EP2 (ต่อ)
เริ่มว่ากันด้วยเรื่องการศรัทธาบุคคลและสถานที่ โดยส่วนตัวมองว่า
>>สถานที่เป็นปัจจัยนำพาให้เราได้ไปศึกษาเรียนรู้ มีความสงบ สวยงาม สะอาดสบายตา เพียงแต่ยังขาดในส่วนของกำหนดการที่ชัดเจน เคร่งครัด
>>แต่ส่วนตัวมองว่าต่อให้มีกำหนดการชัดเจนมีกฏเกณฑ์ที่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่จิตเราไม่ได้เอาชนะมารในจิตมีความอึดอัดขัดใจที่จะปฏิบัติตาม ก็ไร้ผล
>>เลยทำให้บรรลุอีก1อย่างว่าต่อให้สถานที่นั้นไม่มีกำหนดการกฏเกณฑ์การปฎิบัติอย่างเคร่งครัด แต่มีความพอดีๆในด้านอื่นๆที่เราคิดว่าเหมาะกับตัวเรา
>>และเราเองมีจิตที่มาด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจปฎิบัติ เรียนรู้ฝึกฝน เราจะสามารถแก้ปัญหา เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
>>เช่น ฝึกสวดมนต์อ่านภาษาบาลีแบบออกเสียงดังฟังชัด ฝึกนั่งสมาธิ ฝึกเดินจงกลม เหล่านี้ก็ล้วนทำให้เราเกิดสติ ทั่งสิ้น
>>อีกทั่งเปนการฝึก การระงับกิเลสอัตตาในใจว่าเกิดความเห็นแก่ตัวแค่ไหน รู้จักแบ่งปันเสียสละให้ผู้อื่นหรือไม่ มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นหรือไม่ มีความอดทนต่อสังขารมากน้อยเพียงใด?
>>เช่น สามารถเอาชนะจิตตื่นตี3 เพื่อมาสวดมนต์ทำวัตรเช้าได้ไหม นั่งสมาธิด้วยการปิดไฟมืดสนิดทั่งลานเจดีย์ฯอย่างสงบนิ่งได้ตามเวลาที่กำหนดหรือไม่?
>>รู้จักรอในการรับพิจารณาอาหารหรือไม่ หรือแย่งตัดหน้ากัน เพื่อแย่งชิงเอาของที่ตัวเองอยากทาน การถือศีล8 เช่นละจากการนอนที่สูง , ละจากการฉันท์ยามวิกาล(หลังมื้อเที่ยง) , ละจากการใส่เครื่องประดับแต่งสวยงาม,ละจากการทาเครื่องหอมเครื่องสำอางต่างๆได้หรือไม่
>>สามารถนำพาตัวเองไปเดินจงกลม ฝึกกำหนดลมหายใจได้ไหม โดยที่ไม่มีกำหนดการหรือพระอาจารย์มาคอยตามถามไถ่ เป็นต้น
>>แต่อย่างไรก่ตามขึ้นอยู่กับความเหมาะสมความสะดวกใจของแต่ละบุคคล และถ้าหากทางวัดไม่เคร่งครัดมากความวุ่นวายก็จะบังเกิดได้ เพราะเป็นการอยู่ร่วมกันของคนหมู่มาก มาจากต่างที่ต่างถิ่นต่างจิตต่างใจ อีกทั่งก็จะมีคนประเภทที่ชิลๆเลยตามเลยไม่สนใจที่จะเรียนรู้ฝึกปฎิบัติด้วยเหตุผลอาจเป็นเพราะไม่ทราบหลักการ ทำอะไรไม่ถูกไม่รุ้จะเริ่มตรงไหนก่อน ไม่กล้าลองผิดลองถูก หรือโดนกิเลสตัวเกียจคล้านครอบงำเป็นต้น
>>ส่วนตัวศรัทธาในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ท่านสอนให้หมั่นฝึกปฏิบัติให้รู้แจ้งด้วยตัวเอง มิได้สอนให้เชื่อแบบงมงายไม่มีหลักการไม่มีเหตุผล
>>ซึ่งหากศึกษาด้วยใจจะมองเห็นว่าเป็นไปตามความจริงอันสุดยอดตามอริยสัจ4 ดั่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ไว้จริงๆ
จึงทำให้เรามีสติมากขึ้น มองเห็นวิธีการดับทุกข์ได้เร็วขึ้น(มรรค8)
