สวัสดีทุกคนอีกครั้ง กะทู้นี้คือเราแค่อยากมาให้ทุกคนช่วยแสดงความคิดเห็นกับการที่เราจะตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตอะ จริงๆเราก็ยอมรับนะว่าเรามีในใจแล้ว แต่แค่ยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจทำมันจริงๆ เอาละนะ ท้าวความก่อนเมื่อสองปีที่แล้วเราทำงานหน้าฟร้อนโรงแรมที่ภูเก็ตประมาณ9เดือนมันเป็นงานที่เรารักมากๆนะ เราอยากตื่นขึ้นไปทำงานทุกวันเว้นแค่แต่วันไหนต้องเข้ากะก้บคนที่ไม่ชอบอะ เคามีความสุขมากๆๆที่ได้บริการจากใจจริงๆอะ ตอนนั้นเราเก็บเงินเพลินเลยนะ แทบจะไม่ได้ใช้จ่ายไรเลย แต่พอเจอโควิดเราก็กลับมาตั้งหลักที่บ้าน อ่ะบ้านเราอยู่ภาคเหนือตอนล่างนะตอนเราว่างงานกลับมาอยู่บ้านเรากฌทำได้แค่ส่งเรซูเม่สมัครงานทุกวันวันละหลายๆที่แถวๆภาคเหนือนี้ละ ละเราก็ได้โอกาสสอบสัมภาษณ์กับหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ละตอนนั้นเราก็ได้งานนี้มา โอเครเราเล่ามาถึงปัจจุบันนะคือตอนนี้อะเราทำงานเป็นลูกจ้างของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งรัฐเค้าไปจ้างซัมพายเออร์มาจ้างเราอีกทีฐานเงินเดือนมันก็จะเยอะหน่อยเป็นฐานเงินเดือนบริษัทเอกชลคือตอนนี้เราได้สองหมื่น แต่ด้วยความที่มันเป็นงานรัฐอะงานมันโคตรน่าเบื่อมันไม่มีอะไรทำเลยในแต่ละวันอะ นานๆๆๆทีจะมีงานพิมพ์เอกสาร ออกไปตรวจเปิดโรงงาน หรือนานๆๆๆจะมีนักลงทุนเข้ามาติดต่อที่ออฟฟิศ แต่งานหลักๆของเราก็เป็นงานออนไลน์ทำสื่อประชาสัมพันธ์ ทำพาวเว่อพ่อยบรรยายให้หัวหน้า หรือพวก infographic (อ่อ อธิบายก่อนคืองานเราตอนนี้มันเกี่ยวกับการลงทุนที่รัฐให้ส่งเสริม แบบถ้านักลงทุนไทยหรือชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนทำบริษัทหรือโรงงานในประเทศไทยใช่ปะหน่วยงานเราจะมีหน้าที่ให้สิทธิภาษีนำเข้าส่งออกบล๊าๆๆ ซึ่งไม่จำเป็นที่ทุกบริษัทจะต้องเข้ามาใช้บริการของหน่วยงานเรานะมันอยู่ที่เค้าว่าเค้าจะเสียภาษีเองหรือเลือกที่จะวุ่นวายทำเอกสารหน่อยเพื่อมาขอสิทธิจากหน่วยงานเราอะ แต่ส่วนน้อยมากที่จะมาใช้บริการของหน่วยงานเราอะ เพราะมันยุ่งวุ่นวายเรื่องเยอะ เงื่อนไขบล๊าๆ นั้นแหละงานเราปัจจุบัน) ซึ่งการที่งานมันไม่มีไรทำอะวันๆเราก็นั่งดูยูทูปเน็ตฟิค มันดูเหมือนเป็นงานที่ทุกคนบอกว่าโอเครดีแล้วได้งานสบ๊ายสบาย แต่พอเป็นตัวเราเข้ามาทำแบบนี้จริงๆมันทำให้เราหมดpassion ทำให้เรารู้สึกตัวเองuseless บางทีก็รู้สึกดาวน์เลยนะที่มันไม่มีไรทำ แบบรู้สึกว่าตัวเองโง่ขึ้นทุกวันๆเพราะจากที่เมื่อก่อนเราทำงานโรงแรมที่มันต้องactive ตัวเองทุกวินาทีเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเหมือนกันเลยสักวัน วันๆแทบไม่ได้นั่งเลยก็ว่าได้ งานที่เราทำมะก่อน แต่พอวันนี้อยู่ๆเราต้องมานั่งโง่ๆทิ้งเวลาไปวันๆเพื่อรอเลิกงาน