JJNY : รับหากส.ส.แห่ลาออก|“จตุพร-นิติธร” อ่านเกมทลายทุนจีน| 6ธันวาเดือด "ม็อบยาง-โคนม"|“ปูติน” ไม่มีอารมณ์คุย “ไบเดน”

เลขาธิการเพื่อไทย รับหากส.ส.แห่ลาออกหลัง 24 ธ.ค. เข้าล็อกให้ยุบสภา
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7397546
 
 
เลขาธิการเพื่อไทย รับหากส.ส.แห่ลาออกหลัง 24 ธ.ค. เข้าล็อกให้ยุบสภา หลังมีกระแสส.ส.ทั้งฝั่งรัฐบาล และฝั่งฝ่ายค้าน เตรียมย้ายพรรค
 
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.65 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่าหากมี ส.ส.แห่ลาออก จนทำให้เหลือส.ส.ในสภาแค่ 200 คน อาจเป็นเงื่อนไขต้องยุบสภาว่า
 
การที่ส.ส.ลาออกก็อาจจะเป็นเงื่อนไขหนึ่ง ยิ่งเมื่อสภาล่มบ่อยและเดินหน้าต่อไม่ได้ ก็จะเป็นประเด็น กระทบต่อการพิจารณากฎหมายสำคัญ รวมถึงปัญหาของประชาชน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ ตนได้ยินถึงกระแสข่าวที่ส.ส.จะลาออก เป็นส.ส.จากทั้ง 2 ฝั่งคือฝั่งรัฐบาล และฝั่งฝ่ายค้าน เป็นส.ส.ที่จะย้ายพรรคอยู่แล้ว เมื่อสภาเดินหน้าไม่ได้ก็จะเป็นเหตุให้เกิดการยุบสภา
 
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชินวรณ์​ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานสภาฯ (วิปรัฐบาล) ระบุว่าฝ่ายค้านเล่นเกมสภาล่ม เพราะอยากให้ยุบสภา แต่รัฐบาลจะยุบเมื่อจังหวะดี นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นการพูดฝ่ายเดียว การรักษาองค์ประชุมสภา เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล เพราะการตั้งรัฐบาลมาจากเสียงข้างมากของส.ส.ในสภา และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ พูดแล้วว่า ฝ่ายรัฐบาลมีหน้าที่การรักษาองค์ประชุม การมาพูดเช่นนี้ถือว่าไม่ตรงกับเหตุผลที่แท้จริง
  
เมื่อถามว่าคาดว่า ส.ส.จะทยอยลาออกในช่วงวันที่ 24 ธ.ค.นี้ใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า มีส่วนหนึ่งที่จะลาออก ซึ่งจะทำให้ขาดสมาชิกภาพ ส.ส. ปกติถ้าสภายังมีเวลาอยู่นาน ส.ส.จะต้องมีเหตุให้ย้ายจากพรรคหนึ่งไปยังอีกพรรคหนึ่ง ซึ่งจะยังมีความเป็นส.ส.อยู่ แต่ครั้งนี้คือการลาออกจากสมาชิกภาพส.ส. และหลุดออกจากการเป็นส.ส. เพื่อเตรียมไปสังกัดพรรคใหม่
 


กวาดล้างใหญ่ กำลังเกิดขึ้น! “จตุพร-นิติธร” อ่านเกมทลายทุนจีนสีเทาโยงธุรกิจผู้นำ “พรรคเพื่อไทย”
https://siamrath.co.th/n/404600

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.65  นายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ได้ร่วมกันเฟซบุ๊กไลฟ์ ตอน "กวาดล้างใหญ่ กำลังเกิดขึ้น"
 
โดยนายจตุพร กล่าวว่า ทั้งนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือโจ๊ก รู้เรื่องทุนจีนสีเทาหมดแล้ว ถ้ากวาดล้างกันจริงหวังว่า ปลายทางการกวาดล้างครั้งนี้คงไม่เป็นแค่การเปลี่ยนหัวจ่ายผลประโยชน์ใหม่ ดังนั้น เรื่องการทุบทุนจีนในหมู่บ้าน บูเลอวาร์ด ซอยลาซาล ที่เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของผู้นำพรรคเพื่อไทยย่อมชวนให้สงสัยถึงการส่งสัญญาณข่มขู่ทางการเมือง แต่สิ่งสำคัญ ธุรกิจสีเทากับนักการเมืองเป็นของคู่กัน ดูกรณีการปรับ ครม. ที่กลุ่มปากน้ำเห็นได้ชัดเจนเมื่อย้ายมาอยู่ พปชร.ก็ได้ ส.ส.เกือบยกจังหวัด แล้วมาเจอคดีเงินทอนวัดสร้างเมรุเผาศพที่มีมาก่อนเลือกตั้งปี 2562 จนสามารถล็อกกลุ่มปากน้ำได้อยู่หมัด เมื่อกลุ่มปากน้ำออกอาการไม่พอใจจึงฟื้นคดีกลับมาอีก แล้วปราบพยศได้ทันที
 
