เท่าที่ใจจะรักได้ (10)



.
โดย : ชลัน

                ๑๐
                ________________________


             เรื่องของกัญญากับนายภีมผ่านไปด้วยดี คุณแม่หายโกรธและกลับมาคุยกับฉันและกัญญาปกติ กัญญากับนายภีมคบกันเงียบ ๆ แอบคุยกันเหมือนเดิม ฉันรู้ว่าคุณแม่ไม่เชื่อหรอกว่าทั้งสองเลิกคบกัน แต่ตราบใดที่กัญญาอยู่นิ่ง ๆ ไม่ทำเรื่องให้คุณแม่คิดมากปวดหัวอีก คุณแม่ก็ไม่ก้าวก่ายหรือบีบคั้นเจ้ากี้เจ้าการให้ทั้งสองเลิกกันอย่างเด็ดขาด ฉันแอบคิดว่าคุณแม่ก็คงอยากจะพิสูจน์ในตัวของนายภีมนั่นแหละ ว่าจะจริงจังแค่ไหน และรอคอยได้หรือเปล่า
             
              สำหรับพี่ใหญ่ฉันยังงอนไม่หาย จึงไม่ค่อยคุยด้วยนักถ้าไม่จำเป็น ตัวพี่ใหญ่เองก็ไม่ได้แยแสฉันในเรื่องนี้นัก แต่ก็ไม่ได้โกรธหรืองอนฉันกลับแต่อย่างใด

             วันเสาร์พวกเราอยู่บ้านครบสามคนพี่น้อง กัญญากลับจากมหาวิทยาลัย พี่ใหญ่ก็กลับมาบ้านในวันหยุด ฉันนำพี่ใหญ่ไปฟ้องคุณแม่บ้างว่าพี่ใหญ่แอบอยู่กับผู้หญิง แอบอยู่กับพี่เฟิร์น โดยทางบ้านพี่เฟิร์นก็ไม่รู้เรื่องอะไร แต่คุณแม่กับคุณยายก็ทำเฉย แถมยังบอกว่า ผู้หญิงให้ไปตกไปแต่งเมื่อไหร่บอก หรือไม่ก็มีหลานเมื่อไหร่เดี๋ยวไปสู่ขอให้เอง
             
              พี่ใหญ่ยิ้มเยาะเย้ยฉัน ฉันก็ได้แต่เก็บความแค้นใจเอาไว้ข้างใน 'ลูกชายหัวแก้วหัวกรวด' ฉันค้อนพี่ชายและด่าในใจ ทำอะไรมีแต่คนตามใจกันหมด ลูกชายคนเดียวของบ้านก็แบบนี้

              เราอยู่ด้วยกันแบบไม่ค่อยคุยกันนัก มีเพียงกัญญาที่คุยกับพี่ใหญ่เช่นปกติ ส่วนฉันถ้าไม่ติดว่างอนกัน ฉันจะเป็นคนชวนพี่กับน้องทำกิจกรรมกันไปแล้ว ทำอาหารกินด้วยกัน หรือออกไปข้างนอกกัน หรือชวนพี่ใหญ่ไปบ้านคุณย่า แต่รอบนี้ฉันทำตัวนิ่ง ๆ ถามคำตอบคำ ต่างคนต่างอยู่

              "กัญญาคุณแม่ไปไหนเนี่ย วันนี้แต่เช้าแล้ว ฉันยังไม่เห็นหน้าคุณแม่เลย" ฉันถามน้องสาว เดินมายังห้องนั่งเล่นที่มีพี่ใหญ่ดูโทรทัศน์อยู่

              "ญาไม่รู้! ตื่นมาก็ไม่เจอเหมือนกัน คุณแม่ไม่ได้บอกไว้ คุณพ่อด้วย สองคนนี้ไปไหนกันนะ" กัญญาเองก็ไม่ทราบว่าคุณแม่ไปไหน ทำหน้าตาสงสัยเหมือนกับฉัน
             
                ฉันมองเห็นพี่ใหญ่แต่ก็ไม่คิดจะถาม จากนั้นก็เดินไปข้างนอก กลับไปถามคุณยายที่บ้าน คุณยายบอกว่าคุณแม่กับคุณลุงออกไปข้างนอกแต่เช้า ไม่ได้ถามว่าไปไหนแล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ ฉันแสดงอาการหงุดหงิดนิดหน่อย จากนั้นก็เดินกลับมาบ้านของคุณแม่เพื่อมาหาน้องสาวกับพี่ชายอีกรอบ แม้จะไม่อยากคุยด้วยก็ตาม

