ตัด 'งบกลาโหม' เพื่อ?
ตัวเลขไม่เคยหลอกใคร
พรรคฝ่ายค้าน ตั้งธงแน่นอนแล้ว คว่ำร่างกฎหมายเพื่อคว่ำรัฐบาล
วันนี้ว่ากันเฉพาะงบกระทรวงกลาโหม ที่ฝ่ายค้านโจมตีมาตลอดหลายปีว่า ได้งบเยอะ
๗ อันดับกระทรวงที่ได้งบประมาณสูงสุด ในร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ๒๕๖๖ มีดังนี้
๑.กระทรวงศึกษาธิการ ๓๒๕,๙๐๐ ล้านบาท ลดลง ๔,๕๒๖ ล้านบาท
แต่หากนับรวมกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ได้ ๑๒๔,๗๔๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑,๓๐๑ ล้านบาท ก็จะเป็น ๔๕๐,๖๔๘ ล้านบาท
๒.กระทรวงมหาดไทย ๓๒๕,๕๗๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๐,๐๖๕ ล้านบาท
๓.กระทรวงการคลัง ๒๘๕,๒๓๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๑,๖๒๗ ล้านบาท
๔.กระทรวงกลาโหม ๑๙๗,๒๙๒ ล้านบาท ลดลง ๔,๓๗๓ ล้านบาท
๕.กระทรวงคมนาคม ๑๘๐,๕๐๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๗,๓๓๗ ล้านบาท
๖.กระทรวงสาธารณสุข ๑๕๖,๔๐๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๒,๓๗๙ ล้านบาท
๗.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑๒๖,๐๖๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๖,๒๑๔ ล้านบาท
หากดูเม็ดเงินที่แต่ละกระทรวงได้รับ จะเห็นว่ากระทรวงกลาโหมเป็นหนึ่งในไม่กี่กระทรวงที่ได้รับงบประมาณลดลง
ขณะที่ภาพรวมการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณในรอบหลายสิบปีมานี้ แทบไม่ต่างกันเท่าไหร่
อะไรที่ทำให้ พรรคเพื่อไทย และก้าวไกล พยายามเล่นงานกระทรวงกลาโหมมาโดยตลอด
แน่นอน
เป็นเพราะทหารทำรัฐประหาร ทำให้พรรคการเมืองกลุ่มนี้พยายามลดอำนาจของกองทัพลง
และหนทางที่ทำได้คือ ตัดงบประมาณ ที่อ้างว่านำไปซื้ออาวุธมาทำรัฐประหาร
ความคิดแบบนี้มีอยู่จริง
ไม่เฉพาะนักการเมืองเท่านั้น
ในกลุ่มผู้สนับสนุน ๒ พรรคการเมืองนี้ ก็มีความคิดเช่นเดียวกันนี้
ทหารทำรัฐประหารจริง แต่การตัดงบประมาณ แทบไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำรัฐประหารเลย หากทหารเห็นเงื่อนไขที่นักการเมืองสร้างขึ้นมา
นั่นคือคอร์รัปชัน
ที่จริงนักการเมืองคอร์รัปชัน
ก็ไม่ควรเป็นเหตุให้ทหารทำรัฐประหาร แต่ควรให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกตั้ง
เพียงแต่การเลือกตั้งของไทยก็ยังเป็นปัญหาอยู่ไม่น้อย เพราะคนโกงยังใช้การเลือกตั้ง และอ้างประชาธิปไตยเป็นเกราะกำบังให้ตัวเอง
เราเห็นเรื่องแบบนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว
ความพยายามตัดงบกระทรวงกลาโหมเพียงเพราะการซื้ออาวุธ เป็นเหตุผลที่ไม่อาจรับได้ เพราะไม่ต่างไปจากการซื้อประกันภัย ที่ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น
สำนักงานที่ทำการพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ใช้งบประมาณของพรรคในการจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยหรือไม่ ????
