อัพเดทราคาหุ้น TFEX และทองคำ 19/12/2022

สวัสดีครับ แฟนๆ TFEXCLUB ทุกคน เมื่อวานนอนกันกี่โมงครับเพื่อนๆ 



(soccer ball) ดวลถึงฎีกา!! 'อาร์เจน' ดับ 'ฝรั่งเศส' ซิวแชมป์โลก
การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 หรือ “กาตาร์ 2022” เดินทางมาถึงเกมสุดท้ายนัดชิงชนะเลิศ ถือว่าเป็นคู่ชิงในฝันของใครหลายคน เป็นการดวลกันของสองทีมที่มีตำแหน่งแชมป์โลก 2 สมัย อย่าง “ฟ้าขาว” อาร์เจนติน่า แชมป์จากปี 1978 และ ปี 1986 ปะทะกับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์จากปี 1998 และ ปี 2018 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แข่งขันกันที่ ลูเซอิล สเตเดี้ยม ในเวลา 22.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 สี หมายเลข 35, ทรูโฟร์ยู หมายเลข 24 และทรูสปอร์ต HD2

ปรากฎว่าอาร์เจนติน่าขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 23 จากการยิงลูกโทษของ "ลิโอเนล เมสซี่" ต่อมาอาร์เจนติน่าขยับขึ้นนำเป็น 2-0 ในนาทีที่ 36 จากการยิงของ "อังเคล ดิ มาเรีย" ทำให้อาร์เจนติน่าทิ้งห่างฝรั่งเศสในครึ่งแรก 2-0  

เกมครึ่งหลังปรากฎว่า ฝรั่งเศสตีตื้นมาเป็น 2-1 ในนาทีที่ 78 จากลูกยิงของ "คิลิยัน เอ็มบัปเป้" และในนาทีที่ 80 "คิลิยัน เอ็มบัปเป้" ยิงให้ฝรั่งเศสเสมอเป็น 2-2 จบเกมที่ 90 นาที เสมอกันอยู่ 2-2 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

ในช่วงเวลาพิเศษครึ่งหลัง ปรากฎว่า  "ลิโอเนล เมสซี่" มาทำประตูให้อาร์เจนติน่าชึ้น 3-2 ทำท่าจะจบด้วยชัยชนะของฟ้าขาว แต่ช่วงท้ายของการต่อเวลาพิเศษฝรั่งเศสมาได้จุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอล (Handball) ของผู้เล่นอาร์เจนติน่า และเป็น "คิลิยัน เอ็มบัปเป้" ที่ซัดลูกโทษเข้าไปช่วยให้ฝรั่งเศสตีเสมอเป็น 3-3 และเป็นแฮททริกของเขาในเกมนี้จบเกม 120 นาที ทั้งคู่เสมอกัน 3-3 ทำให้ต้องมาดวลลูกจุดโทษเพื่อตัดสินแชมป์ 

สุดท้ายเป็น อาร์เจนติน่า ที่ยิงแม่นกว่าชนะไป 4-2 คว้าแชมป์โลกไปครองเป็นสมัยที่ 3 


Cr.จากทาง >>> https://www.naewna.com/sport/699036


เรามาเริ่มต้นข่าวในวันนี้ด้วย "5 ปัจจัยสำคัญในวันนี้ ตลาดต่างจับจ้องการประชุมเฟด"

Investing.com - เป็นสัปดาห์ที่สำคัญสำหรับการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง หลังจากรายงานข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ โดยข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้
Inditex เผยแพร่ผลประกอบการรายไตรมาส
ราคา น้ำมันดิบเบรนท์ยังคงผันผวน
สกุลเงินคริปโตหลักปรับตัวสูงขึ้นในเช้าวันนี้
5 ปัจจัยที่นักลงทุนควรคำนึงถึงในวันนี้ก่อนทำการตัดสินใจ

1. การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟด
เวลา 20:00 น. ตามเวลาสเปน เราจะทราบการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่มีการประมาณการไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 50 จุดพื้นฐาน
และเวลา 20.30 น. ตามเวลาสเปน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะกล่าวถ้อยแถลงในงานแถลงข่าว โดยตลาดรอความคืบหน้าเกี่ยวกับกลยุทธ์นโยบายการเงินครั้งต่อไป

2. รายงานผลประกอบการขององค์กร
ฤดูกาลแห่งรายได้กำลังจะสิ้นสุดลง แต่ยังมีบริษัทที่น่าสนใจจะรายงานผลประกอบการ ตัวอย่างเช่น ในวันพุธนี้ บริษัท Inditex (BME:ITX) เผยแพร่ผลประกอบการของไตรมาสที่สาม

3. ตลาดคริปโตและตลาดกาแฟกำลังเติบโต
ภาคสกุลเงินคริโตยังคงพยายามกู้คืนตำแหน่งหลังจากความผิดพลาดของแพลตฟอร์ม FTX Bitcoin ซื้อขายที่ 17,000 ดอลลาร์และ Ethereum ที่ 1,300 ดอลลาร์
จับตามอง ราคากาแฟเกรด C สหรัฐฯ โดยวันนี้เคลื่อนไหวที่ 168 ดอลลาร์

