หมอ ยง" เผยอนาคตความรุนแรงของโควิดจะลดน้อยลง ชี้กลุ่มเปราะบาง 608 ยังต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก เผยภาพรวมโควิด-19 ในอนาคต กลุ่มที่ไม่มีภูมิต้านทาน คือ เด็กเกิดใหม่ หากติดเชื้อและโตขึ้น ความรุนแรงของโรคจะลดน้อยลง
วันนี้ (10 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ระบุข้อความว่า “โควิด 19 คนไทยติดเชื้อไปแล้ว ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ จากการศึกษาจากประวัติการติดเชื้อ และ การตรวจเลือด ที่จังหวัดชลบุรี จะเห็นว่าประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วประมาณร้อยละ 60-70 และก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ไม่เคยติดเชื้อเลยก็จะเป็นเพียงส่วนน้อย โดยเฉพาะการติดเชื้อในเด็ก จะเป็นการติดเชื้อแบบมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ ผลตรวจเลือด ช่วยยืนยันว่ามีการติดเชื้อไปแล้ว จาก anti nucleocapsid ดังเห็นได้จากตาราง
ประชากรส่วนใหญ่ตรวจพบภูมิต้านทาน anti spike มากกว่าร้อยละ 95 ภูมิดังกล่าวเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ และหรือจากการฉีดวัคซีน
ข้อมูลทั้งหมดขณะนี้ก็จะคล้ายใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ ประชากรผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะมีภูมิต้านทานที่ตรวจพบได้ต่อไข้หวัดใหญ่ แต่ก็ยังเป็นไข้หวัดใหญ่ ภูมิต้านทานต่อไข้หวัดใหญ่จะตรวจพบได้น้อยในเด็กต่ำกว่า 3 ปี และเมื่อโตขึ้นมาเกิน 3 ปี ส่วนใหญ่จะเคยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่มาแล้ว ธรรมชาติของโรคไวรัสทางเดินหายใจ เมื่อเป็นในเด็กความรุนแรงจะน้อยกว่าในผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ จะไปพบความรุนแรงเพิ่มขึ้นในกลุ่มเปราะบางหรือ 608
ดังนั้นในอนาคตต่อไป กลุ่มที่ยังไม่มีภูมิต้านทานต่อโควิด 19 ก็จะเป็นเด็กเกิดใหม่ จนถึง 2-3 ปี และเมื่อติดเชื้อไปแล้วก็จะมีภูมิคุ้นเคยกับไวรัส และมีการติดเชื้อซ้ำ เมื่อโตขึ้น ความรุนแรงก็จะน้อยลง กลุ่มเปราะบางจึงเป็นกลุ่มที่ควรจะได้รับวัคซีนกระตุ้น เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ที่มีการให้วัคซีนในกลุ่มเสี่ยง ภาพดังกล่าวในอนาคตของ covid-19 ก็คงจะเป็นคล้ายกับโรคทางเดินหายใจในอดีต ที่จะมีการติดเชื้อในเด็ก เพราะไวรัสติดต่อกันได้ง่าย และเมื่อโตขึ้น ก็จะมีภูมิต้านทานเกิดขึ้น จากการติดเชื้อในเด็กและการติดเชื้อซ้ำ ที่มีอาการไม่รุนแรง”
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000117472
เตือนติดโควิดกักตัว 5 วัน เหลือขีดเดียว ยังแพร่เชื้อได้
9 ธันวาคม 2565 เวลา 11:40 น.
9 ธ.ค. 2565 – ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ติดโควิด กักตัวห้าวันเหลือหนึ่งขีด
หลายรายหลังจากนั้นยังพบไวรัสจำนวนมากไม่ใช่ซากเชื้อ ระวังแพร่ต่อให้คนอื่นโดยเฉพาะคนเปราะบาง ดังนั้น หน้ากากมิดชิด ทานข้าวคนเดียวต่ออีกห้าวัน สำคัญ พวกเรา หมอ พยาบาล กัก 5 วัน ให้ทำงานต่อ
ATK อย.สหรัฐ ประกาศมาตลอดว่าไม่ไว และโอกาสที่จะ 2 ขีด ตั้งแต่ต้น น้อย ดังนั้น ถ้ารอ 2 ขีด จะพลาดโอกาส ที่ยาต้านไวรัสต้องกินเร็วแต่ต้นจึงจะได้ผล
ถ้าทำ PCR เสียเงินเอง หรือเริ่มฟ้าทะลายโจรไปก่อน ถ้าฟ้าทะลายโจรเอาไม่อยู่ พบแพทย์ทันที หาสาเหตุและรักษา
https://www.thaipost.net/human-life-news/280348/
ติดตามข่าวโควิดกันต่อนะคะ.....
