สวัสดีครับ แฟนๆ TFEXCLUB ทุกคน เมื่อวานนอนกันกี่โมงครับเพื่อนๆ
(soccer ball) ดวลถึงฎีกา!! 'อาร์เจน' ดับ 'ฝรั่งเศส' ซิวแชมป์โลก
การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 หรือ “กาตาร์ 2022” เดินทางมาถึงเกมสุดท้ายนัดชิงชนะเลิศ ถือว่าเป็นคู่ชิงในฝันของใครหลายคน เป็นการดวลกันของสองทีมที่มีตำแหน่งแชมป์โลก 2 สมัย อย่าง “ฟ้าขาว” อาร์เจนติน่า แชมป์จากปี 1978 และ ปี 1986 ปะทะกับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์จากปี 1998 และ ปี 2018 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แข่งขันกันที่ ลูเซอิล สเตเดี้ยม ในเวลา 22.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 สี หมายเลข 35, ทรูโฟร์ยู หมายเลข 24 และทรูสปอร์ต HD2
ปรากฎว่าอาร์เจนติน่าขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 23 จากการยิงลูกโทษของ "ลิโอเนล เมสซี่" ต่อมาอาร์เจนติน่าขยับขึ้นนำเป็น 2-0 ในนาทีที่ 36 จากการยิงของ "อังเคล ดิ มาเรีย" ทำให้อาร์เจนติน่าทิ้งห่างฝรั่งเศสในครึ่งแรก 2-0
เกมครึ่งหลังปรากฎว่า ฝรั่งเศสตีตื้นมาเป็น 2-1 ในนาทีที่ 78 จากลูกยิงของ "คิลิยัน เอ็มบัปเป้" และในนาทีที่ 80 "คิลิยัน เอ็มบัปเป้" ยิงให้ฝรั่งเศสเสมอเป็น 2-2 จบเกมที่ 90 นาที เสมอกันอยู่ 2-2 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ในช่วงเวลาพิเศษครึ่งหลัง ปรากฎว่า "ลิโอเนล เมสซี่" มาทำประตูให้อาร์เจนติน่าชึ้น 3-2 ทำท่าจะจบด้วยชัยชนะของฟ้าขาว แต่ช่วงท้ายของการต่อเวลาพิเศษฝรั่งเศสมาได้จุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอล (Handball) ของผู้เล่นอาร์เจนติน่า และเป็น "คิลิยัน เอ็มบัปเป้" ที่ซัดลูกโทษเข้าไปช่วยให้ฝรั่งเศสตีเสมอเป็น 3-3 และเป็นแฮททริกของเขาในเกมนี้จบเกม 120 นาที ทั้งคู่เสมอกัน 3-3 ทำให้ต้องมาดวลลูกจุดโทษเพื่อตัดสินแชมป์
สุดท้ายเป็น อาร์เจนติน่า ที่ยิงแม่นกว่าชนะไป 4-2 คว้าแชมป์โลกไปครองเป็นสมัยที่ 3
เรามาเริ่มต้นข่าวในวันนี้ด้วย "5 ปัจจัยสำคัญในวันนี้ ตลาดต่างจับจ้องการประชุมเฟด"
Investing.com - เป็นสัปดาห์ที่สำคัญสำหรับการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง หลังจากรายงานข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ โดยข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้
Inditex เผยแพร่ผลประกอบการรายไตรมาส
ราคา น้ำมันดิบเบรนท์ยังคงผันผวน
สกุลเงินคริปโตหลักปรับตัวสูงขึ้นในเช้าวันนี้
5 ปัจจัยที่นักลงทุนควรคำนึงถึงในวันนี้ก่อนทำการตัดสินใจ
1. การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟด
เวลา 20:00 น. ตามเวลาสเปน เราจะทราบการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่มีการประมาณการไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 50 จุดพื้นฐาน
และเวลา 20.30 น. ตามเวลาสเปน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะกล่าวถ้อยแถลงในงานแถลงข่าว โดยตลาดรอความคืบหน้าเกี่ยวกับกลยุทธ์นโยบายการเงินครั้งต่อไป
2. รายงานผลประกอบการขององค์กร
ฤดูกาลแห่งรายได้กำลังจะสิ้นสุดลง แต่ยังมีบริษัทที่น่าสนใจจะรายงานผลประกอบการ ตัวอย่างเช่น ในวันพุธนี้ บริษัท Inditex (BME:ITX) เผยแพร่ผลประกอบการของไตรมาสที่สาม
3. ตลาดคริปโตและตลาดกาแฟกำลังเติบโต
ภาคสกุลเงินคริโตยังคงพยายามกู้คืนตำแหน่งหลังจากความผิดพลาดของแพลตฟอร์ม FTX Bitcoin ซื้อขายที่ 17,000 ดอลลาร์และ Ethereum ที่ 1,300 ดอลลาร์
จับตามอง ราคากาแฟเกรด C สหรัฐฯ โดยวันนี้เคลื่อนไหวที่ 168 ดอลลาร์
4. ตลาดหุ้นเอเชียและอเมริกา
มีสัญญาณบวกในวันนี้ของดัชนีหลักของเอเชีย ดัชนีนิคเคอิ เพิ่มขึ้น 0.7% ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงเพิ่มขึ้น 0.8% และ เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ซื้อขายทรงตัว
สำหรับตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดตลาดด้วยสีเขียวเมื่อวานนี้เช่นกัน โดย S&P 500 ปิดบวก0.7% Nasdaq เพิ่มขึ้น 1% และ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ 0.3%
5. ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค
