เปลือยธาตุแท้ทักษิณ มาเป็น“ระบอบทักษิณ”

“สมเกียรติ อ่อนวิมล”เปลือยธาตุแท้ “ทักษิณ"กว่าจะมาเป็น“ระบอบทักษิณ”

"..ตัวผมเองรู้จักคุณทักษิณมาตั้งแต่แรกเริ่ม ครั้งที่ผมเป็นนักข่าวโทรทัศน์ในวัยหนุ่ม และคุณทักษิณก็กำลังเป็นนักธุรกิจที่กำลังไต่เต้าขึ้นสู่ความมั่งคงทางธุรกิจ ขยายอำนาจเข้าสู่การเมือง ตอนนั้นคุณทักษิณร่ำรวยมากขึ้นจนสังคมเห็นผิดสังเกต.."

อ่าน. https://www.isranews.org/content-page/item/26787-tk_26787.html



“ดร.สมเกียรติ” ได้บอกเล่าเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และระบอบทักษิณ ที่เคยสัมผัส ตั้งแต่สมัยทำงานเป็น“นักข่าวประจำ ไอทีวี” และ “ส.ว.สุพรรณบุรี” พร้อมเรื่องราว “ลับ – ลวง – พราง” ของคนในพรรคไทยรักไทย (ทรท.) และ ส.ว. บางคนที่สนับสนุนระบอบทักษิณ เอาไว้อย่างเผ็ดร้อน

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขอนำคำพูดของ “ดร.สมเกียรติ” มานำเสนออย่างละเอียด ดังนี้

“ ประเทศไทยผ่านการปฏิรูปการเมืองมาแล้วหลายช่วงหลายตอน มีรัฐธรรมนูญรวมแล้วถึง 18 ฉบับ แสดงถึงความหวั่นไหว ระส่ำระส่ายในเรื่องประชาธิปไตย อย่างหาทางออกไม่เจอ จนวันนี้เราพยายามอย่างเหน็ดเหนื่อยยาวนานที่จะล้มประเทศที่ทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งระบบ กว้างใหญ่ในระบบราชการ สถาบันการเมือง และกลุ่มผู้มีอำนาจทางธุรกิจการเมือง ที่เราเรียกว่า “ระบอบทักษิณ”

ตัวผมเองรู้จักคุณทักษิณมาตั้งแต่แรกเริ่ม ครั้งที่ผมเป็นนักข่าวโทรทัศน์ในวัยหนุ่ม และคุณทักษิณก็กำลังเป็นนักธุรกิจที่กำลังไต่เต้าขึ้นสู่ความมั่งคงทางธุรกิจ ขยายอำนาจเข้าสู่การเมือง ตอนนั้นคุณทักษิณร่ำรวยมากขึ้นจนสังคมเห็นผิดสังเกต

ผมยกมือลุกขึ้นถามในที่ประชุมตอนที่ฟังคุณทักษิณบรรยาย โดยถามว่า “คุณทักษิณ คุณร่ำรวยมากแล้ว ทำไมจึงไม่จัดระบบ และงบประมาณของบริษัท เอไอเอส และบริษัท ชิน คอร์ป แบ่งเงินเพื่อการวิจัยและพัฒนาไว้บ้างสัก 2 – 3 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินรายได้ของบริษัท อย่างเช่น บริษัทสำคัญในโลกเช่น บริษัท ซัมซุง ในเกาหลีใต้ ที่ตอนนั้นเริ่มโดดเด่น”

คุณทักษิณ ตอบผมว่า “อาจารย์ เอาเงินไปวิจัยเพื่อให้นวัตกรรมได้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นของตัวเองมันสิ้นเปลืองมาก ไม่คุ้มกัน” นั่นคือคำตอบของคุณทักษิณ

คำตอบนี้ทำให้ผมไม่คิดว่าคุณทักษิณจะสร้างอาณาจักรธุรกิจอุตสาหกรรมอะไรให้เป็นอนาคตทางนวัตกรรมระบบเศรษฐกิจของไทย

ผมจึงไม่เห็นว่าคุณทักษิณจะมีคุณค่าอะไรมากไปกว่าคนมีเงินมากธรรมดา ๆ เท่านั้น



มาในตอนที่คุณทักษิณพยายามจะเอาสัมปทาน ไอบีซี เคเบิลทีวี จาก อสมท. ตอนนั้นผมทำงานร่วมอยู่กับ อสมท. แต่จนแล้วจนรอดคุณทักษิณก็ยังไม่ได้สัมปทาน แถมเทคโนโลยีตัวเองก็ไม่มี ต้องไปให้บริษัท เคลียร์วิว จากฮาวาย มาร่วมทุนด้วย

