อ่านแปลเป็นไทย(ไม่ฝังซับ)จากตัวแปลอิ้ง โดยกระผมเอง ในช่องกล่อง Spoiler (แบบมีประกอบภาพเป็นหน้าๆสามารถชมได้ที่กลุ่มเฟซ Kingdom คนไทย) หากใครที่จะนำไปฝังซับโดยใช้การแปลของผมรบกวนให้ credit ชื่อ Banzai_man ด้วยนะขอรับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หน้า 1
ชื่อตอน: ปราการสำคัญ
หน้า 2
ภาพย้อนกลับไปยังช่วงที่พวกหวนฉีกำลังข้ามฝ่าแม่น้ำ
กล่องข้อความ
: ไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้าที่พวกซิ่นและคนอื่นๆ จะบุกตียี่อัน
???
: "ฮะ...ช่างน่าอนาถเลยว่ามะ? ไอ้เส้นทางนี้เนี่ย"
???
: "แม้จะได้ขึ้นเป็นหนึ่งในหกขุนแห่งฉิน มิวายว่าเรายังคงต้องหนีลงแม่น้ำด้วยเกราะเต็มยศ"
???
: "เห นี่มันก็สักพักแล้วนะ? ที่ข้ามแม้น้ำทั้งยังมืดนะ"
หลุนอี้
: "ฟิ้ว อีกฟากอยู่ไม่ไกลแล้ว"
หมอหลุน
: "ขาข้ารู้สึกเหมือนพวกมันกำลังจะเป็นตะคริวแล้วแหะ"
หลุนอี้ได้เรียกหวนฉี
หวนฉีได้ออกคำสั่งกับหลุนทันทีไปว่า
: "หลุนอี้ ให้คนของเจ้าสิบคนขึ้นฝั่งจากตรงนี้ แล้วให้ทิ้งคนติดตามบางส่วนไว้ด้วย"
หลุนสงสัยจึงถามไปว่า
: "!? งั้นแล้วพวกเราละขอรับ?"หมายถึงตัวหลุนอี้และทั้งหมดที่เหลือที่ไม่ใช่คนในหน่วยของเขาสิบคนต้องตามหวนฉีไปต่อ)
หวนฉี
: "เราจะว่ายไปตามน้ำ"
หลุนอี้
: "หา!?"
หมอหลุนและคนอื่นๆเริ่มบ่น
: "ไม่เอาน่า..."
: "หัวหน้า!"
: "อึก เอาจริงดิ..."
: "อย่างแย่เลยอ่ะ"
หน้า 3
กลับมายังปัจจุบัน มายังฝั่งทัพจ้าว ณ กองบัญชาการของหลี่มู่
คนส่งสาส์นได้มารายยังกองบัญชาการว่า
: "ขะ... ขออภัยที่ก้าวก่ายด้วยขอรับ แต่พวกเรามีรายงานด่วนจากหน่วยกวาดล้างขอรับ..."
ฟูตี้
: "ไงนะ... พวกนั้นจะบอกว่าพวกนั้นคลาดจากการตามหวนฉีงั้นรึ!?"
: "ไม่ใช่ว่าพวกนั้นบอกว่ากวดหลังของมันได้รึยังไง!?"
คนส่งสาส์น
: "ขะ...ขอรับ..."
: "มีรางว่ามันจะข้ามแม่น้ำเพิ๋ง(彭 ญี่ปุ่นเรียก "โฮ")"
: "หน่วยปราบปรามก็ไล่ตามไปเช่นกัน ทว่าพวกเขาก็คลาดสายตาจากมัน(หวนฉี) ขณะตามรอยจากตลิ่งที่อยู่อีกฝั่งซะได้ขอรับ"
???
: "เป็นงั้นได้ไงฟ่ะ!?"
และแล้วหลี่มู่ก็ได้เอ่ยขึ้นว่า
: "เพราะเจ้านั่นไปโผล่บนบกแห่งอื่นแล้ว"
: "ตรวจตาฝั่งปลายน้ำอย่างเต็มกำลังเสีย"
: "เป็นไปที่ที่จะมีรอยเท้าที่ไหนสักแห่งเป็นแน่"
คนส่งสาส์น
: "ขะ ขรั่บ!"
*เสริม การวางแผนที่ในตอนนี้ชื่อแม่น้ำเป็นอะไรที่หงุดหงิดสุดๆ พอได้รู้ชื่อแม่น้ำที่หวนฉีข้ามไป
คือแม่น้ำเพิ๋ง 澎河 หรือในภาษาญี่ปุ่นจะเขียน 彭川
ใน Kingdom ได้วาง Locaton มันให้อยู่ในบริเวณทางตอนหนือของจ้าว แต่ในแผ่นที่จริงๆ แม่น้ำเพิ๋ง
ตั้งห่างจากนครเซียงหยางไปทางเหนือ ก่อนถึง หานตาน หลายร้อยกว่ากิโลด้วยซ้ำไป
ทันใดนั้นก็มีม้าเร็วเร่งมายังพวกเค้า
: "รายงานด่วน"
: "ระ รายงานด่วนขอรับ"
: "ยะ แย่แล้วขอรับ"
: "ท่านหลี่มู่"
: "มะ...เมือ..."
