่างการแถลงข่าว
 
ทั้งนี้ตนต้องขอเน้นย้ำถึงเรื่องการเยียวยาประชาชนเพราะจากกรณีที่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน เมื่อปีที่แล้วกับเรือของบริษัทเดียวกันที่ จ.สมุทรปราการ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าประชาชนจำนวนมากได้รับเงินเยียวยาล่าช้า บ้างก็ถูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมชดเชยให้ ตนจึงขอเรียกร้องไปทางผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ว่าขอให้อย่าเกิดการบ่ายเบี่ยงล่าช้าในการเยียวยาประชาชนเกิดขึ้นแบบนี้อีก นอกจากนี้สิ่งที่เป็นข้อกังวลต่อมาคือมาตรการในระยะยาว เพราะเหตุระเบิดในครั้งนี้เรียกได้ว่าซ้ำรอยกับเหตุการณ์ที่ จ.สมุทรปราการ ทั้งเรือยี่ห้อเดียวกัน มาจากบริษัทเดียวกัน ลักษณะการระเบิดก็เหมือนกัน เกิดแรงดันอากาศจนบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย กระจกแตก หลังคาพังเหมือนกัน
 
นอกจากนี้ นายอานุภาพ กล่าวว่า กฎหมาย PRTR มีการใช้กันในมากกว่า 36 ประเทศทั่วโลก เป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่ประเทศไทยควรมี เพราะที่ผ่านมาประชาชนกับอุตสาหกรรมมักมีข้อพิพาทกันอยู่เสมอด้วยความที่กฎหมายของเราหละหลวม เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนมากกว่าประชาชน อย่างในกรณีที่เกิดขึ้นที่สมุทรสงครามนี้ ย้อนไปจนถึงเหตุการณ์แบบเดียวกันที่เกิดขึ้นที่สมุทรปราการ ก็เกิดขึ้นมาเพราะความหละหลวมของกฎหมายที่ไม่มีการควบคุมอุตสาหกรรมให้ดำเนินการให้ได้มาตรฐาน ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และการป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น และหากเรายังเดินหน้าไปด้วยความหละหลวมแบบนี้ต่อ เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตอย่างแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่