มาวันหนึ่งคุณทักษิณก็เชิญผมไปนั่งคุยด้วย กินข้าวขาหมูราชวัตรที่สำนักงานใหญ่ของ ไอบีซี อาคารหลังเล็ก ๆ ย่านราชวัตร คุณทักษิณ ถามผมตัวต่อตัวว่า “ผมคิดอย่างไร ถ้าตัวเองอยากจะเข้าไปเป็นผู้อำนวยการ อสมท. เสียเอง”

คุณทักษิณต้องการเข้าไปจัดการเอาสัมปทาน ไอบีซี จาก อสมท. ให้เป็นตัวของตัวเองอย่างง่าย ๆ ตอนนั้นผมเป็นผู้สื่อข่าว และผู้ประกาศข่าว ในฐานะบริษัทเอกชนเล็ก ๆ เข้าร่วมงานกับช่อง 9 อสมท. ซึ่งผมเดาว่าคุณทักษิณต้องการให้ผมร่วมเป็นพวกด้วย

ผมตอบคุณทักษิณไปว่า “คุณทักษิณ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ คุณจะเอาสัมปทานจาก อสมท. และจะเข้าไปเป็นผู้อำนวยการ อสมท. เสียเองอย่างนี้ ไม่ได้”

คุณทักษิณตอบว่า “ถ้างั้น ผมให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไปเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ แล้วก็จะได้ตั้งคนที่ไว้ใจได้เป็นผู้อำนวยการ อสมท. จะได้จัดการเอาสัมปทานมาให้ ไอบีซี ของชิน คอร์ป และคุณทักษิณ ให้ได้ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

ผมนี่ทึ่งในขีดความสามารถในการทุจริตแบบไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายของคุณทักษิณจริง ๆ

ท่านทั้งหลาย นั่นผ่านมาประมาณ 30 ปี นั่นคือจุดเริ่มของระบอบทักษิณ ซึ่งตอนนั้นยังไม่เคยมีใครเรียกว่าระบอบทักษิณ จนปัจจุบันนี้ถึงจะเริ่มเรียกว่าระบอบทักษิณ ว่ามันมีอิทธิฤทธิ์แค่ไหนในปัจจุบัน ผมรู้จักมันมาประมาณ 30 ปี ตั้งแต่คุณทักษิณยังไม่ได้เป็นนักการเมือง

เมื่อคุณเฉลิม เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คุมงาน อสมท. คุณเฉลิมบอกกับผมโดยตรงว่า “อาจารย์สมเกียรติ เราเป็นพวกเดียวกันแล้ว” นอกจากนี้คุณเฉลิมให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นคนทุจริต ร่ำรวยผิดปกติ มีบ้านถึง 3 หลัง คุณเฉลิมให้สัมภาษณ์แบบนั้น

ผมเป็นนักข่าว ช่วยงาน อสมท. ภายใต้การกำกับของคุณเฉลิมนี่แหละ ผมก็เลยส่งทีมงานข่าวไปพิสูจน์ว่า พล.อ.เปรม ทุจริต มีบ้าน 3 หลัง ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่

ข่าวนี้ก็รายงานใน อสมท. ในรายการข่าวภาคค่ำว่า พล.อ.เปรม ไม่ทุจริต ไม่ร่ำรวยผิดปกติ ไม่ได้มีบ้าน 3 หลัง อย่างเช่นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหาแต่อย่างใด

บ้านที่เกาะยอ ควรจะเป็นของ พล.อ.เปรม ที่ชาวสงขลาสร้างให้ ท่านก็ไม่เอา ก็เลยกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกาะยอจนถึงทุกวันนี้ บ้านที่ท่าแร้ง บางเขน ก็ไม่มี ที่ดินก็ขายไปแล้ว บ้านที่โคราช ที่กล่าวหากัน ก็เป็นบ้านพักประจำตำแหน่งแม่ทัพภาค แล้วบ้านที่ท่านอยู่จริง ๆ ทุกวันนี้คือบ้านสี่เสาเทเวศน์ ซึ่งเป็นบ้านของราชการ ที่ท่านอยู่ตามระเบียบของกองทัพเท่านั้นเอง


คุณเฉลิม ดูข่าวที่ผมรายงานทางช่อง 9 แล้วก็โกรธ โทรศัพท์มา ไม่พอใจข่าวของผม แล้วบอกว่า “อาจารย์ ต่อไปนี้เราแยกทางกันเดินนะ” แล้วเราก็แยกทางกันเดินทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแต่งงานกัน

คุณเฉลิม ปลดผมออกจากงานที่ทำที่ อสมท. โดยมติของคณะรัฐมนตรีในสมัยนั้น แล้วเพื่อนคุณเฉลิมที่ทำธุรกิจก็เข้ามาสวมสัมปทานสัญญาแทนผม หากินต่อที่ อสมท.