หน้า 4
: "เมืองยี่อันถูกทัพฉินตีแตกแล้วขอรับ!!!"
ทุกคนต่างตกตะลึกถึงข่าวไม่คาดคิดนี้
: "ไรนะ!"
: "มันบ้าอะไรกัน!?"
กู่หมินโป๋
: "ไอ้ที่เจ้าว่ืามานั้นหมายความว่าไงกัน!?"
คนส่งสาส์น
: "ขอรับ..."
: "เมื่อครู่ เราได้รับการยืนยันอย่างถูกต้องของรายงาน ทว่าเหมือนจะแม้นมั่นจะใช่ดังว่าขอรับ..."
หน้า 5
หลี่มู่
: "หากเราสันนิฐานว่ารายงานเป็นจริงละก็"
: "เป็นไปได้ที่จะเป็นทัพเฟยซิ่นและเล่อหัวที่หลบหนีไปได้เป็นแน่.."
: "ทว่า... พวกนั้นกลับยึดมันไปได้ด้วยกับอีแค่สองกำลังพลเนี่ยนะ?"
: "ยี่อันถึงจะขาดกำลังคนดูแล แต่ก็ยัง..."
มิทันไร หยวนหวน แม่ทัพประจำเมืองยี่อัน พังโต๊ะวางแผนศึกหักสองท่ิอน พร้อมระเบิดวาจาด้วยโทสะ
: "ไอ้พวกทัพฉินเฮงซวย กล้าดียังไงบังอาจมาแตะต้องยี่อันของข้า!!"
หน้า 6
หลี่มู่ครุ่นคิดอยู่สักพักและออกคำสั่งทันทีว่า
: "ส่งสาส์นไปยังหน่วยปราบปราม"
: "บอกพวกเขาให้ค้นหาร่องรอยฝีเท้าทางฝั่งนี้ของแม่น้ำเพิ๋งเสีย"
คนส่งสาส์น
: "เอ๋?"
: "ทะ ท่านหมายความเช่นไรรึขอรับ!?"
: "ท่านจะกล่าวว่าให้พวกเขากลับมายังฝั่งนี้แทนที่จะข้ามไปรึขอรับ!?"
ไห่เนี่ย
: "แต่ว่าทำไมต้องเป็นพวกเขาล่ะเจ้าค่ะ..."
ซุนซุ่ยจู้
: "เป็นไปได้ว่า"
หลี่มู่
: "เป็นไปได้ที่หวนฉีจักวางกำลังบุกยึดแยกออกไปก่อนที่การศึกจะเริ่มขึ้น"
หม่าหนาฉือ
: "ข้าน้อยเข้าใจล่ะ..."
: "หากหน่วยนั้นร่วมมือกับทัพเฟยซิ่นเพื่อตียี่อัน"
: "มันจึงกล่าวได้ว่าใยเมืองจึงแตกเร็วเพียงนี้"
หูไป๋
: "...หรืออีกนัยย์คือ"
: "เพลานี้ หวนฉีก็..."
หลี่มู่
: "...ถูกต้อง"
หน้า 7
หลี่มู่
: "เป็นไปได้ที่เจ้านั้นจะเข้าไปในเมืองยี่อันมากที่สุดแล้วในเพลานี้"
ทางด้านยี่อัน
หวนฉีได้เข้ามายังเมืองยี่อันในที่สุด
ในขณะที่บรรดาหัวหอกทั้งเฟยซิ่นและเล่อหัวรอรับการมาถึงของหวนฉี
หน้า 8
หวนฉีเปิดปากพูดทันทีเลยว่า
: "ไรกัน เจ้าเองก็อยู่ด้วยหรา!?"
: "ไอ้อดีตขี้ข้า"
ซิ่น
: "ก็เออสิวะ"
: "พูดราวกับว่าหอล้อมตัวเดียวกับตระกูลซากุ้ยยึดเมืองมาได้ด้วยตัวของพวกมันแหละ"
หลุนอี้(คิดในใจ)
: "ตระกูลซากุ้ยหรา..."
: "งั้นเป็นเจ้าพวกนั้นเองนะเหรอ ที่แยกตัวออกมา?"
หวนฉีหันไปถามฟ่านฉาน
: "ฟ่านฉาน"
: "ดูเหมือนหอล้อมของเจ้าทำประโยชน์ได้ดีเลยนี่หว่า?"
