Toyota Motors ประเทศไทย จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ในไทย พร้อมเซอร์ไพร์ส เปิดตัว กระบะไฟฟ้า Revo BEV ก่อนจะเปิดตัวขายจริงครั้งแรกในโลกที่ไทยปีหน้า
“การแนะนำรถกระบะไฮลักซ์ วีโก้ภายใต้โครงการไอเอ็มวียังคงเป็น ความทรงจำที่ผมประทับใจมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตการทำงานของผม เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ผมจึงตัดสินใจที่จะสร้างรถไอเอ็มวีแบบใหม่ เพื่อให้เป็นรถกระบะสำหรับประเทศไทย ได้แก่
รถต้นแบบใหม่ล่าสุด IMV 0 และ รถต้นแบบไฮลักซ์ รีโว่
ที่มาในระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า ทั้งสองรุ่นนี้ แสดงถึงแง่มุมที่แตกต่างในเชิงยนตรกรรม ซึ่งตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันและเหมาะกับลูกค้าคนละกลุ่ม รุ่นหนึ่งถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนอีกรุ่นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริม การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น”
“เมื่อเอ่ยถึงการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน เราต้องเข้าใจว่า คาร์บอนคือศัตรูตัวจริง ไม่ใช่ระบบส่งกำลังแบบใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะ ว่ากันตามตรงแล้วรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่แค่ทางเลือกเดียว ที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายในระดับโลก ที่โตโยต้า เราเชื่อในการสร้างสรรค์รถยนต์ให้ครบทุกประเภท เพื่อเป็นทางเลือกในการช่วยลดคาร์บอนสำหรับลูกค้าของเรา ตั้งแต่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบไฮบริด รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด รถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมถึง รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง นอกจากนั้นเรายังมุ่งพัฒนา ทางเลือกอื่นๆ ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน อย่าง GR-Yaris และ GR-Corolla ซึ่งเป็นรถต้นแบบที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจน ผมยังคงเชื่อว่า ในขณะที่เราพยายามเดินหน้าสร้างอนาคตที่ยั่งยืนเราจำเป็นต้องใช้แนวทางแบบ องค์รวมเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนร่วมกัน”
“เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน เราจำเป็นต้องดำเนินงานร่วมกับอุตสาหกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย ดังนั้น ในวันนี้ผมจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศแนะนำพันธมิตรใหม่ของเราคือบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนั่นคือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) โดยเราจะร่วมมือกันในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ โดยคิดทบทวนถึงวิธีการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์อย่างรถบรรทุกเซลล์เชื้อเพลิง และด้วยการพัฒนาให้ระบบการขนส่งด้วยรถยนต์ประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อของเรา นอกจากนั้นแล้ว ภายใต้ความร่วมมือนี้ เราจะยกระดับความพยายามของซีพีในปัจจุบันในการผลิตไฮโดรเจนสะอาดจากชีวมวล เช่น มูลไก่ อีกด้วย ผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมกับซีพี นำจุดแข็งที่เรามีอยู่ร่วมกันเพื่อสร้างประโยชน์แก่ประเทศและผู้คนให้มากยิ่งขึ้น”
”และผมก็ยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า พันธมิตรในครั้งนี้ประกอบด้วยสมาชิกอื่นๆ ของบริษัท Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) ประกอบไปด้วย ไดฮัทสุ ซูซูกิ อีซูซุ และฮีโน่ โดยบริษัท CJPT ก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาการขับเคลื่อนแห่งอนาคตโดยความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ ในอุตสาหกรรมของเรา เราชักชวนคู่แข่งให้มาร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และเฟ้นหาความเป็นไปได้ในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ร่วมกัน”
“ผมอยากขอขอบคุณทุกท่านในฐานะสมาชิกคนสำคัญของครอบครัวโตโยต้าในระดับโลก เมื่อเราร่วมมือกัน ผมเชื่อว่าทุกอย่างก็จะเป็นไปได้ เราจะสามารถช่วยทำให้โลกใบนี้เป็นที่ที่ดียิ่งขึ้นและค่อยๆ เพิ่มรอยยิ้มไปด้วยกัน”
ภายในงาน ยังได้รับเกียรติจาก นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวแสดงความยินดี และ แสดงความชื่นชม บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ได้มีส่วนร่วมในการวางรากฐานให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้เติบโตได้อย่างมั่นคง พร้อมกับขับเคลื่อนหลากหลายกิจกรรมที่มีส่วนในการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ และตอบสนองต่อนโยบายภาครัฐเพื่อความสุขของผู้คนและสังคมอย่างต่อเนื่อง