ที่คุณทักษิณเขียนไว้ในหนังสือชื่อ ตาดูดาว เท้าติดดิน ในตอนนั้น เป็นหนังสือเล่มแรกที่ใครต่อใครซื้อมาอ่านกัน คุณทักษิณบอกว่า ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวอะไรกับ อสมท. ที่เขียนเช่นนั้นจึงไม่เป็นความจริง ผมเองเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ ได้ขีดฆ่าข้อความเท็จในหนังสือเล่มนี้ไว้มากมายหลายแห่ง

คุณทักษิณนั้นขณะที่ตากำลังเหม่อลอยจ้องจะคว้าดวงดาวนั้น เท้าก็เหยียบย่ำทุกสิ่งอย่างบนดินจนกระจายแหลกลาญ

ต่อมาในปี 2543 ผมได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสุพรรณบุรี คุณทักษิณกำลังสร้างพรรคไทยรักไทยเพื่อจะไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้ส่งคนมาทาบทามผมให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคแบบบัญชีรายชื่อ ผมปฏิเสธ

ต่อมาคุณทักษิณ โดยบริษัท ชิน คอร์ป ก็เข้าไปซื้อหุ้นสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี จาก 10 เปอร์เซ็นต์ พยายามให้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ทั้ง ๆ ที่กฎเดิมห้ามไม่ให้ใครถือหุ้นเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ แต่คุณทักษิณก็แก้ไขกฎเกณฑ์จนทำได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์

มันเหลือติดอยู่ที่ว่าค่าสัมปทาน ไอทีวี นั้น จะต้องจ่ายให้กับรัฐแพงมากถึง 2.5 หมื่นล้านบาท ในช่วง 30 ปี คุณนิวัฒน์บุญทรง ซึ่งปัจจุบันชื่อ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมว.พาณิชย์ และเป็นเพื่อนนักเรียนทุนอเมริกัน รุ่นเดียวกับผม ถือว่าเป็นเพื่อนนักเรียนสมัยเป็นวัยรุ่นไปต่างประเทศรุ่นเดียวกัน

ตอนนั้นคุณนิวัฒน์ เป็นผู้บริหารบริษัท ชิน คอร์ป ของคุณทักษิณ คุณนิวัฒน์ก็ชวนผมเข้าไปทำงานที่ ไอทีวี ผมก็รับงานเพราะอยากบริหารสถานีข่าว เพราะในชีวิตนี้ก็ไม่มีโอกาสเลย ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำ แต่ว่าผมก็ตื่นเต้นดีใจ รับงานที่เพื่อนเสนอให้ เป็นรองผู้อำนวยการ ไอทีวี สายงานข่าว ถือว่ามีอำนาจมากถ้าได้ทำงาน เพราะคุมข่าวเกือบทุกเวลานาทีทาง ไอทีวี ผมได้เงินเดือนจากคุณทักษิณ 200,000 บาท รถยนตร์ประจำตำแหน่ง 1 คัน ราคา 2 ล้านกว่าบาท

แต่ได้รับคำสั่งว่าผมจะต้องทำข่าว ไอทีวี คุมข่าว ไอทีวี ช่วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ให้ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ให้ชนะคุณสมัคร สุนทรเวช ให้ได้ ผมในฐานะผู้บริหาร ไอทีวี จะต้องกันไม่ให้ข่าวคุณสมัคร ออกใน ไอทีวี มากกว่าข่าวของคุณหญิงสุดารัตน์ ซึ่งสังกัดพรรคไทยรักไทย

ในวันใดที่ผมทำข่าวคุณสมัครมากกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ ผมจะถูกเรียกไปเตือนให้ตรวจสอบเทป แล้วก็บ่นว่า ทำไมผมจึงทำอย่างนั้น แล้วผมก็ถูกขอว่า ผมต้องช่วยพรรคไทยรักไทย ต้องช่วยคุณทักษิณ ซึ่งกำลังไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไอทีวี จะต้องทำข่าวช่วยคุณทักษิณให้ขึ้นครองอำนาจทางการเมืองให้ได้ อันนี้คือคำสั่งจากคณะกรรมการบริหารบริษัท ชิน คอร์ป และ ไอทีวี บอกกับผม ต้องการให้นายเรา ไม่ใช่นายผม นายเขา เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้


เขาบอกว่า ผมไม่ต้องห่วงเรื่องธุรกิจของ ไอทีวี ไม่ต้องกลัวว่า ไอทีวี จะขาดทุน เพราะจะแบ่งงบโฆษณา 50 เปอร์เซ็นต์จากบริษัท ชิน คอร์ป มาส่ง ไอทีวี เป็นประจำ แต่ทำอะไรก็แล้วแต่ช่วยคุณทักษิณ เดี๋ยวเอาเงินชิน คอร์ป มาใส่โฆษณา 50 เปอร์เซ็นต์ทั้งระบบ ที่เหลืองบชิน คอร์ป งบโฆษณาอีก 50 เปอร์เซ็นต์ จะกระจายไปใช้กับสื่อมวลชนทั้งประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายเพื่อนฝูงสื่อมวลชนทั้งหมดให้ดูแลคุณทักษิณให้ดี