ฟ่านฉาน
: "ขอรับ"
: "ฮงฉวนสัมฤทธิ์ผลในหน้าที่แล้ว"
: "ช่างเสียดายนัก ที่ท่านมิได้ชมในสิ่งที่นางทำไป"
เฮยอิง
: "แล้วฮงฉวนไปไหนแล้วล่ะ"
: "ข้าอยากเห็นนางซะหน่อย"
: "ข้าอยากเห็นนางใกล้ๆจริงๆ"เฮยอิงพูดในใจ)
ฟานฉาน
: "หากเราทื้งนางไว้ด้านนอก ศัตรูคงได้ใช้นางเป็นแน่"
: "น่าเศร้าสลด เราจำต้องแยกส่วนนางพอดีกับประตูและนำนางเข้ามาข้างใน"
หน้า 9
ฟ่านฉาน
: "หากเจ้าอยากจะร้องไห้ ข้าจำยอมให้เจ้าซบอกข้าได้นะ เฮยอิง" มาม๊ะ
: "ไม่หรอกย่ะ ข้าไม่ได้จะร้องไห้เลย แต่..."
: "เป็นบ้าอะไรกันย่ะ ข้าไม่ได้อยากจะซบอกแกสักนิด"
: "ไอ้หัวปลาหมึก"
หน่ากุย
: "หมอหลุน เจ้ามีกันเท่าไหร่รึ?"
หมอหลุน
: "หน่ากุยหรา."
: "ช่างน่าเศร้านักห แค่พลม้าเพียงไม่กี่ร้อยเอง"
: "ทางเจ้าละมีกันอยู่เท่าไหร่!?"
: "เราจำเป็นต้องบ้องกันเมืองด้วยทั้งหมดที่มีอยู่ในมือแล้ว"
เตียว
: "อย่างไรก็ตามแต่ ต้องเร่งมือและเริ่มวางแผนกลยุทธ์เถอะ"
: "เราจำเป็นต้องร่างการป้องกันของเราเสียก่อนที่ทัพจ้าวจะสิริกำลังพวกมันมายังที่นี่"
ด้านพวกทหารคนอื่นๆที่พักในเมือง
ทัพหวนฉีที่ได้รับอาหารและรักษาตัว
: "ขอบคุณหลาย"
: "รู้สึกเหมือนมีชีวิตอีกครั้งเลย"
: "รสเลิศเป็นบ้า"
???(ซากุ้ยไม่ทราบชื่อ)
: "เปี้ยน 弁"
: "คนของตระกูลสือนั่วยังมีชีวิตอยู่ แต่บาดแผลของพวกเขาลึกเอาการ"
: "ไปดูสิ"
เปี้ยน
: "รับทราบ"
เหวยผิง
: "โอ้ เจ้ายังอยู่นิ เสี่ยวมู่จื่อใช่ป่ะ!?"
เสี่ยวมู่จื่อ
: "เสี่ยวมู่จื่อขอสองนะ"
ตัดมายังด้านหอบัญชาการของกำแพง
หน้า 10
เหล่าขุนพลต่างหารือกันถึงเรื่องการป้องกันการบุกที่จะมาถึงของทัพจ้าว
เตียวได้เปิดประเด็นขึ้นว่า
: "ใจความสำคัญคือเราจักสามารถป้องการตัวเมืองด้วยกำลังพลที่เรามีอยู่ ณ เพลานี้..."
: "ให้นานพอจนกว่ากำลังเสริมจากทางแคว้นจะมาุถึง"
หลนอี้
: "เรามีกำลังพลอยู่แสนนายเอง แค่นั้นจะไปพอเรอะ?"
เตียวจึงตอบกลับไปว่า
: "มันก็ขึ้นอยู่กับว่าทัพจ้าวที่จะนำมาบุกนั้นมีกันเท่าไหร่"
: "หากหลี่มู่อาจจะเคลงใจว่าแม่ทัพหวนฉีมาถึงยังยี่อัน"
: "แต่เขาก็มิอาจมั่นใจได้"
: "และด้วยไอ้การที่เขาไม่อาจมั่นใจได้นั้นเอง มันก็เป็นการยากสำหรับเขาที่จะสลายลูกกรงของตนเพื่อยกทัพทั้งหมดมายังที่แห่งนี้"
เหยอิงที่กำลังพิงไฟให้ตัวแห่งอยู่นั้นก็ได้เอ่ยขึ้นว่า
: "เข้าใจล่ะ งั้นเจ้าอยากจะบอกว่าหากพวกมันส่งรี้พลมาแค่ส่วนนึง เราจะยังสามารถยื้อไว้ได้สินะ"
ทันใดนั้นหวนฉีก็กล่าวขึ้นว่า
: "เรามีเชลยกันอยู่เท่าไหร่!?"
ซิ่นได้ยินเช่นนั้นก็อารมณ์ขึ้นทันควัน
แต่เตียวก็ได้ห้ามซิ่นไว้และเอ่ยขึ้นว่า
: "ในสถานการณ์ของเรา ณ เพลานี้..."
: " "สิ่งนั้น" สำคัญยิ่งกว่า"
ซิ่นจึงถามขึ้นว่า
: "...ไอ้ที่ว่านั่นมันอะไรล่ะ?"
เตียวจึงตอบว่า
: "ตัวเลือกแรกพอเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้"
: "คือการใช้เหล่าเชลยเป็นการต่อรอง"
**เนื่องจากข้อความมีเกินกำหนด จึงต้องต่อที่ คห.1 นะครับ**
สปอย Kingdom 736 แปลเป็นไทยแบบงูๆปลาๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้