หั่นงบจนเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยของสำนักงานหรือไม่ เช่นเดียวกันครับ การรักษาความปลอดภัยของประเทศยังจำเป็น ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีการกระทบกระทั่งกัน ฉะนั้นการพิจารณางบประมาณแผ่นดิน ต้องขึ้นกับข้อเท็จจริง
ไม่ใช่อารมณ์ทางการเมือง
ตรวจสอบงบประมาณกระทรวงกลาโหมย้อนหลังไปถึงปี ๒๕๔๗ ซึ่งเป็นช่วงรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร บริหารประเทศ พบว่างบประมาณกระทรวงกลาโหม คิดเป็น ๗.๖๓% ของงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งหมด
ขณะที่งบประมาณปี ๒๕๖๒ ที่จัดทำโดยรัฐบาล คสช. คิดเป็น ๗.๖% ของงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งหมด
ถือว่าสูสีกัน
มาปี ๒๕๖๖ ได้เพียง ๑๙๗,๒๙๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๒ ของวงเงินงบประมาณ
ตัวเลขนี้น่าสนใจครับ เพราะเมื่อเทียบกับวงเงินงบประมาณที่กระทรวงกลาโหมได้รับในปีก่อนหน้าถือว่า ปี ๒๕๖๖ ต่ำสุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว
ปี ๒๕๕๘ ได้งบประมาณ ๑.๙๒ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๔๕% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๕๙ ได้งบประมาณ ๒.๐๖ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๕๗% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๐ ได้งบประมาณ ๒.๑๓๕ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๓๐% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๑ ได้งบประมาณ ๒.๒๒ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๖๕% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๒ ได้งบประมาณ ๒.๒๗ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๖% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๓ ได้งบประมาณ ๒.๓๓ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๒๙% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๔ ได้งบประมาณ ๒.๒๓ แสนล้านบาท คิดเป็น ๖.๗๗% ของวงเงินงบประมาณ
ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า งบประมาณกระทรวงกลาโหมในปี ๒๕๖๖ ซึ่งนอกจากเม็ดเงินที่ได้รับต่ำสุดในรอบหลายปีแล้ว สัดส่วนงบประมาณที่ได้รับกับวงเงินงบประมาณทั้งหมด ยังต่ำกว่าในรอบหลายปีด้วย คือร้อยละ ๖.๒
นี่คือตัวเลขที่พรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ต้องบอกกับประชาชนด้วย.
https://www.thaipost.net/columnist-people/151131/
พรรคฝ่ายค้าน อยากคว่ำรัฐบาล จึงสั่งตัดงบทหาร ต้นเหตุแห่งความสูญเสียกำลังพล
ตัวเลขไม่เคยหลอกใคร
พรรคฝ่ายค้าน ตั้งธงแน่นอนแล้ว คว่ำร่างกฎหมายเพื่อคว่ำรัฐบาล
วันนี้ว่ากันเฉพาะงบกระทรวงกลาโหม ที่ฝ่ายค้านโจมตีมาตลอดหลายปีว่า ได้งบเยอะ
๗ อันดับกระทรวงที่ได้งบประมาณสูงสุด ในร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ๒๕๖๖ มีดังนี้
๑.กระทรวงศึกษาธิการ ๓๒๕,๙๐๐ ล้านบาท ลดลง ๔,๕๒๖ ล้านบาท
แต่หากนับรวมกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ได้ ๑๒๔,๗๔๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑,๓๐๑ ล้านบาท ก็จะเป็น ๔๕๐,๖๔๘ ล้านบาท
๒.กระทรวงมหาดไทย ๓๒๕,๕๗๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๐,๐๖๕ ล้านบาท
๓.กระทรวงการคลัง ๒๘๕,๒๓๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๑,๖๒๗ ล้านบาท
๔.กระทรวงกลาโหม ๑๙๗,๒๙๒ ล้านบาท ลดลง ๔,๓๗๓ ล้านบาท
๕.กระทรวงคมนาคม ๑๘๐,๕๐๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๗,๓๓๗ ล้านบาท
๖.กระทรวงสาธารณสุข ๑๕๖,๔๐๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๒,๓๗๙ ล้านบาท
๗.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑๒๖,๐๖๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๖,๒๑๔ ล้านบาท
หากดูเม็ดเงินที่แต่ละกระทรวงได้รับ จะเห็นว่ากระทรวงกลาโหมเป็นหนึ่งในไม่กี่กระทรวงที่ได้รับงบประมาณลดลง
