ย้อนรอย
สนามกอล์ฟที่ธรณีสงฆ์ ?
นายทักษิณตกเป็นข่าวอื้อฉาวเนื่องจากพบว่าคนใช้ยามคนรถเข้าไปถือหุ้นในบริษัท
ซึ่งเป็นธุรกิจของตระกูลชินวัตรจํานวนหลายร้อยล้านบาทหลายบริษัท
รวมถึงสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่บริษัทเอสซีแอสเสทจํากัดของครอบครัวชินวัตรซื้อมาจากนายเสนาะเทียนทองในราคาราว1,500,000,000 บาท
โดยเมื่อครั้งที่นายเสนาะดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ใช้อํานาจหน้าที่โดยมิชอบมีคําสั่งไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามวรวิหารได้มาซึ่งที่ดินตามพินัยกรรมของนางเนื่อมโฉนดที่ดินเลขที่20 และเลขที่1446 อําเภอคลองหลวงจังหวัดปทุมธานี
และได้มีการนําที่ดินไปขายให้กับ
บริษัทอัลไพน์เรียลเอสเตทจํากัด
และบริษัทอัลไพน์กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับจํากัด
ที่มีนายเสนาะและนายวิทยาเทียนทองเป็นหุ้นส่วน
ในครั้งนั้นผู้ฟ้องคดีในฐานะอธิบดีกรมที่ดินได้ตรวจสอบและมีหนังสือกรมที่ดินที่มท0701.3/38734 ลงวันที่12 ธันวาคม2543
ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย(นายชนะศักดิ์ยุวบูรณ์)
สรุปว่าการรับโอนที่ดินของบริษัทอัลไพน์กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับจํากัดได้ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการและเป็นการดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว
ในขณะเดียวกันกรมการศาสนาได้มีหนังสือลับด่วนที่สุดที่ศธ0301/178 ลงวันที่25 ธันวาคม2543 ถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
ขอหารือประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการยกที่ดินมรดกตามพินัยกรรมให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหารโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา(ที่ประชุมใหญ่) มีความเห็นตามบันทึกเรื่องเสร็จที่73/2544
ว่านางเนื่อมได้ทําพินัยกรรมโดยระบุว่าต้องการยกกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวเนื้อที่รวมกันประมาณ924 ไร่ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
ต่อมานางเนื่อมได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่22 พฤษภาคม2515
วัดธรรมิการามวรวิหารจึงได้ครอบครองหาประโยชน์จากที่ดินดังกล่าวตลอดมา
โดยการให้เช่าทํานาจนกระทั่งได้โอนให้มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในฐานะผู้จัดการมรดกเมื่อวันที่21 สิงหาคม2533
กรณีนี้จึงพิจารณาได้ว่าที่ดินมรดกตามพินัยกรรมของนางเนื่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร
ซึ่งเป็นทายาทตามพินัยกรรมนับตั้งแต่นางเนื่อมถึงแก่กรรม โดยไม่จําต้องทําการรับมรดกหรือเข้าครอบครองที่พิพาท
ทั้งนี้ตามมาตรา1599 ประกอบกับมาตรา1603 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อนึ่งตามมาตรา1599 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้นทายาทอาจเสียสิทธิในมรดกได้โดยประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นซึ่งการเสียสิทธิในมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ประการหนึ่งคือการทําหนังสือเจตนาสละมรดกตามมาตรา1612
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่านับตั้งแต่นางเนื่อมถึงแก่กรรมวัดธรรมิการามวรวิหารได้เก็บผลประโยชน์จากที่ดินมรดกตามพินัยกรรมโดยเก็บค่าเช่าทํานามาโดยตลอด
และไม่ปรากฏว่าวัดธรรมิการามวรวิหารได้ทําหนังสือแสดงเจตนาสละมรดกที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใด
ดังนั้นตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ดินตามพินัยกรรมของนางเนื่อมจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารแล้วตั้งแต่เจ้ามรดกถึงแก่กรรม
และบทบัญญัติมาตรา84 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไม่เป็นเงื่อนไขการได้มาซึ่งที่ดินของวัดแต่อย่างใดแต่เป็นเงื่อนไขในการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินต่อไปเท่านั้น
ดังนั้นวัดธรรมิการามวรวิหารจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินมรดกตามพินัยกรรมของนางเนื่อมทันทีที่นางเนื่อมถึงแก่กรรม
และมาตรา84 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไม่ใช่บทบัญญัติยกเว้นการได้มาดังกล่าว
เมื่อผลทางกฎหมายที่ดินมรดกของนางเนื่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารแล้วที่ดินดังกล่าวจึงเป็นที่ธรณีสงฆ์
ซึ่งการโอนที่ธรณีสงฆ์ต้องทําโดยพระราชบัญญัติตามมาตรา34 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พ.ศ. 2505 และมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อมต้องโอนที่ดินมรดกตามพินัยกรรมที่ระบุให้ตกแก่วัดให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหารเท่านั้นจะโอนให้แก่บุคคลอื่นไม่ได้
เครดิตข่าว
https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/105845-inves09-3.html
แคนดิเดตนายกเพื่อไทยถือหุ้นบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด มูลค่าหลายพันล้านบาท?