              "อืม..." ฉันถอนหายใจ "คุณแม่ไปไหนเนี่ย โทรหาก็ไม่รับสาย" ฉันบ่นพร้อมเดินมานั่งลงบนเก้าอี้นวม พี่ใหญ่ยิ้มเยาะ

              "ถามฉันซี... ถามฉันก็ได้ไม่โกหกหรอก ฉันรู้ว่าคุณแม่กับคุณลุงไปไหน" พี่ใหญ่พูดเจือรอยยิ้ม หัวเราะหึหึชอบใจ ส่วนฉันทำหน้านิ่ง ไม่สนใจ และไม่ถามด้วย เพราะไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น เพียงถามหาคุณแม่ไปอย่างนั้นเอง

              "ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น แค่ถาม ๆ ไปอย่างนั้นแหละ" ฉันตอบ ปรับสีหน้าเรียบเฉย ไม่บึ้งตึงและก็ไม่ยิ้มให้พี่ชาย

              "แล้วแต่... ไม่อยากรู้แล้วก็ตามใจ" พี่ใหญ่ก็ยังพูดปนยิ้ม ปรายตามองฉันพร้อมเหยียดยิ้มหัวเราะเยาะฉัน เหมือนจะแกล้งยั่วโทสะฉัน ส่วนกัญญายิ้มขำให้กับท่าทางของฉันกับพี่ใหญ่

              ฉันเลิกถามหาคุณแม่ ถึงจะงอนพี่ใหญ่อยู่ แต่ฉันก็ยังนั่งดูโทรทัศน์ร่วมกันกับเขากับกัญญา สักพักฉันรู้สึกหิวน้ำจึงเดินไปเปิดตู้เย็นในครัว เห็นผลไม้หลายชนิด หนึ่งในนั้นมีทุเรียนของโปรดของฉันด้วย กลิ่นมันหอมยั่วน้ำลายมาก พร้อมขนมและน้ำอัดลมมากมาย
             
              ใครซื้อมา! ฉันตั้งคำถาม กัญญาหรือว่าคุณแม่ ส่วนพี่ใหญ่รายนั้นคงไม่ใช่แน่ ๆ อย่างมากจะซื้อมาแช่ตู้เย็นไว้ก็แค่น้ำอัดลมไม่ก็เบียร์เท่านั้นล่ะ เวลากลับมาบ้านแบบนี้ ฉันยิ้มกว้างพร้อมเดินกลับไปถามกัญญา อีกทั้งถือทุเรียนพลูใหญ่ติดมือมาด้วย

                "กัญญาใครซื้อทุเรียนมา คุณแม่เหรอ" ฉันเลือกถามน้องสาวดีกว่ายอมเสียฟอร์มถามพี่ชาย ชูพูทุเรียนในมือให้น้องสาวดู ยิ้มตาเป็นประกายกับกลิ่นหอมของมันที่ลอยเตะจมูก ทว่าพี่ใหญ่กับหัวเราะเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

              "ฉันเอง... ของฉัน ฉันเป็นคนซื้อมาใส่ตู้เย็นไว้ให้คุณยายกับคุณแม่น่ะ" พี่ใหญ่ว่า ฉันหุบยิ้มและหันหลังกลับจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อนำทุเรียนในมือไปเก็บไว้ที่เดิม "นี่กัญตา กินได้น่า ถ้าอยากกิน ฉันซื้อมาให้แม่ให้น้องกินนั่นแหละ อย่าทำเป็นฟอร์มจัดไปหน่อยเลย" ฉันหยุดฟังพี่ใหญ่พูด

             "ไม่กินหรอก ไม่อยากกิน แค่ถามไปอย่างนั้นเอง แค่นี้ตาซื้อกินเองได้" พูดจบฉันก็ถือทุเรียนไปเก็บไว้ในตู้เย็นเช่นเดิม แม้ในใจจะนึกเสียดายก็ตาม แต่แค่ทุเรียนแค่นี้ซื้อฉันไม่ได้หรอก

             "ก็ตามใจ! และอย่าคิดว่าฉันจะขอโทษด้วยนะ ไม่มีวันซะหรอก เฮ้อ... ว่าแล้วแกถือทุเรียนมาเมื่อกี้นี้มันก็หอมยั่วจมูกดีเหมือนกันนะ กินอีกพูดีกว่า" พี่ใหญ่ว่า จากนั้นก็ลุกจากโซฟา เดินเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบถาดทุเรียนมาทานอวดฉัน พร้อมยื่นให้กัญญาด้วย "หอมชื่นจาย!!" พี่ใหญ่ทำเป็นสูดดมถาดทุเรียนและพูดอวดฉันใหญ่ ราวกับเด็กเล็กก็มิปาน

