เห็นตำแหน่ง วังหลัง กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข แล้วเกิดคำถามขึ้นมาว่า

ถ้าตอน ร.1 สวรรคต แล้วเจ้าฟ้าวังหลังทองอิน ยังไม่สิ้นไปก่อน เป็นไปได้ไหมครับว่าอาจจะเกิดสงครามกลางเมือง เพราะต่อให้ตั้งเจ้าฟ้าฉิม (ร.2) ขึ้นมาก็อาจจะเกิดการเกี่ยงว่า ตนอยู่ตำแหน่งรอมานานกว่าในตำแหน่งเสมอรัชทายาทองค์รอง แก่พรรษากว่า ทำให้ไม่ยอมกัน นำมาสู่สงครามกลางเมืองรูปแบบเดียวกับที่เกิดบ่อยๆในช่วงอยุธยา ที่มีวังหน้าอยู่แล้ว อยู่ๆตั้งหน่อพระพุทธเจ้าขึ้นมาเป็นรัชทายาทแล้ววังหน้าไม่ยอม

พอในความเป็นจริงสิ้นไปก่อน รอดตัวมาได้ สมัยหลังเลยไม่มีการตั้งใครเป็นวังหลังต่ออีกเลย เพื่อแก้ปัญหาที่ว่ามาด้านบน เป็นไปได้ไหมที่จะเป้นไปตามนี้?
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
การชิงอำนาจระหว่างพระราชวงศ์อาจเกิดขึ้นได้เสมอถ้ามีปัจจัยเกื้อหนุนครับ ยิ่งการขึ้นครองราชสมบัติในสมัยโบราณยึดโยงกับฐานอำนาจบารมีทางการเมืองเป็นสำคัญ   ในฐานะกรมพระราชวังหลังที่มีฐานอำนาจวังหลังเป็นของตนเอง  รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่มีความขัดแย้งกับวังหลวงหรือวังหน้า


ในสมัยอยุทธยามีตัวอย่างมาแล้วคือ สมเด็จพระเพทราชาตั้งนายจบคชประสิทธิ์ ทรงบาศขวากรมช้าง ซึ่งมีกำลังมากและเป็นผู้ร่วมคิดชิงราชสมบัติขึ้นเป็นกรมพระราชวังหลัง รับพระบัญชา ไม่นานก็ระแวงและหาเหตุสำเร็จโทษในข้อหากบฏ (พงศาวดารรุ่นหลังว่าพระเพทราชาร่วมมือกับพระเจ้าเสือวางแผนตั้งข้อหากำจัด)  

หลังจากนั้นจึงไม่มีตำแหน่งวังหลังรับพระบัญชาในสมัยอยุทธยาอีก      ในสมัยพระเจ้าเสือก็โปรดให้โอรสทั้งสองเจ้าฟ้าเพชร เจ้าฟ้าพร รับพระบัณฑูรอย่างวังหน้าเหมือนกัน จึงเรียกทั้งสององค์ว่า พระบัณฑูรใหญ่ พระบัณฑูรน้อย ตามลำดับ


สถานะของกรมพระราชวังหลังในรัชกาลที่ 1 อยู่ในระดับสูง  เป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอองค์ใหญ่   ในสมัยกรุงธนบุรีมีตำแหน่งเป็นถึงพระยาสุริยอภัยเจ้าเมืองนครราชสีมา และมีผลงานสำคัญคือรบชนะกรมขุนอนุรักษ์สงครามในช่วงจลาจลกรุงธนบุรีซึ่งส่งผลให้รัชกาลที่ 1 ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์  มีผลงานในสงครามเก้าทัพจนได้เลื่อนเป็นกรมพระราชวังหลัง ตลอดรัชกาลยังทำหน้าที่เป็นแม่ทัพรับศึกพม่าอีกหลายครั้ง  จึงไม่แปลกที่จะมีฐานอำนาจและไพร่พลในสังกัดอยู่มาก

หลังกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทสวรรคตแล้ว เกิดศึกพม่ารุกรานเชียงแสนอีกใน พ.ศ. 2347  กรมพระราชวังหลังทรงอาสาไปปราบพม่า แต่รัชกาลที่ 1 ทรงห้ามว่า "เธอชรามากแล้ว อย่าไปเลย ให้เจ้านายหนุ่ม ๆ เขาไปกันเถิด" ภายหลังยังทรงเพิ่มพระเกียรติยศ ให้ทรงพระราชยานผูกแปดได้ในราชการใหญ่โต ให้ทรงเครื่องสูงมีระบายสามชั้นหน้าพรหมพักตร์