นี่คือความจริงของระบอบทักษิณยุคเริ่มแรก

ผมถูกขอให้ทำงานอีกชิ้นหนึ่ง ในฐานะที่ผมเป็นสมาชิกวุฒิสภาใหม่ ๆ 1 ปี กรรมการบริหาร ไอทีวี จากชิน คอร์ป ขอให้ผมช่วยจัดการในวุฒิสภา ให้มีพวกในวุฒิสภามากพอที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงค่าสัมปทาน ไอทีวี ที่เคยเสีย 2.5 หมื่นล้านบาท 30 ปี ให้เหลือต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท แล้วเมื่อได้เช่นนั้น ไอทีวี เข้าตลาดหลักทรัพย์ ผมจะมีสิทธิ์ซื้อหุ้นในราคาถูก ผมน่ะเตรียมตัวรวยได้เลย ถ้าอยากรวย

ผมลาออกจาก ไอทีวี ทันที ผมไม่ขอร่วมงานกับคุณทักษิณ และชิน คอร์ป อีกต่อไป หลังจากอยู่ได้ 2 เดือนและทราบแผนงานของคุณทักษิณที่คิดจะครอบครองประเทศไทยด้วย ไอทีวี

เมื่อเที่ยงวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2556 นายกรัฐมนตรี ถ้าท่านอยากจะเรียกว่านายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของคุณทักษิณ ซึ่งเป็นผู้สั่งการนายกฯยิ่งลักษณ์อยู่เบื้องหลัง ซึ่งคุณยิ่งลักษณ์ แถลงว่า ร่าง พรบ นิรโทษกรรม จะตกอยู่ในความรับผิดชอบของวุฒิสภา และบอกว่าวุฒิสภาเป็นอิสระ รัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทย จะแทรกแซงไม่ได้

ประสบการณ์ของผมแตกต่างไปจากที่คุณยิ่งลักษณ์พูด และที่คุณยิ่งลักษณ์พูดก็ตรงข้ามกับที่คุณทักษิณทำ


เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นความจริง สำหรับท่านมวลมหาประชาชนจะใช้วิจารณญาณของความเป็นพลเมืองดีผู้ห่วงใยประเทศชาติ จะได้ระวังภัยทุจริตซ้ำเป็นรอบสอง โดยคุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ และพรรคพวก ที่เคยทำมาแล้ว เมื่อ 10 ปีที่แล้ว อย่างแยบยล

เรื่องนี้กระบวนการยุติธรรมก็ได้พิพากษาความผิด และยึดทรัพย์มาคืนรัฐแล้ว แต่มาวันนี้คุณทักษิณพยายามจะเอาคืน แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะด้วยพลังของมวลมหาประชาชนทั้งหลายในที่นี้

ตอนนั้นคุณทักษิณทำด้วยการแก้กฎหมายให้ตัวเองได้ประโยชน์ และจะทำต่อเนื่องกันไป โดยถือว่าเมื่อแก้กฎหมายแล้วตัวเองก็ไม่มีความผิดตามกฎหมาย เพราะเปลี่ยนกฎหมายไปแล้ว ถือว่าเป็นการทุจริตที่อาจผิดกฎหมายเก่า แต่ไม่ผิดกฎหมายใหม่ นี่ก็คือคุณทักษิณ

ผมจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นสมัยเป็นสมาชิกวุฒิสภา เมื่อปี 2544 คุณทักษิณนำพรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนท่วมท้นในสภาผู้แทนราษฎร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีตอนแรกเริ่ม คุณทักษิณก็ยังมีอิทธิพลไม่มากพอในวุฒิสภา พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร เป็นประธานวุฒิสภา ผมเป็น ส.ว.สุพรรณบุรี ผมกับคุณโสภณ สุภาพงษ์ ส.ว.กรุงเทพมหานคร สามารอภิปรายชนะในการแปรญัตติ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยแก้ไขจากร่างเดิมของคุณทักษิณที่บอกว่า ให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 49 เปอร์เซ็นต์ คนไทย 51 เปอร์เซ็นต์

ผมกับคุณโสภณ สามารถแก้เป็น 25 เปอร์เซ็นต์ กับ 75 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ผมต้องการให้คนไทยถือหุ้นมากถึง 75 เปอร์เซ็นต์ จะได้ดูว่ามั่นคง ความรวยจะตกกับคนไทยทั้งระบบ คนต่างชาติ 25 เปอร์เซ็นต์ พอ แต่คุณทักษิณต้องการให้คนต่างชาติถือหุ้นได้ 49 เปอร์เซ็นต์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่