4. ตลาดหุ้นเอเชียและอเมริกา
มีสัญญาณบวกในวันนี้ของดัชนีหลักของเอเชีย ดัชนีนิคเคอิ เพิ่มขึ้น 0.7% ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงเพิ่มขึ้น 0.8% และ เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ซื้อขายทรงตัว
สำหรับตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดตลาดด้วยสีเขียวเมื่อวานนี้เช่นกัน โดย S&P 500 ปิดบวก0.7% Nasdaq เพิ่มขึ้น 1% และ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ 0.3% 

5. ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค
ปฏิทินข้อมูลอ้างอิงทางเศรษฐศาสตร์มหภาคในยุโรป จะมีรายงาน CPI และ PPI ของสหราชอาณาจักร อัตรา CPI ของ สเปน และ โปรตุเกส อัตราการว่างงานรายไตรมาสในอิตาลี และ การผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซน
ในสหรัฐอเมริกา จะเป็นรายงานของ ดัชนีตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ และ สินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จาก IEA
"KBANK ให้กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 34.50-35.10 จับตาทิศทางเงินทุนต่างชาติ-ส่งออกไทย"

ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 34.50-35.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ สำหรับสัปดาห์ถัดไป (19-23 ธ.ค.) ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ค่าเงินหยวนและสกุลเงินเอเชีย และตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนพ.ย.

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ข้อมูลรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือนพ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และจีดีพีไตรมาส 3/65 (final)

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOJ และการประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีนด้วยเช่นกัน

ในวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 ธ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 13-16 ธ.ค. 2565 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,188 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยถึง 7,845 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 8,245 ล้านบาท หักตราสารหนี้ที่หมดอายุ 400 ล้านบาท)

Cr. จากทาง >>> https://www.infoquest.co.th/2022/259779
"ดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 700 จุด หลังความกลัวเศรษฐกิจถดถอยปกคลุม"

ผู้เชี่ยวชาญคาด หุ้นเอเชียจะสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นสหรัฐฯ ในปีหน้า จากแนวโน้มดอลลาร์อ่อนค่า และจีนเปิดประเทศ
การเปิดประเทศของจีน และแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ จะเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนให้หุ้นเอเชียในปีหน้ากลับมาสร้างผลตอบแทนได้ดีอีกครั้ง หลังต้องเผชิญกับสารพัดปัจจัยลบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
 
Bloomberg ได้สำรวจมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านหลักทรัพย์เอเชียจาก 11 สถาบันการเงินชั้นนำ โดยพบว่าผู้เชี่ยวชาญ 10 จาก 11 รายมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นเอเชียในปีหน้า และคาดการณ์ว่าโดยเฉลี่ยดัชนีหุ้นในเอเชียจะปรับเพิ่มขึ้นที่ 9%  
 
“หุ้นเอเชียจะเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ทำผลงานได้ดีขึ้นในปีหน้า โดยคาดว่าผลตอบแทนจะเริ่มรีบาวด์กลับมาตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป” Frank Benzimra หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารทุนในเอเชียของ Societe Generale SA กล่าว
 
นับจากต้นปีที่ผ่านมา ดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่นับรวมญี่ปุ่น ปรับลดลงไปแล้ว 19% ซึ่งเป็นการติดลบเป็นปีที่ 2 หลังจากที่ในปี 2021 ปรับลดลง 4.9% โดยเฉพาะในปีนี้เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติได้ถูกถอนออกจากตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ของเอเชีย ไม่รวมจีน ไปแล้วมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์
 
อย่างไรก็ดี การที่ปัจจัยลบต่างๆ เช่น การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ การล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิดของจีน และปัจจัยการขาดแคลนชิป จะเริ่มคลี่คลายลงในปีหน้า ทำให้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มีมุมมองต่อหุ้นเอเชียในเชิงบวกมากขึ้น
 
ผลสำรวจของ Bloomberg ระบุว่า 2 ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้หุ้นเอเชียกลับมาทำผลงานได้ดีคือการเปิดประเทศของจีน ซึ่งจะช่วยให้ GDP จีนในปีหน้าขยายตัวได้ใกล้เคียง 5% และส่งผลดีต่อประเทศคู่ค้าของจีนในภูมิภาค ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือเงินดอลลาร์ที่เริ่มมีทิศทางอ่อนค่า
 
“เราคิดว่าเอเชียจะสามารถทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นสหรัฐฯ ในปี 2023 นักลงทุนทั่วโลกจะย้ายเงินทุนจากสหรัฐฯ มายังเอเชีย ด้วยอัตรากำไรที่เหนือกว่า และรอบการทำกำไร ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และการปรับ EPS ที่พลิกกลับมาเป็นบวก” Dan Fineman หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารทุนในเอเชีย-แปซิฟิกของ Credit Suisse Group AG กล่าว
 
Tina Teng จาก CMC Markets ระบุว่า หุ้นจีนจะกลับมาน่าลงทุนอีกครั้งในปีหน้า ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจาก Allianz SE, Morgan Stanley และ Goldman Sachs มองว่าเกาหลีใต้และไต้หวันจะได้รับประโยชน์จากการสั่งซื้อสินค้ากลุ่มเทคฯ ฮาร์ดแวร์เข้าคงคลัง ทำให้หุ้นของทั้งสองประเทศนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น

Cr. จากทาง >>> https://thestandard.co/expert-asia-stocks/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่