ขณะที่ภาพรวมการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณในรอบหลายสิบปีมานี้ แทบไม่ต่างกันเท่าไหร่
อะไรที่ทำให้ พรรคเพื่อไทย และก้าวไกล พยายามเล่นงานกระทรวงกลาโหมมาโดยตลอด
แน่นอน
เป็นเพราะทหารทำรัฐประหาร ทำให้พรรคการเมืองกลุ่มนี้พยายามลดอำนาจของกองทัพลง
และหนทางที่ทำได้คือ ตัดงบประมาณ ที่อ้างว่านำไปซื้ออาวุธมาทำรัฐประหาร
ความคิดแบบนี้มีอยู่จริง
ไม่เฉพาะนักการเมืองเท่านั้น
ในกลุ่มผู้สนับสนุน ๒ พรรคการเมืองนี้ ก็มีความคิดเช่นเดียวกันนี้
ทหารทำรัฐประหารจริง แต่การตัดงบประมาณ แทบไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำรัฐประหารเลย หากทหารเห็นเงื่อนไขที่นักการเมืองสร้างขึ้นมา
นั่นคือคอร์รัปชัน
ที่จริงนักการเมืองคอร์รัปชัน
ก็ไม่ควรเป็นเหตุให้ทหารทำรัฐประหาร แต่ควรให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกตั้ง
เพียงแต่การเลือกตั้งของไทยก็ยังเป็นปัญหาอยู่ไม่น้อย เพราะคนโกงยังใช้การเลือกตั้ง และอ้างประชาธิปไตยเป็นเกราะกำบังให้ตัวเอง
เราเห็นเรื่องแบบนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว
ความพยายามตัดงบกระทรวงกลาโหมเพียงเพราะการซื้ออาวุธ เป็นเหตุผลที่ไม่อาจรับได้ เพราะไม่ต่างไปจากการซื้อประกันภัย ที่ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น
สำนักงานที่ทำการพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ใช้งบประมาณของพรรคในการจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยหรือไม่ ????
หั่นงบจนเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยของสำนักงานหรือไม่ เช่นเดียวกันครับ การรักษาความปลอดภัยของประเทศยังจำเป็น ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีการกระทบกระทั่งกัน ฉะนั้นการพิจารณางบประมาณแผ่นดิน ต้องขึ้นกับข้อเท็จจริง
ไม่ใช่อารมณ์ทางการเมือง
ตรวจสอบงบประมาณกระทรวงกลาโหมย้อนหลังไปถึงปี ๒๕๔๗ ซึ่งเป็นช่วงรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร บริหารประเทศ พบว่างบประมาณกระทรวงกลาโหม คิดเป็น ๗.๖๓% ของงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งหมด
ขณะที่งบประมาณปี ๒๕๖๒ ที่จัดทำโดยรัฐบาล คสช. คิดเป็น ๗.๖% ของงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งหมด
ถือว่าสูสีกัน
มาปี ๒๕๖๖ ได้เพียง ๑๙๗,๒๙๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๒ ของวงเงินงบประมาณ
ตัวเลขนี้น่าสนใจครับ เพราะเมื่อเทียบกับวงเงินงบประมาณที่กระทรวงกลาโหมได้รับในปีก่อนหน้าถือว่า ปี ๒๕๖๖ ต่ำสุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว
ปี ๒๕๕๘ ได้งบประมาณ ๑.๙๒ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๔๕% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๕๙ ได้งบประมาณ ๒.๐๖ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๕๗% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๐ ได้งบประมาณ ๒.๑๓๕ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๓๐% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๑ ได้งบประมาณ ๒.๒๒ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๖๕% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๒ ได้งบประมาณ ๒.๒๗ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๖% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๓ ได้งบประมาณ ๒.๓๓ แสนล้านบาท คิดเป็น ๗.๒๙% ของวงเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๔ ได้งบประมาณ ๒.๒๓ แสนล้านบาท คิดเป็น ๖.๗๗% ของวงเงินงบประมาณ
ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า งบประมาณกระทรวงกลาโหมในปี ๒๕๖๖ ซึ่งนอกจากเม็ดเงินที่ได้รับต่ำสุดในรอบหลายปีแล้ว สัดส่วนงบประมาณที่ได้รับกับวงเงินงบประมาณทั้งหมด ยังต่ำกว่าในรอบหลายปีด้วย คือร้อยละ ๖.๒
นี่คือตัวเลขที่พรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ต้องบอกกับประชาชนด้วย.
https://www.thaipost.net/columnist-people/151131/