              "หอมก็กินสิ อยากกินด้วยมากมั้ง ไม่ต้องมาแกล้งพูดหรอก ใครอยากกินด้วย" ฉันค่อนขอดพี่ชาย หมั่นไส้กับท่าทางที่ทำนัก คงนึกว่าฉันจะอยากกินและอิจฉาตาร้อนมาก เขาคิดผิดแล้ว "กัญญาฉันกลับแล้วนะ" หมั่นไส้พี่ชายไม่อยากอยู่ต่อแล้ว ฉันจึงคิดลจะกลับบ้านไปหาคุณยาย

              "กัญตา! มากินทุเรียน" พี่ใหญ่เรียกฉัน ให้หยุดเดิน "อยากกินก็มากิน ฉันซื้อมาเยอะแยะ ลูกที่ยังไม่ปลอกก็มี" พี่ใหญ่ว่า

             "ไม่ล่ะ ตาจะกลับบ้านไปหาคุณยาย อ่อ ถ้าจะฝากไปให้คุณยายกินด้วยก็ได้นะ แต่ตาไม่กินหรอก" ฉันปฏิเสธหน้านิ่ง ไม่ยิ้มให้ด้วย

             "มากิน! จะอะไรนักหนา" พี่ใหญ่ลุกขึ้นเดินถือพูทุเรียนที่มีขนาดใหญ่พอประมาณมาให้ฉัน กลิ่นของมันหอมเย้ายวนมาก ๆ แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันอยากทานขึ้นมาได้ เพราะทิฐิมันมีมากกว่าความอยากในตอนนี้ "เรื่องมันผ่านมาเป็นเดือนแล้วน่า คุณแม่ก็ไม่ได้อะไรแล้ว ฉันก็แค่ทำหน้าที่พี่ชายคนหนึ่ง จะมางอนอะไรฉัน อ่ะ... วางฟอร์มอยู่ได้" พี่ใหญ่ยัดเยียดทุเรียนให้ฉัน หยิบมือของฉันให้จับพลูทุเรียนไปจากเขา "กิน!" พี่ใหญ่บังคับ

                 กัญญาหัวเราะฉันกับพี่ใหญ่ ส่วนพี่ใหญ่เองก็ยิ้มขำ หัวเราะให้กับท่าทางของฉัน สุดท้ายฉันก็ยอมจนได้ "เออ...ก็แค่นี้จะอะไรนักหนา คุณแม่กับคุณลุงไปเข้าไปในเมืองแต่เช้าแล้ว เห็นว่าไปธนาคารและจะเลยไปเยี่ยมลุงนนท์ที่โรงพยาบาลด้วย เห็นบอกเย็น ๆ จะกลับ" พี่ใหญ่บอกกับฉัน เพราะว่าก่อนหน้านั้นฉันถามหาทั้งสองคนเพราะตั้งแต่เช้าไม่เจอใครสักคน ลุงนนท์คือพี่ชายของคุณแม่ ลูกอีกคนของคุณยายนั่นแหละ

              ฉันนำทุเรียนไปให้คุณยายที่บ้านจากนั้นจึงเดินกลับมาบ้านคุณแม่ เพื่ออยู่คุยกับพี่ชายและน้องสาว ความรู้สึกของฉันที่งอนพี่ใหญ่หายไปจนหมดสิ้น เราสามคนพี่น้องคุยกันสนุกตามประสา พวกเราถึงจะเลยวัยเด็กไปแล้ว พอได้มารวมตัวกันแบบนี้ ความเป็นเด็กก็เกิดขึ้นอีก ตอนบ่ายพวกเราชวนกันไปนั่งร้านกาแฟใกล้บ้าน พี่ใหญ่เป็นเจ้ามือเลี้ยงฉันกับกัญญาเอง ส่วนมื้อเย็นพวกเราจะเข้าไปในตัวเมืองเพื่อหาซื้อกับข้าวมาทำ เป็นปาร์ตี้เล็ก ๆ ของครอบครัว

                กัญญาจะกลับบ้านทุกวันศุกร์ ส่วนพี่ใหญ่นาน ๆ จะได้กลับมาบ้านที พวกเราจึงจัดปาร์ตี้กันทุกรอบที่พี่ใหญ่กลับบ้าน แม่ครัวก็คือฉันกับกัญญาเอง พี่ใหญ่เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
                