การปรามนักการเมืองจึงต้องใช้กลไก ปปช.จัดการ และเชื่อว่า หลังจากนี้คดีเมรุเผาศพจะเดินอย่างล้าช้า แล้วเงียบหายไป และถ้าอยู่กันอย่างเรียบร้อยก็ไม่มีปัญหาอะไร เช่นเดียวกับธุรกิจสังหาริมทรัพย์กับกลุ่มทุนจีนกวาดซื้อด้วยนอมินีมีกันแทบทุกหมู่บ้านใหญ่ ไม่ใช่มีแค่หมู่บ้านใหญ่ในซอยลาซาลเท่านั้น แต่สามารถข่มขู่ต่อรองทางการเมืองได้เช่นกัน เมื่อกลุ่มอำนาจบุกวาดที่ซอยลาซาลแล้ว หมู่บ้านใหญ่ที่อื่นย่อมนั่งไม่ติดที่ แล้วการจ่ายเงินปิดปากเกิดขึ้นเพื่อยุติเจ้าหน้าที่รัฐไปตรวจสอบ
 
ดังนั้น กลไกรัฐจึงเป็นเครื่องมือทางอำนาจเพื่อกวาดล้างผลประโยชน์ กรณี ปปช.ทอดเวลาแถลงข่าวทุจริตของนักการเมืองไปเป็นวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ คงไม่แตกต่างจากการส่งสัญญาณกวาดล้างหมู่บ้านใหญ่ที่เหลือ ให้นำของกลางมามอบให้เจ้าหน้าที่รัฐเพื่อแสดงความเป็นเมืองขึ้นกัน
 
ขณะที่ นายนิติธร กล่าวว่า การกวาดล้างในทางการเมืองเพื่อให้ได้เปรียบและได้ครองอำนาจรัฐต่อไป ส่วนการกวาดล้างกลุ่มทุนจีนสีเทาจับผู้ต้องหา 102 คน และอายัดทรัพย์สินแค่ 5 พันล้านบาท ถือว่าทำได้น้อยมาก ดังนั้น มีความสงสัยว่า การกวาดล้างทุนจีนสีเทาครั้งนี้เหมือนเป็นการตัดกำลังทางการเมืองของฝ่ายตรงข้ามที่เชื่อมโยงกันหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญคือ การเชื่อมโยงขบวนการของตู้ห่าวเติบโตมาจากทัวร์ศูนย์เหรียญของบริษัทโอเอหรือไม่ และการกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญครั้งนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็เป็นคนจัดการเช่นกัน
 
ถ้าติดตามคดีการจับกุมกลุ่มธุรกิจสีเทาอย่างใกล้ชิดจะเห็นการทำหน้าที่โดยเอากฎหมายไปฟอกเงินสีเทาให้ถูกกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ทั้งหมดผ่านการตรวจสอบทางกฎหมายและก็ถูกกฎหมายซึ่งเป็นเช่นนี้หรือไม่ จากนั้นก็เกิดการต่อรองกัน
 
นายนิติธร กล่าวว่า ส่วนการกวาดล้างครั้งใหม่ในมิติประชาชนนั้น เป็นการเริ่มต้นจากต้องการครองผลประโยชน์ ตามประวัติรุกรานและยึดครองพื้นที่ชนเผ่าในอเมริกานั้นมักสะท้อนผ่านรูปแบบการฆ่า และสงครามเพื่อกดให้ประเทศล้าหลังถูกรุกรานทำตามในเรื่องพลังงานและอาหาร ส่วนกรณีของไทยเคยพลาดอย่างสำคัญกับการกวาดล้างประชาชนครั้งใหญ่ เพราะเชื่อว่า ประชาชนเป็นคอมมิวนิสต์ การปราบปรามกวาดล้างอย่างหนักเกิดในปี 2516-2519 จนต้องใช้นโยบาย 66/23 มาแก้ปัญหาได้ ดังนั้น ถ้าประชาชนไม่ต้องการอยู่แบบถูกกดขี่ ก็ต้องลุกขึ้นกวาดล้างกลุ่มทุนที่เอื้อกับการเมืองเช่นกัน จึงจะสามารถปลดปล่อยพ้นจากอำนาจทุนที่มุ่งให้การเมืองออกนโยบายขายแผ่นดินไทยให้ต่างชาติ โดยอ้างว่า ขายแล้วเอาไปด้วยไม่ได้ ด้วยพฤติกรรมเช่นนี้ ประชาชนจึงต้องรวมพลังกำจัดทุนที่ต้องการยึดครองทรัพย์สินของไทยให้หมดสิ้น