ถ้าไม่ได้หนังในเน็ตฟิคเพื่อฝึกภาษาหรือรายการยูทูปไว้เปิดประสบการณ์ชีวิตนะเราคงจะแย่จริงๆอะ หรือเป็นโรคซึมเศร้าไปแล้ว ละอีกอย่างนะสำคัญเลยคือหัวหน้าและคนที่ทำงานเราอะ ค่อนข้างtoxicเลยนะ แบบหัวหน้าก่อนเลย นางเป็นมนุษย์ป้าแถมสาวโสดอะ อารมณ์ขึ้นๆลงๆเอาแต่ใจ กลัวความผิดจะเข้าตัวเอง ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่เราไม่โอเครนะ คือวันศุกร์เราต้องกลับบ้านทุกเย็นใช่ปะเราก็จะออกมาจากที่ทำงานประมาณบ่ายสองเพื่อรอรถออกบ่ายสามทุกศุกร์แต่หัวหน้าเราไม่รู้นะ"เออลืมบอกหัวหน้าเรานั่งอยู่คนละที่กับเรานะเพราะเราประจำอยู่one stop service แยกออกมาจากศูนย์จังหวัดอีกที" นั้นแหละคือเค้าจะรู้ก็ต่อเมื่อมีนักลงทุนเข้ามาแล้วไม่เจอเราซึ่งน้อยมากกกกก ที่นางจะรู้อะ ซึ่งถ้าเราขอนางตรงๆนะนางก็จะไม่ให้อ้างว่าถ้ามีนักลงทุนมาไม่เจอเราจะไม่ดีบล๊าๆ ซึ่งเค้าก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีอะ ถึงมีก็มีเบอร์ติดหน้าห้องไว้แล้วโทรเอาก็ได้แต่ไม่มีหรอก นางก็จะโมโห ด่าเราว่ามันจะตายหรอถ้าไม่ต้องรับกลับบ้าน คือมีอยู่เหตุการณ์หนึ่งนะเราขอไปแต่งงานลูกพี่ลูกน้องเราละเค้าบอกว่า พี่เทอจะแต่งกันไม่ได้หรอถ้าเทอไม่ไปอะ ดูดิดูนางพูดกันดิ เราก็เลยรู้สึกว่าเราไม่สบายใจที่จะขอนางไปไหนตรงๆสิทธลาเราก็มีนะแต่นางไม่ให้เราลา แบบแค่ขอเวลาออกมาาก่อนเวลาเลิกงานชั่วโมงสองชั่วโมงเพื่อที่จะกลับบ้านนางไม่ให้แถมโมโหใส่เราอะ เราอธิบายแค่หัวหน้าพอละล่ะ เพราะถ้าอธิบายคนอื่นด้วยคงยาวววว คือศูนย์เรามีคนทำงานแค่สี่คนอะรวมหัวหน้าด้วย ละทุกคนคือtoxic หมด นั้นละ หัวหน้าและการทำงานปัจจุบันของเราตอนนี้ ละมาวันนี้เรารู้สึกtoxicตามสังคมอะ เราเลยมีความคิดที่จะกลับไปทำงานที่ภูเก็ต เพราะอะไรๆมันก็เริ่มคลี่คลายแล้ว โควิดก็เริ่มเป็นโรคประจำถิ่น ชาวต่างชาติก็เริ่มเข้ามาเที่ยวภูเก็ตแล้ว เศรษฐกิจการท่องเที่ยวภูเก็ตก็เริ่มกลับมาครึกครื้นบ้าง แล้วอีกอย่างลุงของเราที่ทำโรงแรมเองที่ภูเก็ตก็อยากให้เรากลับไปช่วยบริหารดูแลโรงแรมเล็กๆแถวกะรนที่แกทำอยู่ด้วย ทุกคนคิดว่าเราควรทนนั่งอยู่ที่นี้หรือกลับไปสู้ต่อกับงานที่เรารักดี แน่นอนแหละถ้ากลับไปภูเก็ตเราคงจะได้เงินเดือนน้อยกว่านั่งโง่อยู่นี้แต่อนาคตถ้าจีนอินเดียกลับมาเที่ยวภูเก็ตได้เราเชื่อว่าเราจะเก็บเงินได้กว่าอยู่ที่นี้อะ แต่ก็นั้นแหละถ้าเราทนนั่งโง่อยู่ที่นี้เราก็ทำได้แค่นั่งรอสนามสอบของแต่ละหน่วยงานรัฐเพื่อจะสอบผ่านได้ย้ายไปประจำที่อื่น หรือเราจะเลือกไปสู้ต่อกับลุงเราและงานที่เรารักที่ภูเก็ตดี ทุกคนว่าเราคิดจะเลือกถูกแล้วใช่ไหมเท่าที่อ่านมาทุกคนคงเดาออกว่าเราจะเลือกทางไหน ใช่ปะ คอมเม้นท์มาคุยกับเราที เราควรจะเลือกแบบไหน😍 ขอบคุณครับ
ระหว่างงานรัฐที่นั่งสบายไปวันๆหรืองานเอกชลสายการโรงแรมที่เรารัก!