                "พี่ใหญ่น่าจะพาพี่เฟิร์นมาด้วยนะ จะได้สนุกคูณสองไง" กัญญาพูดถึงว่าที่พี่สะใภ้ของพวกเรา ขณะนั่งทานกาแฟกันที่ร้าน พวกเรากะจะอยู่ที่นี่เพื่อรอเวลาบ่ายแก่จึงจะเข้าไปในเมืองเพื่อหาซื้ออะไรมาทำกับข้าวกัน ก่อนหน้าพี่ใหญ่โทรไปบอกคุณแม่แล้วว่าไม่ต้องซื้ออะไร พวกเราจะไปหาซื้อกันเอง

              "พี่เฟิร์นเขาไม่ว่างนะ รอบหน้าเห็นว่างั้น" พี่ใหญ่ตอบ

                "เมื่อไหร่พี่ใหญ่จะขอย้ายมาประจำอยู่ที่จังหวัดเราล่ะ จะได้กลับมาบ้านบ่อย ๆ คุณยายคิดถึง" กัญญาถามต่อ ส่วนฉันนั่งดื่มกาแฟฟังพี่ชายกับน้องสาวคุยกันไปเพลิน ๆ ไม่มีเรื่องจะคุยจะถามอะไร

                "ไม่ล่ะ พี่ชอบที่นั่น ถ้าพี่ย้ายพี่เฟิร์นก็ต้องย้ายตาม ลำบากน่ะ อีกอย่างที่นั่นก็ไม่ไกลด้วย จะกลับบ้านขับรถไม่กี่นาที"

              "อ๋อ... ที่แท้ก็สปอยล์แฟน กลัวเขาลำบากตัวเองยังไงก็ได้" กัญญาแซวพี่ใหญ่ ยิ้มบางกับพี่ใหญ่ ฉันนั่งฟังก็ขำตาม

              "ว่าแต่เธอเถอะกัญตา น่าจะหาแฟนสักคนนะ เวลาฉันกลับมาบ้านจะได้มีเพื่อนก๊งเหล้าน่ะ" พี่ใหญ่พูดถึงฉัน ฉันหุบยิ้มกลืนขำลงคอไป จู่ ๆ วกมาเข้าเรื่องของฉันได้ยังไง

              "มันหาง่ายมากมั้ง ตาจะไปหาแฟนมาให้พี่ใหญ่ได้ที่ไหนล่ะ" ฉ้นค้อนเข้าให้ โทษฐานที่จู่ ๆ ก็วกมาเรื่องของฉันแบบไม่ให้ตั้งตัว

              "หาที่ไหนจะไปรู้เหรอ ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่สามีคนอื่นนะ ผู้ชายคนที่เจอตอนไปเที่ยวงานน่ะ" พี่ใหญ่หมายถึงพี่ทีรุฒน์

              "ไม่ใช่ชัวร์! พี่ทีรุฒน์เขามีภรรยาเป็นตัวเป็นตนขนาดนั้น ตาไม่แย่งของใครหรอก อือ... อยากมีน้องเขยมาก งั้นก็จีบเพื่อนตำรวจของพี่ใหญ่ให้ตาซี ไม่หล่อก็ได้แค่ไม่มีเจ้าของ" ฉันแกล้งพูด พี่ใหญ่รับราชการตำรวจ ฉันอยากรู้ว่าพี่ชายจะมีท่าทีอย่างไร

              พี่ใหญ่โบกไม้โบกมือ "นั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่ เพื่อนฉัน ฉันรู้นิสัยถาวรของพวกมันดี ถึงจะโสดก็ตาม"

              "หวงตาเหรอ หวงน้องสาวล่ะซี แล้วทำเป็นมาพูดอยากมีน้องเขยเป็นเพื่อนก๊งเหล้า" ฉันแกล้งพี่ชาย ทำหน้าล้อเลียน

              "ไม่ได้หวง! แต่ต้องไม่ใช่เพื่อนของฉัน" พี่ใหญ่ยังปฏิเสธ พวกเราคุยกันเพลินที่ร้านกาแฟ ฉันกับกัญญาเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงนายภีม พี่ใหญ่เองก็เช่นกัน ที่ไม่พูดถึงญาติผู้น้องคนนี้เลย

              พวกเรานั่งที่ร้านกาแฟถึงบ่ายแก่ จากนั้นก็พากันขับรถไปยังตลาดสดในตัวเมือง เพื่อซื้อกับข้าวมาทำปาร์ตี้ของมื้อเย็นวันนี้ ส่วนพรุ่งนี้พี่ใหญ่ชวนฉันไปบ้านหาคุณย่า ฉันก็ตกลงจะไปด้วยแต่โดยดี

จบบทที่ ๑๐
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่