ปฏิทินข้อมูลอ้างอิงทางเศรษฐศาสตร์มหภาคในยุโรป จะมีรายงาน CPI และ PPI ของสหราชอาณาจักร อัตรา CPI ของ สเปน และ โปรตุเกส อัตราการว่างงานรายไตรมาสในอิตาลี และ การผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซน
ในสหรัฐอเมริกา จะเป็นรายงานของ ดัชนีตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ และ สินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จาก IEA
"KBANK ให้กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 34.50-35.10 จับตาทิศทางเงินทุนต่างชาติ-ส่งออกไทย"
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 34.50-35.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ สำหรับสัปดาห์ถัดไป (19-23 ธ.ค.) ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ค่าเงินหยวนและสกุลเงินเอเชีย และตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนพ.ย.
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ข้อมูลรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือนพ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และจีดีพีไตรมาส 3/65 (final)
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOJ และการประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีนด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 ธ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 13-16 ธ.ค. 2565 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,188 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยถึง 7,845 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 8,245 ล้านบาท หักตราสารหนี้ที่หมดอายุ 400 ล้านบาท)
"ดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 700 จุด หลังความกลัวเศรษฐกิจถดถอยปกคลุม"
ผู้เชี่ยวชาญคาด หุ้นเอเชียจะสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นสหรัฐฯ ในปีหน้า จากแนวโน้มดอลลาร์อ่อนค่า และจีนเปิดประเทศ
การเปิดประเทศของจีน และแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ จะเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนให้หุ้นเอเชียในปีหน้ากลับมาสร้างผลตอบแทนได้ดีอีกครั้ง หลังต้องเผชิญกับสารพัดปัจจัยลบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
Bloomberg ได้สำรวจมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านหลักทรัพย์เอเชียจาก 11 สถาบันการเงินชั้นนำ โดยพบว่าผู้เชี่ยวชาญ 10 จาก 11 รายมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นเอเชียในปีหน้า และคาดการณ์ว่าโดยเฉลี่ยดัชนีหุ้นในเอเชียจะปรับเพิ่มขึ้นที่ 9%
“หุ้นเอเชียจะเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ทำผลงานได้ดีขึ้นในปีหน้า โดยคาดว่าผลตอบแทนจะเริ่มรีบาวด์กลับมาตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป” Frank Benzimra หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารทุนในเอเชียของ Societe Generale SA กล่าว
นับจากต้นปีที่ผ่านมา ดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่นับรวมญี่ปุ่น ปรับลดลงไปแล้ว 19% ซึ่งเป็นการติดลบเป็นปีที่ 2 หลังจากที่ในปี 2021 ปรับลดลง 4.9% โดยเฉพาะในปีนี้เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติได้ถูกถอนออกจากตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ของเอเชีย ไม่รวมจีน ไปแล้วมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี การที่ปัจจัยลบต่างๆ เช่น การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ การล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิดของจีน และปัจจัยการขาดแคลนชิป จะเริ่มคลี่คลายลงในปีหน้า ทำให้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มีมุมมองต่อหุ้นเอเชียในเชิงบวกมากขึ้น
ผลสำรวจของ Bloomberg ระบุว่า 2 ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้หุ้นเอเชียกลับมาทำผลงานได้ดีคือการเปิดประเทศของจีน ซึ่งจะช่วยให้ GDP จีนในปีหน้าขยายตัวได้ใกล้เคียง 5% และส่งผลดีต่อประเทศคู่ค้าของจีนในภูมิภาค ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือเงินดอลลาร์ที่เริ่มมีทิศทางอ่อนค่า
“เราคิดว่าเอเชียจะสามารถทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นสหรัฐฯ ในปี 2023 นักลงทุนทั่วโลกจะย้ายเงินทุนจากสหรัฐฯ มายังเอเชีย ด้วยอัตรากำไรที่เหนือกว่า และรอบการทำกำไร ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และการปรับ EPS ที่พลิกกลับมาเป็นบวก” Dan Fineman หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารทุนในเอเชีย-แปซิฟิกของ Credit Suisse Group AG กล่าว
Tina Teng จาก CMC Markets ระบุว่า หุ้นจีนจะกลับมาน่าลงทุนอีกครั้งในปีหน้า ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจาก Allianz SE, Morgan Stanley และ Goldman Sachs มองว่าเกาหลีใต้และไต้หวันจะได้รับประโยชน์จากการสั่งซื้อสินค้ากลุ่มเทคฯ ฮาร์ดแวร์เข้าคงคลัง ทำให้หุ้นของทั้งสองประเทศนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น
อัพเดทราคาหุ้น TFEX และทองคำ 19/12/2022
ปรากฎว่าอาร์เจนติน่าขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 23 จากการยิงลูกโทษของ "ลิโอเนล เมสซี่" ต่อมาอาร์เจนติน่าขยับขึ้นนำเป็น 2-0 ในนาทีที่ 36 จากการยิงของ "อังเคล ดิ มาเรีย" ทำให้อาร์เจนติน่าทิ้งห่างฝรั่งเศสในครึ่งแรก 2-0
เกมครึ่งหลังปรากฎว่า ฝรั่งเศสตีตื้นมาเป็น 2-1 ในนาทีที่ 78 จากลูกยิงของ "คิลิยัน เอ็มบัปเป้" และในนาทีที่ 80 "คิลิยัน เอ็มบัปเป้" ยิงให้ฝรั่งเศสเสมอเป็น 2-2 จบเกมที่ 90 นาที เสมอกันอยู่ 2-2 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ในช่วงเวลาพิเศษครึ่งหลัง ปรากฎว่า "ลิโอเนล เมสซี่" มาทำประตูให้อาร์เจนติน่าชึ้น 3-2 ทำท่าจะจบด้วยชัยชนะของฟ้าขาว แต่ช่วงท้ายของการต่อเวลาพิเศษฝรั่งเศสมาได้จุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอล (Handball) ของผู้เล่นอาร์เจนติน่า และเป็น "คิลิยัน เอ็มบัปเป้" ที่ซัดลูกโทษเข้าไปช่วยให้ฝรั่งเศสตีเสมอเป็น 3-3 และเป็นแฮททริกของเขาในเกมนี้จบเกม 120 นาที ทั้งคู่เสมอกัน 3-3 ทำให้ต้องมาดวลลูกจุดโทษเพื่อตัดสินแชมป์
สุดท้ายเป็น อาร์เจนติน่า ที่ยิงแม่นกว่าชนะไป 4-2 คว้าแชมป์โลกไปครองเป็นสมัยที่ 3
Investing.com - เป็นสัปดาห์ที่สำคัญสำหรับการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง หลังจากรายงานข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ โดยข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้
Inditex เผยแพร่ผลประกอบการรายไตรมาส
ราคา น้ำมันดิบเบรนท์ยังคงผันผวน
สกุลเงินคริปโตหลักปรับตัวสูงขึ้นในเช้าวันนี้
5 ปัจจัยที่นักลงทุนควรคำนึงถึงในวันนี้ก่อนทำการตัดสินใจ
1. การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟด
เวลา 20:00 น. ตามเวลาสเปน เราจะทราบการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่มีการประมาณการไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 50 จุดพื้นฐาน
และเวลา 20.30 น. ตามเวลาสเปน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะกล่าวถ้อยแถลงในงานแถลงข่าว โดยตลาดรอความคืบหน้าเกี่ยวกับกลยุทธ์นโยบายการเงินครั้งต่อไป
2. รายงานผลประกอบการขององค์กร
ฤดูกาลแห่งรายได้กำลังจะสิ้นสุดลง แต่ยังมีบริษัทที่น่าสนใจจะรายงานผลประกอบการ ตัวอย่างเช่น ในวันพุธนี้ บริษัท Inditex (BME:ITX) เผยแพร่ผลประกอบการของไตรมาสที่สาม
3. ตลาดคริปโตและตลาดกาแฟกำลังเติบโต
ภาคสกุลเงินคริโตยังคงพยายามกู้คืนตำแหน่งหลังจากความผิดพลาดของแพลตฟอร์ม FTX Bitcoin ซื้อขายที่ 17,000 ดอลลาร์และ Ethereum ที่ 1,300 ดอลลาร์
จับตามอง ราคากาแฟเกรด C สหรัฐฯ โดยวันนี้เคลื่อนไหวที่ 168 ดอลลาร์
4. ตลาดหุ้นเอเชียและอเมริกา
มีสัญญาณบวกในวันนี้ของดัชนีหลักของเอเชีย ดัชนีนิคเคอิ เพิ่มขึ้น 0.7% ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงเพิ่มขึ้น 0.8% และ เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ซื้อขายทรงตัว
สำหรับตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดตลาดด้วยสีเขียวเมื่อวานนี้เช่นกัน โดย S&P 500 ปิดบวก0.7% Nasdaq เพิ่มขึ้น 1% และ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ 0.3%
5. ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค
ปฏิทินข้อมูลอ้างอิงทางเศรษฐศาสตร์มหภาคในยุโรป จะมีรายงาน CPI และ PPI ของสหราชอาณาจักร อัตรา CPI ของ สเปน และ โปรตุเกส อัตราการว่างงานรายไตรมาสในอิตาลี และ การผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซน
ในสหรัฐอเมริกา จะเป็นรายงานของ ดัชนีตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ และ สินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จาก IEA
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ข้อมูลรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือนพ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และจีดีพีไตรมาส 3/65 (final)
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOJ และการประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีนด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 ธ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 13-16 ธ.ค. 2565 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,188 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยถึง 7,845 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 8,245 ล้านบาท หักตราสารหนี้ที่หมดอายุ 400 ล้านบาท)
Bloomberg ได้สำรวจมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านหลักทรัพย์เอเชียจาก 11 สถาบันการเงินชั้นนำ โดยพบว่าผู้เชี่ยวชาญ 10 จาก 11 รายมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นเอเชียในปีหน้า และคาดการณ์ว่าโดยเฉลี่ยดัชนีหุ้นในเอเชียจะปรับเพิ่มขึ้นที่ 9%
“หุ้นเอเชียจะเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ทำผลงานได้ดีขึ้นในปีหน้า โดยคาดว่าผลตอบแทนจะเริ่มรีบาวด์กลับมาตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป” Frank Benzimra หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารทุนในเอเชียของ Societe Generale SA กล่าว
นับจากต้นปีที่ผ่านมา ดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่นับรวมญี่ปุ่น ปรับลดลงไปแล้ว 19% ซึ่งเป็นการติดลบเป็นปีที่ 2 หลังจากที่ในปี 2021 ปรับลดลง 4.9% โดยเฉพาะในปีนี้เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติได้ถูกถอนออกจากตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ของเอเชีย ไม่รวมจีน ไปแล้วมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี การที่ปัจจัยลบต่างๆ เช่น การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ การล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิดของจีน และปัจจัยการขาดแคลนชิป จะเริ่มคลี่คลายลงในปีหน้า ทำให้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มีมุมมองต่อหุ้นเอเชียในเชิงบวกมากขึ้น
ผลสำรวจของ Bloomberg ระบุว่า 2 ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้หุ้นเอเชียกลับมาทำผลงานได้ดีคือการเปิดประเทศของจีน ซึ่งจะช่วยให้ GDP จีนในปีหน้าขยายตัวได้ใกล้เคียง 5% และส่งผลดีต่อประเทศคู่ค้าของจีนในภูมิภาค ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือเงินดอลลาร์ที่เริ่มมีทิศทางอ่อนค่า
“เราคิดว่าเอเชียจะสามารถทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นสหรัฐฯ ในปี 2023 นักลงทุนทั่วโลกจะย้ายเงินทุนจากสหรัฐฯ มายังเอเชีย ด้วยอัตรากำไรที่เหนือกว่า และรอบการทำกำไร ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และการปรับ EPS ที่พลิกกลับมาเป็นบวก” Dan Fineman หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารทุนในเอเชีย-แปซิฟิกของ Credit Suisse Group AG กล่าว
Tina Teng จาก CMC Markets ระบุว่า หุ้นจีนจะกลับมาน่าลงทุนอีกครั้งในปีหน้า ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจาก Allianz SE, Morgan Stanley และ Goldman Sachs มองว่าเกาหลีใต้และไต้หวันจะได้รับประโยชน์จากการสั่งซื้อสินค้ากลุ่มเทคฯ ฮาร์ดแวร์เข้าคงคลัง ทำให้หุ้นของทั้งสองประเทศนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น