6 ธันวา เดือด " ม็อบยาง-โคนม" จี้แก้ราคาตก (คลิป)
https://www.thansettakij.com/business/trade-agriculture/549158
 
“ม็อบยาง-โคนม” นัด 6 ธ.ค. จี้รัฐแก้ราคาตกต่ำ ขณะที่ “ประมง ” ลงมติ ปักหลักค้าง ก.การคลัง หลังผู้ค้าน้ำมัน ขยาดกฎหมายประมง จ้องตรวจจับ ทำให้หยุดกิจการ ฟาดเรือประมงโดนหางเลข ไปด้วย

นายมนัส บุญพัฒน์ นายสมาคมคนกรีดยางและชาวสวนยางรายย่อย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”  ในวันที่ 6 ธันวาคม 2565 ในนามตัวแทน สมาคมคนกรีดยางและชาวสวนยางรายย่อย และภาคีเครือข่ายชาวสวนยางและชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย และวิสาหกิจชุมชนฯน้ำยางสดและแปรรูปยาง เพื่อที่จะบอกเล่าความความเสียหาย ที่ขายผลผลิตต่ำกว่าต้นทุนจากการดูดายไม่เอาใจใส่ของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง "  เวลา14.00 น.พร้อมกันที่หน้าสำนักงานตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราช(หลังสถานีรถไฟจันดี) โดยมีประเด็น 3 ข้อ
 
1.เร่งรัดโครงการประกันรายได้ยางพารา ระยะที่ 4 ให้ออกมาเร็วที่สุด หลังจากเลื่อนมา 2 รอบแล้ว ทำให้เห็นว่าไม่ได้สนใจเรื่องชาวสวนยางเลย
 
2.การแก้ปัญหาราคายางตกต่ำขายผลผลิตต่ำกว่าต้นทุน  จะแก้ปัญหาอย่างไร โดย วันนั้นจะมาบอกเล่าความเสียหาย จากการนิ่งดูดายไม่เอาใจใส่ของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
 
ดังนั้นจึงเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะชาวสวนยางมาร่วมรวมพลังกันให้มาก เพื่อให้ผู้มีอำนาจมาแก้ปัญหา และรับฟังความเดือดร้อนของชาวสวนยางในวันนั้นด้วย

สอดคล้องกับ นายนัยฤทธิ์ จำเล   ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด  กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.65 มีมติให้มีความประสงค์ขออนุญาตใช้สถานที่เพื่อชุมนุมเรียกร้องการติดตามการปรับขึ้นราคากลางอาหารเสริม(นมโรงเรียน ในวันที่ 6 ธันวาคม 2565 เวลา 10.00-18.00 น. ณ บริเวณทำเนียบรัฐบาล

โดยมีเกษตรกรที่ประกอบอาชีพการเลี้ยงโคนมจากทั่วประเทศเข้าร่วมการชุมนุมเรียกร้องดังกล่าวจำนวน 1,000 คน และมีการใช้เครื่องขยายเสียง จำนวน 1 เครื่อง เพื่อกดดันการปรับราคาน้ำนมดิบใหม่  เพื่อให้สอดคล้องกับราคากลางนมโรงเรียน

ด้านนายมงคล สุขเจริญคณา นายกสมาคมประมงสมุทรสงคราม   กล่าวว่า  จากสถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้ น้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการออกทำประมง มีราคาตันทุนที่สูงมาก ซึ่งเป็นปัญหาความเดือดร้อนของสมาชิกชาวประมงอยู่ในขณะนี้ เพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นไหว สาเหตุมาจากเรือแทงค์เกอร์ไม่สามารถนำน้ำมันเขียวออกมาจำหน่ายให้กับชาวประมงได้ เนื่องจากโดนหน่วยงานตำรวจบางหน่วยงานจ้องที่จะตรวจจับ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการน้ำมันแทงค์เกอร์ไม่กล้าออกมาจำหน่ายโดยองค์กรภาคประมงจังหวัดสมุทรสงคราม นำโดย สหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด , สมาคมประมงสมุทรสงคราม และสมาคมประมงเรือลากคู่สมุทรสงคราม ได้ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องนี้  จึงมีมติ
 
1. เห็นชอบให้ 3 องค์กรชาวประมงจังหวัดสมุทรสงคราม ช่วยเร่งรัดหน่วยงานที่รับผิดชอบกับโครงการน้ำมันเขียวเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน
 
2. กรณีไม่มีความคืบหน้าเรื่องน้ำมันเขียว ขอให้ 3 องค์กรภาคประมงจังหวัดสมุทรสงคราม นัดหมายสมาชิกชาวประมงไปชุมนุมที่หน้ากระทรวงการคลัง เพื่อเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เร่งแก้ไขปัญหาให้กับสมาชิกชาวประมงโดยเร่งด่วน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่