🇹🇭💜มาลาริน💜🇹🇭หมอ ยง"เผยอนาคตโควิดรุนแรงลดลง กลุ่ม608 ยังฉีดเข็มกระตุ้น/กักตัว 5 วัน เหลือขีดเดียว ยังแพร่เชื้อได้
นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก เผยภาพรวมโควิด-19 ในอนาคต กลุ่มที่ไม่มีภูมิต้านทาน คือ เด็กเกิดใหม่ หากติดเชื้อและโตขึ้น ความรุนแรงของโรคจะลดน้อยลง
วันนี้ (10 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ระบุข้อความว่า “โควิด 19 คนไทยติดเชื้อไปแล้ว ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ จากการศึกษาจากประวัติการติดเชื้อ และ การตรวจเลือด ที่จังหวัดชลบุรี จะเห็นว่าประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วประมาณร้อยละ 60-70 และก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ไม่เคยติดเชื้อเลยก็จะเป็นเพียงส่วนน้อย โดยเฉพาะการติดเชื้อในเด็ก จะเป็นการติดเชื้อแบบมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ ผลตรวจเลือด ช่วยยืนยันว่ามีการติดเชื้อไปแล้ว จาก anti nucleocapsid ดังเห็นได้จากตาราง
ประชากรส่วนใหญ่ตรวจพบภูมิต้านทาน anti spike มากกว่าร้อยละ 95 ภูมิดังกล่าวเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ และหรือจากการฉีดวัคซีน
ข้อมูลทั้งหมดขณะนี้ก็จะคล้ายใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ ประชากรผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะมีภูมิต้านทานที่ตรวจพบได้ต่อไข้หวัดใหญ่ แต่ก็ยังเป็นไข้หวัดใหญ่ ภูมิต้านทานต่อไข้หวัดใหญ่จะตรวจพบได้น้อยในเด็กต่ำกว่า 3 ปี และเมื่อโตขึ้นมาเกิน 3 ปี ส่วนใหญ่จะเคยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่มาแล้ว ธรรมชาติของโรคไวรัสทางเดินหายใจ เมื่อเป็นในเด็กความรุนแรงจะน้อยกว่าในผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ จะไปพบความรุนแรงเพิ่มขึ้นในกลุ่มเปราะบางหรือ 608
ดังนั้นในอนาคตต่อไป กลุ่มที่ยังไม่มีภูมิต้านทานต่อโควิด 19 ก็จะเป็นเด็กเกิดใหม่ จนถึง 2-3 ปี และเมื่อติดเชื้อไปแล้วก็จะมีภูมิคุ้นเคยกับไวรัส และมีการติดเชื้อซ้ำ เมื่อโตขึ้น ความรุนแรงก็จะน้อยลง กลุ่มเปราะบางจึงเป็นกลุ่มที่ควรจะได้รับวัคซีนกระตุ้น เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ที่มีการให้วัคซีนในกลุ่มเสี่ยง ภาพดังกล่าวในอนาคตของ covid-19 ก็คงจะเป็นคล้ายกับโรคทางเดินหายใจในอดีต ที่จะมีการติดเชื้อในเด็ก เพราะไวรัสติดต่อกันได้ง่าย และเมื่อโตขึ้น ก็จะมีภูมิต้านทานเกิดขึ้น จากการติดเชื้อในเด็กและการติดเชื้อซ้ำ ที่มีอาการไม่รุนแรง”
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000117472
เตือนติดโควิดกักตัว 5 วัน เหลือขีดเดียว ยังแพร่เชื้อได้
9 ธันวาคม 2565 เวลา 11:40 น.
9 ธ.ค. 2565 – ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ติดโควิด กักตัวห้าวันเหลือหนึ่งขีด
หลายรายหลังจากนั้นยังพบไวรัสจำนวนมากไม่ใช่ซากเชื้อ ระวังแพร่ต่อให้คนอื่นโดยเฉพาะคนเปราะบาง ดังนั้น หน้ากากมิดชิด ทานข้าวคนเดียวต่ออีกห้าวัน สำคัญ พวกเรา หมอ พยาบาล กัก 5 วัน ให้ทำงานต่อ
ATK อย.สหรัฐ ประกาศมาตลอดว่าไม่ไว และโอกาสที่จะ 2 ขีด ตั้งแต่ต้น น้อย ดังนั้น ถ้ารอ 2 ขีด จะพลาดโอกาส ที่ยาต้านไวรัสต้องกินเร็วแต่ต้นจึงจะได้ผล
ถ้าทำ PCR เสียเงินเอง หรือเริ่มฟ้าทะลายโจรไปก่อน ถ้าฟ้าทะลายโจรเอาไม่อยู่ พบแพทย์ทันที หาสาเหตุและรักษา
https://www.thaipost.net/human-life-news/280348/
ติดตามข่าวโควิดกันต่อนะคะ.....