“ผมขอแสดงความยินดีและขอบคุณกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในโอกาสที่บริษัทฯ ได้ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจประเทศไทยในการดำเนินธุรกิจมากว่า 6 ทศวรรษ บริษัทฯ ได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย โดยสนับสนุนและให้ความร่วมมือต่อนโยบายของภาครัฐ ทั้งในด้านการลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ การถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการผลิต มีการขยายผลทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นฐานการผลิตรถยนต์ทั้งจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ช่วยส่งเสริมการจ้างงานในประเทศกว่า 280,000 คน ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และห่วงโซ่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ให้เติบโตจนเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ส่งเสริมภาคเศรษฐกิจ ของประเทศ”
“ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์โลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ รัฐบาลไทยจึงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable-Development-Goal : SDGs) โดยมีเป้าหมายสำคัญคือประเทศไทยจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality : CN) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศให้เกิดเป็นรูปธรรมตามแนวนโยบาย 30@30”
“ซึ่งจากการที่โตโยต้าเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในการเติมเต็มพันธกิจของภาครัฐอยู่เสมอ ทำให้ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ภายใต้การก้าวสู่ยุคแห่งยานยนต์ยุคหน้านี้ บริษัท โตโยต้าฯ จะมีการนำเสนอคุณค่าใหม่ ๆ สู่ชาวไทย ตลอดจนมีแผนพัฒนายานยนต์เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของภาครัฐ โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนในทุกด้านเพื่อส่งเสริมการพัฒนาแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างรากฐานที่มั่นคงและความยั่งยืนของทั้งสองฝ่ายร่วมกันตลอดไป”
Toyota เปิดตัว Revo กระบะไฟฟ้า ก่อนทำตลาดจริงเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ไทยปีหน้า
Toyota Motors ประเทศไทย จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ในไทย พร้อมเซอร์ไพร์ส เปิดตัว กระบะไฟฟ้า Revo BEV ก่อนจะเปิดตัวขายจริงครั้งแรกในโลกที่ไทยปีหน้า
“การแนะนำรถกระบะไฮลักซ์ วีโก้ภายใต้โครงการไอเอ็มวียังคงเป็น ความทรงจำที่ผมประทับใจมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตการทำงานของผม เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ผมจึงตัดสินใจที่จะสร้างรถไอเอ็มวีแบบใหม่ เพื่อให้เป็นรถกระบะสำหรับประเทศไทย ได้แก่
รถต้นแบบใหม่ล่าสุด IMV 0 และ รถต้นแบบไฮลักซ์ รีโว่
ที่มาในระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า ทั้งสองรุ่นนี้ แสดงถึงแง่มุมที่แตกต่างในเชิงยนตรกรรม ซึ่งตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันและเหมาะกับลูกค้าคนละกลุ่ม รุ่นหนึ่งถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนอีกรุ่นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริม การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น”
“เมื่อเอ่ยถึงการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน เราต้องเข้าใจว่า คาร์บอนคือศัตรูตัวจริง ไม่ใช่ระบบส่งกำลังแบบใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะ ว่ากันตามตรงแล้วรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่แค่ทางเลือกเดียว ที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายในระดับโลก ที่โตโยต้า เราเชื่อในการสร้างสรรค์รถยนต์ให้ครบทุกประเภท เพื่อเป็นทางเลือกในการช่วยลดคาร์บอนสำหรับลูกค้าของเรา ตั้งแต่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบไฮบริด รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด รถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมถึง รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง นอกจากนั้นเรายังมุ่งพัฒนา ทางเลือกอื่นๆ ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน อย่าง GR-Yaris และ GR-Corolla ซึ่งเป็นรถต้นแบบที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจน ผมยังคงเชื่อว่า ในขณะที่เราพยายามเดินหน้าสร้างอนาคตที่ยั่งยืนเราจำเป็นต้องใช้แนวทางแบบ องค์รวมเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนร่วมกัน”
“เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน เราจำเป็นต้องดำเนินงานร่วมกับอุตสาหกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย ดังนั้น ในวันนี้ผมจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศแนะนำพันธมิตรใหม่ของเราคือบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนั่นคือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) โดยเราจะร่วมมือกันในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ โดยคิดทบทวนถึงวิธีการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์อย่างรถบรรทุกเซลล์เชื้อเพลิง และด้วยการพัฒนาให้ระบบการขนส่งด้วยรถยนต์ประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อของเรา นอกจากนั้นแล้ว ภายใต้ความร่วมมือนี้ เราจะยกระดับความพยายามของซีพีในปัจจุบันในการผลิตไฮโดรเจนสะอาดจากชีวมวล เช่น มูลไก่ อีกด้วย ผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมกับซีพี นำจุดแข็งที่เรามีอยู่ร่วมกันเพื่อสร้างประโยชน์แก่ประเทศและผู้คนให้มากยิ่งขึ้น”
”และผมก็ยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า พันธมิตรในครั้งนี้ประกอบด้วยสมาชิกอื่นๆ ของบริษัท Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) ประกอบไปด้วย ไดฮัทสุ ซูซูกิ อีซูซุ และฮีโน่ โดยบริษัท CJPT ก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาการขับเคลื่อนแห่งอนาคตโดยความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ ในอุตสาหกรรมของเรา เราชักชวนคู่แข่งให้มาร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และเฟ้นหาความเป็นไปได้ในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ร่วมกัน”
“ผมอยากขอขอบคุณทุกท่านในฐานะสมาชิกคนสำคัญของครอบครัวโตโยต้าในระดับโลก เมื่อเราร่วมมือกัน ผมเชื่อว่าทุกอย่างก็จะเป็นไปได้ เราจะสามารถช่วยทำให้โลกใบนี้เป็นที่ที่ดียิ่งขึ้นและค่อยๆ เพิ่มรอยยิ้มไปด้วยกัน”
ภายในงาน ยังได้รับเกียรติจาก นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวแสดงความยินดี และ แสดงความชื่นชม บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ได้มีส่วนร่วมในการวางรากฐานให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้เติบโตได้อย่างมั่นคง พร้อมกับขับเคลื่อนหลากหลายกิจกรรมที่มีส่วนในการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ และตอบสนองต่อนโยบายภาครัฐเพื่อความสุขของผู้คนและสังคมอย่างต่อเนื่อง
“ผมขอแสดงความยินดีและขอบคุณกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในโอกาสที่บริษัทฯ ได้ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจประเทศไทยในการดำเนินธุรกิจมากว่า 6 ทศวรรษ บริษัทฯ ได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย โดยสนับสนุนและให้ความร่วมมือต่อนโยบายของภาครัฐ ทั้งในด้านการลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ การถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการผลิต มีการขยายผลทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นฐานการผลิตรถยนต์ทั้งจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ช่วยส่งเสริมการจ้างงานในประเทศกว่า 280,000 คน ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และห่วงโซ่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ให้เติบโตจนเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ส่งเสริมภาคเศรษฐกิจ ของประเทศ”
“ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์โลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ รัฐบาลไทยจึงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable-Development-Goal : SDGs) โดยมีเป้าหมายสำคัญคือประเทศไทยจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality : CN) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศให้เกิดเป็นรูปธรรมตามแนวนโยบาย 30@30”
“ซึ่งจากการที่โตโยต้าเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในการเติมเต็มพันธกิจของภาครัฐอยู่เสมอ ทำให้ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ภายใต้การก้าวสู่ยุคแห่งยานยนต์ยุคหน้านี้ บริษัท โตโยต้าฯ จะมีการนำเสนอคุณค่าใหม่ ๆ สู่ชาวไทย ตลอดจนมีแผนพัฒนายานยนต์เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของภาครัฐ โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนในทุกด้านเพื่อส่งเสริมการพัฒนาแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างรากฐานที่มั่นคงและความยั่งยืนของทั้งสองฝ่ายร่วมกันตลอดไป”