สนามกอล์ฟที่ธรณีสงฆ์ ?
นายทักษิณตกเป็นข่าวอื้อฉาวเนื่องจากพบว่าคนใช้ยามคนรถเข้าไปถือหุ้นในบริษัท
ซึ่งเป็นธุรกิจของตระกูลชินวัตรจํานวนหลายร้อยล้านบาทหลายบริษัท
รวมถึงสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่บริษัทเอสซีแอสเสทจํากัดของครอบครัวชินวัตรซื้อมาจากนายเสนาะเทียนทองในราคาราว1,500,000,000 บาท
โดยเมื่อครั้งที่นายเสนาะดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ใช้อํานาจหน้าที่โดยมิชอบมีคําสั่งไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามวรวิหารได้มาซึ่งที่ดินตามพินัยกรรมของนางเนื่อมโฉนดที่ดินเลขที่20 และเลขที่1446 อําเภอคลองหลวงจังหวัดปทุมธานี
และได้มีการนําที่ดินไปขายให้กับ
บริษัทอัลไพน์เรียลเอสเตทจํากัด
และบริษัทอัลไพน์กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับจํากัด
ที่มีนายเสนาะและนายวิทยาเทียนทองเป็นหุ้นส่วน
ในครั้งนั้นผู้ฟ้องคดีในฐานะอธิบดีกรมที่ดินได้ตรวจสอบและมีหนังสือกรมที่ดินที่มท0701.3/38734 ลงวันที่12 ธันวาคม2543
ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย(นายชนะศักดิ์ยุวบูรณ์)
สรุปว่าการรับโอนที่ดินของบริษัทอัลไพน์กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับจํากัดได้ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการและเป็นการดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว
ในขณะเดียวกันกรมการศาสนาได้มีหนังสือลับด่วนที่สุดที่ศธ0301/178 ลงวันที่25 ธันวาคม2543 ถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
ขอหารือประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการยกที่ดินมรดกตามพินัยกรรมให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหารโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา(ที่ประชุมใหญ่) มีความเห็นตามบันทึกเรื่องเสร็จที่73/2544
ว่านางเนื่อมได้ทําพินัยกรรมโดยระบุว่าต้องการยกกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวเนื้อที่รวมกันประมาณ924 ไร่ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
ต่อมานางเนื่อมได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่22 พฤษภาคม2515
วัดธรรมิการามวรวิหารจึงได้ครอบครองหาประโยชน์จากที่ดินดังกล่าวตลอดมา
โดยการให้เช่าทํานาจนกระทั่งได้โอนให้มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในฐานะผู้จัดการมรดกเมื่อวันที่21 สิงหาคม2533
กรณีนี้จึงพิจารณาได้ว่าที่ดินมรดกตามพินัยกรรมของนางเนื่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร
ซึ่งเป็นทายาทตามพินัยกรรมนับตั้งแต่นางเนื่อมถึงแก่กรรม โดยไม่จําต้องทําการรับมรดกหรือเข้าครอบครองที่พิพาท
ทั้งนี้ตามมาตรา1599 ประกอบกับมาตรา1603 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อนึ่งตามมาตรา1599 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้นทายาทอาจเสียสิทธิในมรดกได้โดยประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นซึ่งการเสียสิทธิในมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ประการหนึ่งคือการทําหนังสือเจตนาสละมรดกตามมาตรา1612
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่านับตั้งแต่นางเนื่อมถึงแก่กรรมวัดธรรมิการามวรวิหารได้เก็บผลประโยชน์จากที่ดินมรดกตามพินัยกรรมโดยเก็บค่าเช่าทํานามาโดยตลอด
และไม่ปรากฏว่าวัดธรรมิการามวรวิหารได้ทําหนังสือแสดงเจตนาสละมรดกที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใด
ดังนั้นตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ดินตามพินัยกรรมของนางเนื่อมจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารแล้วตั้งแต่เจ้ามรดกถึงแก่กรรม
และบทบัญญัติมาตรา84 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไม่เป็นเงื่อนไขการได้มาซึ่งที่ดินของวัดแต่อย่างใดแต่เป็นเงื่อนไขในการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินต่อไปเท่านั้น
ดังนั้นวัดธรรมิการามวรวิหารจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินมรดกตามพินัยกรรมของนางเนื่อมทันทีที่นางเนื่อมถึงแก่กรรม
และมาตรา84 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไม่ใช่บทบัญญัติยกเว้นการได้มาดังกล่าว
เมื่อผลทางกฎหมายที่ดินมรดกของนางเนื่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารแล้วที่ดินดังกล่าวจึงเป็นที่ธรณีสงฆ์
ซึ่งการโอนที่ธรณีสงฆ์ต้องทําโดยพระราชบัญญัติตามมาตรา34 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พ.ศ. 2505 และมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อมต้องโอนที่ดินมรดกตามพินัยกรรมที่ระบุให้ตกแก่วัดให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหารเท่านั้นจะโอนให้แก่บุคคลอื่นไม่ได้
เครดิตข่าว
https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/105845-inves09-3.html