รัชกาลที่ 2 มีพระชนม์น้อยกว่ากรมพระราชวังหลัง 20 กว่าปี  แม้จะตามเสด็จรัชกาลที่ 1 ออกศึกสงครามบ่อยครั้ง (เช่นเดียวกับสมเด็จพระเจ้าหลานเธออีกหลายองค์) ตั้งแต่สมัยธนบุรี   แต่ไม่เคยมีผลงานโดดเด่นในการศึกชัดเจน  ไม่เคยเป็นแม่ทัพใหญ่บัญชาการศึกด้วยพระองค์เองเลย  มากสุดปรากฏเพียงเป็นยกกระบัตรในสงครามตีเมืองทวาย


เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทสวรรคต  รัชกาลที่ 1 ทรงปล่อยตำแหน่งวังหน้าไว้ 3 ปี  ระหว่างนั้นองเชียงสือมีหนังสือขอให้ยกรัชกาลที่ 2 เป็นวังหน้าว่า "สมเด็จพระอนุชาธิราช ซึ่งเป็นกรมพระราชวังบวรฯ สวรรคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระชราลงทุกวัน ยังแต่พระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าหลานเธอ มีกำลังมากเสมอกันอยู่ การข้างหน้ากลัวจะไม่เรียบร้อย ขอให้ยกสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ขึ้นดำรงที่เป็นกรมพระราชวังบวรฯ จะได้มีกำลังและพาหนะมากขึ้น บ้านเมืองจึงจะเรียบร้อย"     


แต่รัชกาลที่ 1 ก็ไม่ทรงตั้ง  จนกรมพระราชวังหลังทิวงคตไปสักพักแล้วจึงสถาปนารัชกาลที่ 2 ขึ้นเป็นวังหน้ารับพระบัณฑูร  ยกเจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์โอรสองค์รองให้รับพระบัณฑูรเหมือนกัน  เป็นพระบัณฑูรใหญ่ พระบัณฑูรน้อยเหมือนเจ้าฟ้าเพชรเจ้าฟ้าพรในสมัยพระเจ้าเสือ  ไม่ตั้งวังหลังอีก   

เป็นไปว่ารัชกาลที่ 1 อาจทรงไม่วางพระทัยในฐานอำนาจของวังหลังเต็มที่ เกรงจะเกิดปัญหา จึงทรงรั้งรอไม่ยอมยกรัชกาลที่ 2 ขึ้น  จึงรอจนวังหลังทิวงคตแล้วจึงทรงวางพระทัยยกขึ้นได้   

ในหนังสือ "กรมพระราชวังหลัง" ที่เรียบเรียงโดยเชื้อสายวังหลัง ระบุว่าใน พ.ศ. 2349  กรมพระราชวังหลังทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายว่า

       "บัดนี้ข้าพระพุทธเจ้ามีอายุล่วงได้ ๖๐ ปีเศษ  แลได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณมา ๒๕ ปีแล้ว และกรมพระราชวังบวรก็เสด็จสวรรคตแล้ว ทุกวันนี้พระมหากรุณาธิคุณก็ทรงพระชราภาพมากแล้ว ทั้งข้าพระพุทธเจ้าก็ชราภาพมากแล้วด้วย เพราะฉะนั้นขอพระราชทานพระบารมีได้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ ทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ขึ้นเป็นพระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล และทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์ ขึ้นเป็นพระบัณฑูรน้อย"

รัชกาลที่ 1 ทรงทราบเจตนากรมพระราชวังหลังจึงพอพระทัย แต่ยังไม่ทรงดำเนินการ กรมพระราชวังหลังทิวงคตเสียก่อน


ผมยังสงสัยในเรื่องหนังสือนี้อยู่  แต่ถ้าเรื่องเป็นจริง เข้าใจได้ว่ารัชกาลที่ 1 ทรงทราบเจตนากรมพระราชวังหลังแน่แล้วว่าไม่คิดชิงราชสมบัติ และยอมสนับสนุนให้รัชกาลที่ 2 เป็นวังหน้า  จึงทรงยอมตั้งพระโอรสทั้งสองให้รับพระบัณฑูรในที่สุดครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่