>>เมื่อเราลองใช้สติพิจารณาคิด วิเคราะห์ ก็จะทำให้เกิดปัญญาแก้ไขสาเหตุของปัญหานั้นๆทำให้หลุดจากความทุกข์ได้เร็วขึ้น
>>แต่อย่างไรก่ตาม ส่วนตัวมองว่าหาก ยังคงเวียนว่ายตายเกิด ทุกข์ๆ สุขๆ มีกิเลส จิตเราก็ยังคงวนเวียนอยู่แบบนี้ ไม่จบสิ้น หากเป็นไปได้ ส่วนตัวจึงอยากหลุดพ้นจากวงจรนี้ อยากดับสลายหลุดพ้นไปสู่นิพพาน คือเป้าหมายอันสูงสุดตามที่ได้ตั้งใจไว้
>>แต่ในเมื่อ ณ ปัจจุบันเราเกิดมาแล้ว
ก็ทำได้เพียงนำหลักคำสอนไปปรับใช้กับการดำรงชีพ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีดั่งคำพระพยอมฯท่านว่า
"มือประกอบกิจ จิตประกอบธรรม"
คือ การดำรงกิจ ด้วยใจที่มีศีลธรรมไม่เบียดเบียนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน มีความซื่อสัตย์ กตัญญูรู้คุณมีเมตตา ไม่อิจฉา ไม่ว่าร้ายใคร ระงับความโกรธด้วยความไม่โกรธ ระงับความเกลียดด้วยความไม่เกลียดไม่ตำหนิคนอื่น เพื่อให้ตัวเองดูดี หากทำผิดพลาดก็ปรับแก้ไข พัฒนาตัวเอง ทำปัจจุบันให้มีความสุขในทุกๆวัน
#ขอแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นวิทยาทานเจริญสติ
>>แล้วแต่มุมมองแล้วแต่คนมอง 💖
>>ต้องลองทำด้วยใจแล้วจะเข้าใจ
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยคะ
บวชชีรักษาศีล8แล้วได้อะไรEP2
เริ่มว่ากันด้วยเรื่องการศรัทธาบุคคลและสถานที่ โดยส่วนตัวมองว่า
>>สถานที่เป็นปัจจัยนำพาให้เราได้ไปศึกษาเรียนรู้ มีความสงบ สวยงาม สะอาดสบายตา เพียงแต่ยังขาดในส่วนของกำหนดการที่ชัดเจน เคร่งครัด
>>แต่ส่วนตัวมองว่าต่อให้มีกำหนดการชัดเจนมีกฏเกณฑ์ที่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่จิตเราไม่ได้เอาชนะมารในจิตมีความอึดอัดขัดใจที่จะปฏิบัติตาม ก็ไร้ผล
>>เลยทำให้บรรลุอีก1อย่างว่าต่อให้สถานที่นั้นไม่มีกำหนดการกฏเกณฑ์การปฎิบัติอย่างเคร่งครัด แต่มีความพอดีๆในด้านอื่นๆที่เราคิดว่าเหมาะกับตัวเรา
>>และเราเองมีจิตที่มาด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจปฎิบัติ เรียนรู้ฝึกฝน เราจะสามารถแก้ปัญหา เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
>>เช่น ฝึกสวดมนต์อ่านภาษาบาลีแบบออกเสียงดังฟังชัด ฝึกนั่งสมาธิ ฝึกเดินจงกลม เหล่านี้ก็ล้วนทำให้เราเกิดสติ ทั่งสิ้น
>>อีกทั่งเปนการฝึก การระงับกิเลสอัตตาในใจว่าเกิดความเห็นแก่ตัวแค่ไหน รู้จักแบ่งปันเสียสละให้ผู้อื่นหรือไม่ มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นหรือไม่ มีความอดทนต่อสังขารมากน้อยเพียงใด?
>>เช่น สามารถเอาชนะจิตตื่นตี3 เพื่อมาสวดมนต์ทำวัตรเช้าได้ไหม นั่งสมาธิด้วยการปิดไฟมืดสนิดทั่งลานเจดีย์ฯอย่างสงบนิ่งได้ตามเวลาที่กำหนดหรือไม่?
