2ป.แตกจริง! เสรีพิศุทธ์ เย้ย ตู่ ไป รทสช.ก็ขายไม่ได้ ซัด ชวน ไม่เข้มแข็งทำสภาล่ม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7381405
 
 
เสรีพิศุทธ์ เชื่อ 2 ป.แตกกันจริง เย้ย บิ๊กตู่ ไป รทสช. ก็ขายไม่ได้ เชื่อ เลือกตั้งรอบหน้าหมดโอกาสกลับมา มั่นใจ ยังไม่ยุบสภา ซัด ชวน ไม่เข้มแข็ง ทำสภาล่ม
 
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 24 พ.ย. 2565 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมแยกทางกัน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีปัญหาไม่สามารถอยู่พรรคพลังประชารัฐต่อไปได้ ต้องไปหาพรรคใหม่ คือไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แล้วก็ดูดส.ส.จากพรรคอื่นไป ซึ่งเป็นความเลวร้ายทางการเมืองไทย
 
“คนพวกนี้หลังจากไปทุจริตมา ก็เอาเงินเหล่านี้มาซื้อ ส.ส. พรรคไหนประมูลได้ก็ไปอยู่กับเขา ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนจำไว้ว่า พรรคไหนที่ดูดส.ส.ไป เมื่อเขากลับเข้ามาแล้ว ก็จะมาโกงอีก เป็นธรรมชาติ เพราะเสียเงินไปแล้ว ซื้อตัวส.ส.มาแล้วก็ไปซื้อประชาชนอีก พอเงินหมดก็มาโกงงบประมาณ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน จึงขอให้ประชาชนเลือกให้ดี อย่าเลือกคนโกง คนเลว เข้ามาทำงาน ไม่อย่างนั้นประเทศก็จะอยู่แบบนี้ไม่มีอะไรดีขึ้น” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
 
เมื่อถามว่า มองว่าการแยกกันเดินของพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตร แตกกันจริงหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ถ้ารวมกันได้ก็จะเป็นพรรคใหญ่ และสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ถ้าแยกกันเดิน พรรคก็เล็กลง ดังนั้นตนเชื่อว่าคงแตกกันจริงๆ ไม่ใช่อีเวนต์ และสำหรับตัวพล.อ.ประยุทธ์ ไปอยู่พรรคไหนก็ไม่มีใครเอาแล้ว อันนี้ไม่ได้พูดเอง แต่ประชาชนสะท้อนมา พวกที่ชูป้ายสนับสนุน รักประยุทธ์ เชียร์ประยุทธ์นั้น ไม่ใช่ความจริง ดังนั้น ไม่มีทางที่การเลือกตั้งครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้กลับมา
 
“เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยุบสภาแน่นอน คงอยู่ยาว รอพรรคที่จัดตั้งอยู่เบื้องหลังพร้อมแล้วดูดส.ส.ไปได้มากที่สุด เชื่อว่าจะสามารถชนะการเลือกตั้งได้เขาถึงจะยุบสภา ตอนนี้เขากำลังแต่งตัวอยู่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
 
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงเหตุการณ์สภาล่ม เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เป็นเพราะ ส.ส.ไม่มีวินัย ประกอบกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีอำนาจที่จะลงโทษส.ส.ได้ แต่ถ้านายชวนเข้มแข็ง ตนคิดว่าจัดการได้ แต่นี่ไม่มีความเข้มแข็ง ซึ่งไม่ใช่เพิ่งไม่มี แต่ไม่เคยมีความเข้มแข็งเลยทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ยอมร่วมรัฐบาลกับเผด็จการเพื่อหวังตำแหน่งแล้ว
 
“เมื่อวานนี้ (23พ.ย.) ก็ถูกส.ส. จวกกลางที่ประชุมสภา หลังวินิจฉัยไปเข้าข้างฝ่ายรัฐบาล ดังนั้น เมื่อไม่ซื่อตรงก็ไม่มีใครมาเชื่อถือ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

---

ถือป้าย ‘คฝ.ยิงพายุ’ เดินรอบเยาวราช ฟ้องต่างชาติรัฐไทยสลายชุมนุมเอเปค
https://www.matichon.co.th/politics/news_3691053

ถือป้าย ‘คฝ.ยิงพายุ’ เดินรอบเยาวราช ฟ้องต่างชาติรัฐไทยสลายชุมนุมเอเปค
 
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 19.30 น. ที่ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ เยาวชนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันจัดกิจกรรมเดินขบวนโดยถิอป้ายผ้าและฟิวเจอร์บอร์ดมีข้อความต่างๆ อาทิ #ดวงตาหนึ่งดวงจะสร้างดาวอีกล้านดวง และ #คฝยิงพายุ #คฝยิงประชาชน
 
‘เค้ก’ เยาวชนรายหนึ่งกล่าวว่า พวกตนจัดกิจกรรมในวันนี้เพื่อประกาศให้ชาวไทยและต่างชาติทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนถนนดินสอเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งมีการสลายชุมนุมราษฎรหยุดเอเปค 2022 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ใช้ความรุนแรงกับประชาชน
โดยเพื่อนของเราคือ ‘พายุ ดาวดิน’ ถูกกระสุนยาง บาดเจ็บที่ดวงตาขวา อาการล่าสุด การมองเห็นเป็น 0 โดยนับจากนี้จะมีการทำกิจกรรมอย่างค่อเนื่องราว 14 วัน จนกว่า พายุ จะได้ออกจากโรงพยาบาล
 
ผู้สื่อข่าวรานงานว่า ตลอดการทำกิจกรรม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบสังเกตการณ์โดยรอบ

---

ttb ชี้เงินบาทแข็งค่าขึ้น นักลงทุนคาดเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยแรง ฉุดดอลล์ร่วง
https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1039626

ttb ชี้เงินบาทเช้านี้ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดวานนี้ หลังดอลลาร์อ่อนค่า จากการที่เฟดส่งสัญญาณชะลอความเร็วขึ้นดอกเบี้ย
  
     ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 36.05 บาท/ดอลลาร์  แข็งค่าขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 36.28 บาท/ดอลลาร์ 
   
     โดยคาดการณ์ค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในช่วง 35.90-36.20 บาท/ดอลลาร์ 
    
       โดยดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุลในวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายประจำวันที่ 1-2 พ.ย.
   
      และรายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่ในเฟดมีความเห็นตรงกันว่า จะเป็นการเหมาะสมที่จะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  
     โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับผลผลิตโดยรวมของสหรัฐดิ่งลงจาก 48.2 ในเดือนต.ค. สู่ 46.3 ในเดือนพ.ย. และดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคเอกชนหดตัวลง
  
      ทางด้านดัชนียอดสั่งซื้อใหม่ดิ่งลงจาก 49.2 ในเดือนต.ค. สู่ 46.4 ในเดือนพ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2020