>>รู้จักรอในการรับพิจารณาอาหารหรือไม่ หรือแย่งตัดหน้ากัน เพื่อแย่งชิงเอาของที่ตัวเองอยากทาน การถือศีล8 เช่นละจากการนอนที่สูง , ละจากการฉันท์ยามวิกาล(หลังมื้อเที่ยง) , ละจากการใส่เครื่องประดับแต่งสวยงาม,ละจากการทาเครื่องหอมเครื่องสำอางต่างๆได้หรือไม่
>>สามารถนำพาตัวเองไปเดินจงกลม ฝึกกำหนดลมหายใจได้ไหม โดยที่ไม่มีกำหนดการหรือพระอาจารย์มาคอยตามถามไถ่ เป็นต้น
>>แต่อย่างไรก่ตามขึ้นอยู่กับความเหมาะสมความสะดวกใจของแต่ละบุคคล และถ้าหากทางวัดไม่เคร่งครัดมากความวุ่นวายก็จะบังเกิดได้ เพราะเป็นการอยู่ร่วมกันของคนหมู่มาก มาจากต่างที่ต่างถิ่นต่างจิตต่างใจ อีกทั่งก็จะมีคนประเภทที่ชิลๆเลยตามเลยไม่สนใจที่จะเรียนรู้ฝึกปฎิบัติด้วยเหตุผลอาจเป็นเพราะไม่ทราบหลักการ ทำอะไรไม่ถูกไม่รุ้จะเริ่มตรงไหนก่อน ไม่กล้าลองผิดลองถูก หรือโดนกิเลสตัวเกียจคล้านครอบงำเป็นต้น
>>ส่วนตัวศรัทธาในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ท่านสอนให้หมั่นฝึกปฏิบัติให้รู้แจ้งด้วยตัวเอง มิได้สอนให้เชื่อแบบงมงายไม่มีหลักการไม่มีเหตุผล
>>ซึ่งหากศึกษาด้วยใจจะมองเห็นว่าเป็นไปตามความจริงอันสุดยอดตามอริยสัจ4 ดั่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ไว้จริงๆ
จึงทำให้เรามีสติมากขึ้น มองเห็นวิธีการดับทุกข์ได้เร็วขึ้น(มรรค8)
>>เมื่อเราลองใช้สติพิจารณาคิด วิเคราะห์ ก็จะทำให้เกิดปัญญาแก้ไขสาเหตุของปัญหานั้นๆทำให้หลุดจากความทุกข์ได้เร็วขึ้น
>>แต่อย่างไรก่ตาม ส่วนตัวมองว่าหาก ยังคงเวียนว่ายตายเกิด ทุกข์ๆ สุขๆ มีกิเลส จิตเราก็ยังคงวนเวียนอยู่แบบนี้ ไม่จบสิ้น หากเป็นไปได้ ส่วนตัวจึงอยากหลุดพ้นจากวงจรนี้ อยากดับสลายหลุดพ้นไปสู่นิพพาน คือเป้าหมายอันสูงสุดตามที่ได้ตั้งใจไว้
>>แต่ในเมื่อ ณ ปัจจุบันเราเกิดมาแล้ว
ก็ทำได้เพียงนำหลักคำสอนไปปรับใช้กับการดำรงชีพ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีดั่งคำพระพยอมฯท่านว่า
"มือประกอบกิจ จิตประกอบธรรม"
คือ การดำรงกิจ ด้วยใจที่มีศีลธรรมไม่เบียดเบียนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน มีความซื่อสัตย์ กตัญญูรู้คุณมีเมตตา ไม่อิจฉา ไม่ว่าร้ายใคร ระงับความโกรธด้วยความไม่โกรธ ระงับความเกลียดด้วยความไม่เกลียดไม่ตำหนิคนอื่น เพื่อให้ตัวเองดูดี หากทำผิดพลาดก็ปรับแก้ไข พัฒนาตัวเอง ทำปัจจุบันให้มีความสุขในทุกๆวัน
#ขอแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นวิทยาทานเจริญสติ
>>แล้วแต่มุมมองแล้วแต่คนมอง 💖
>>ต้องลองทำด้วยใจแล้วจะเข้าใจ
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยคะ