ด่วน! สลายแล้ว คฝ.บุกใช้แก๊สน้ำตา สลายม็อบที่ถนนดินสอ จับกุมแกนนำ
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7371645
ด่วน! สลายแล้ว คฝ.บุกใช้แก๊สน้ำตา สลายม็อบที่ถนนดินสอ จับกุมแกนนำ ยึดรถติดลำโพงปราศรัย พร้อมกันสื่อออกนอกพื้นที่
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 18 พ.ย.65 ที่ถนนดินสอ ใกล้บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม
“ราษฎรหยุด APEC 2022” ว่า สถานการณ์เริ่มตึงเครียด เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้ตั้งกำลังไม่ยอมให้มวลชนได้เคลื่อนออกจากถนนดินสอ โดยผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ได้สั่งเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนตรวจอาวุธพิเศษ และกันสื่อมวลชนให้ออกนอกพื้นที่ และผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ออกนอกพื้นที่
จากนั้นมีคำสั่งหากมวลชนคนใดฝ่าแนวกั้น ตำรวจควบคุมฝูงชนเข้ามา ให้ดำเนินการจับกุมได้ทันที สถานการณ์ยังคงตึงเครียด โดยชุดที่เจอเจ้าหน้าที่ของมวลชน ก็ยังได้เข้าพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ไม่สามารถที่จะให้ผ่านไปได้เพราะเป็นการชุมนุมที่กฎหมาย ขอให้กลับไปที่สถานที่ที่จัดเตรียมไว้ที่ลานคนเมืองเท่านั้น
มวลชนคนแรกที่ถูกควบคุมตัวนั้นได้แก่ นาง
วรวรรณ แซ่อั้ง หรือ
ป้าเป้า ซึ่งฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเข้ามา และถูกควบคุมตัวขึ้นรถออกไปจากพื้นที่ ทำให้มวลชนเกิดความไม่พอใจและตะโกน
“ปล่อยป้าเป้า”
ต่อมาเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำบนรถปราศรัยเคลื่อนที่ได้ประกาศยกระดับการชุมนุม ยืนยันให้เวลา 20 นาทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรึงกำลัง ก่อนเตรียมพร้อมฝ่าแนวกั้น ไม่ว่าจะเป็น รถตำรวจ และแนวตำรวจควบคุมฝูงชน ทั้งยังสั่งการให้มวลชนดันรถคันดังกล่าว เพื่อนำสิ่งกีดขวางออก และไม่ขอฟังคำประกาศของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้นมวลชนได้ตรึงกำลังเขย่ารถตำรวจอย่างรุนแรง ก่อนเกิดการปะทะเดือดระหว่างตำรวจควบคุมฝูงชนและผู้ชุมนุมหลายนาที โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้โล่ดันและใช้กระบองยางป้องกันตัว และจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมได้จำนวน 8 ราย เป็นชาย 7 คน หญิง 1 คน ขึ้นรถควบคุมก่อนจะนำตัวไปที่ สน.ทุ่งสองห้อง ทำให้มวลชนหยุดอยู่หน้าแนวถนนดินสอ พร้อมตะโกนบอกให้
“ปล่อยเพื่อนเรา” ก่อนที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ปรับแผนนำกำลัง โดยมีแก๊สน้ำตาไปอยู่แนวที่สองของแถว
ต่อมาเวลา 10.05 น. น.ส.
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ
มายด์ ตัวแทนแกนนำ ได้ขึ้นรถเคลื่อนที่ปราศรัย ระบุว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ตำรวจต้องมาต่อสู้กับประชาชนทั้งที่พวกเราคือพวกเดียวกัน ตนอยากให้พวกท่านหันหน้าไปยังผู้บังคับบัญชาของพวกท่าน หากหัวหน้าของพวกท่านแน่จริงให้ลงมาคุยเอง เพราะสิ่งที่ตำรวจกำลังทำมันคือการละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ได้รับรองตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ
ดังนั้น เท่ากับว่าพวกท่านกำลังละเมิดรัฐธรรมนูญ หน้าไม่อาย จับตัวป้าเป้า จับตัวแม่ๆเสื้อแดงไป ตนถามหน่อยว่าเขามีอาวุธหรือไม่ เขาไปทำอะไรให้พวกท่านเจ็บช้ำน้ำใจนักหนาถึงได้ควบคุมตัวไปเช่นนั้น ขอให้ปล่อยตัวพวกเขาออกมาทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.10 น. คฝ. มีการยิงกระสุนยาง ทำให้น.ส.
ภัสราวลี หรือ
มายด์ กล่าวบนรถปราศรัยว่า ยิงกระสุนยางใส่ประชาชนมือเปล่าทำไม
จากนั้นเวลา 10.30 น. ตำรวจประกาศให้เวลายุติการชุมนุมภายในเวลา 11.00 น. โดยเมื่อถึงเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้สื่อมวลชนและประชาชนออกจากแนวกั้น
ด้านผู้ชุมนุมขึ้นปราศรัยระบุว่า เราจะตั้งเวทีรอสถานทูตที่จะมาร่วมสังเกตการณ์ โดยขอให้สื่อมวลชนประสานสถานทูตที่มาประชุมในไทยได้เห็นว่านี่คือการประชุมระดับโลก แต่ด้วยรัฐบาลพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพประชาธิปไตยในการแสดงออกของประชาชน เราก็จะเชิญตัวแทนสถานทูตมาพบปะกับพี่น้องที่นี่และรอว่าเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติการอย่างไรต่อไปกับพี่น้องเราจะปักหลักที่นี่
ล่าสุดเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้เข้าสลายการชุมนุมบริเวณถนนดินสอ โดยใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าสลาย พร้อมควบคุมตัวผู้ชุมนุมบางส่วนไป และยึดรถติดลำโพงปราศรัย พร้อมกันสื่อออกนอกพื้นที่ ก่อนเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนจะเคลื่อนการชุมนุมจากแนวถนนดินสอมุ่งหน้าไปยังศาลาว่าการกทม.
เพื่อไทย ข้องใจ หมอระวี ชงกม.นิรโทษตอนนี้เพื่ออะไร ปัดเอี่ยวพา‘แม้ว-ปู’ กลับบ้าน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7371378
เพื่อไทย ติง หมอระวี อย่าบิดเบือน ถามกลับเสนอ กม.นิรโทษกรรมตอนนี้เพื่ออะไร ปัดเอี่ยวพา ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ กลับบ้าน แนะแก้ขัดแย้งต้องเริ่มที่รธน.
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2565 นาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี นพ.
ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ (พธม.) เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยกำหนดเงื่อนไขไม่รวมไปถึงคดีทุจริต คดีอาญาร้ายแรง และความผิดเกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า สภาอยู่มา 4 ปี ใกล้จะครบวาระ นพ.ระวี มาเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในจังหวะเวลานี้ ไม่แน่ใจว่ามีเจตนาอย่างไร และจะทำสำเร็จหรือไม่ หรือก่อนหน้านี้ นพ.
ระวี วุ่นวายอยู่กับสูตรหาร 100 หรือ หาร 500 หารแบบไหนถึงจะได้ประโยชน์
ทั้งนี้ สิ่งที่กังวลและเป็นประเด็นที่ต้องชี้แจง คือ มีความพยายามบิดเบือนว่า นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภา จะขอเพิ่มประเด็นนิรโทษกรรมคดีทุจริตจากเหตุการเมือง ขอยืนยันว่าไม่เคยมีการดำเนินการในเรื่องนี้ นพ.
ชลน่าน กล่าวเพียงว่าเป็นหน้าที่และอำนาจที่จะเสนอได้ ผ่านการเข้าชื่อเพียง 20 คนเพื่อเสนอกฎหมาย ส่วนสภาจะพิจารณาอย่างไร ต้องดูว่า เสียงข้างมากคิดกันอย่างไร ขณะที่เสียงข้างน้อย ต้องดูในรายละเอียดว่ามีประเด็นอะไร ครอบคลุมในเรื่องใด เนื้อหาสาระเป็นอย่างไร
ยืนยันว่าการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่เกี่ยวกับการพา นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับประเทศ
“
หลักการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ รัฐธรรมนูญต้องเป็นประชาธิปไตย การแก้เมล็ดพันธุ์ความขัดแย้ง ต้องเริ่มที่รัฐธรรมนูญ ปรากฏการณ์เพื่อไทยแลนด์สไลด์ เกิดขึ้นเพื่อสร้างโอกาส สร้างอนาคตให้คนในชาติ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขอจงอย่าบิดเบือนใส่ร้าย เพื่อทำลายความชอบธรรมทางการเมือง” นาย
อนุสรณ์ กล่าว
"นิติพล" อัด "วราวุธ" รมว.ทส.ใช้เวที COP27 ฟอกเขียว เอื้อทุนขนาดใหญ่
https://www.thairath.co.th/news/politic/2556326
"นิติพล" ส.ส.ก้าวไกล สวน "วราวุธ" รมว.ทส. ใช้เวที COP27 ฟอกเขียวเอื้อทุนใหญ่ ไม่จริงใจแก้ไขปัญหาภูมิอากาศโลก ชี้ ไม่พูดถึงต้นเหตุมลพิษ ปล่อยกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ทำธุรกิจไร้ความรับผิดชอบ
วันที่ 18 พ.ย. นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นภายหลัง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศกลางที่ประชุมระดับสูงของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP27 ว่า ประเทศไทยต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยมีหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางสำคัญ ส่งเสริมในเรื่องของเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio-Circular-Green Economy (BCG Economy) สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อการดูดกลับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเชิงพาณิชย์ก่อนปี 2040 รวมถึงการกำหนดเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็น 55% ของพื้นที่ประเทศเพื่อเพิ่มแหล่งเก็บก๊าซเรือนกระจกในปี 2037 โดยมีการจัดทำแนวทาง กลไกการบริหารการจัดการคาร์บอนเครดิตเพื่อถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศไทยภายใต้ข้อตกลงปารีส
"สิ่งที่ท่านรัฐมนตรีวราวุธ ประกาศต่อเวที COP27 เป็นวาทกรรมฟังแล้วชวนเคลิ้ม แต่สวยแต่เปลือกทั้งสิ้น เพราะข้างในไม่เคยมีประชาชนอยู่ในสมการ เป็นเพียงการฟอกเขียวที่มีผลประโยชน์ของนายทุนซ่อนอยู่เป็นเนื้อในทั้งสิ้น และท้ายที่สุดจะไม่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใดต่อสภาพภูมิอากาศโลก หรือมลพิษทางอากาศของไทยเลย"
ทั้งนี้ นาย
นิติพล ชี้ว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตทางภูมิอากาศในหลายมิติ รวมถึงมลพิษทางอากาศจากการเผาพื้นที่เกษตรในภูมิภาคแม่น้ำโขงตอนบน โดยมีฝุ่นพิษลอยข้ามพรมแดนมายังประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่า เป็นผลมาจากการปล่อยให้กลุ่มทุนใหญ่ทางการเกษตรต่างๆ ของไทย ทำธุรกิจได้อย่างไร้ความรับผิดชอบ โดยไม่มีการผลักดันทางกฎหมายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือคนไทยทางภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่ต้องป่วยเป็นมะเร็งปอดมากที่สุด จากการสูดฝุ่นพิษ PM 2.5 จากการเผาไหม้
"
ในด้านแหล่งกำเนิดมลพิษ ในฐานะรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมท่านไม่คิดหาทางควบคุมแก้ไข ตรงนี้มีผลต่อสภาพภูมิอากาศโลกมาก แต่ท่านไม่พูดถึงเลย พอมาในด้านการดูดซับก็พยายามอ้างการเพิ่มพื้นที่ป่าและประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต แต่เอาเข้าจริงแนวทางของท่าน ประชาชนแทบไม่ได้ประโยชน์ใดๆ เป็นเพียงการระบายสีเขียวบนแผนที่เพื่อเตรียมเอาไปประเคนให้นายทุน แต่ที่ชั่วร้ายกว่านั้น คือจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการเอาคนออกจากป่าโดยเฉพาะผู้คนที่มีวิถีดั้งเดิม ทั้งที่พวกเขามีบทบาทมากในการดูแลผืนป่าให้ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง แทนที่ท่านจะหาวิธีพิทักษ์สิทธิ์ แต่ท่านกลับไม่รีบทำให้มีแผนที่ one map เพื่อพิสูจน์สิทธิการอยู่มาก่อนให้ประชาชน ใช้ความคลุมเครือทางกฎหมาย เพื่อเป็นอาวุธขับไล่คนออกจากพื้นที่ที่ระบายสีไว้เตรียมมอบให้นายทุนหากินกับคาร์บอนเครดิต
สิ่งเหล่านี้จึงไม่ใช่เพื่อความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเพื่อประชาชนอย่างแน่นอน คำว่าเศรษฐกิจคู่สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลนี้ล้วนแล้วแต่เป็นขนมหวานสีสวยแต่เคลือบยาพิษ ไม่จริงใจ เป็นประโยชน์มากกับนายทุน แต่ไม่เป็นประโยชน์ใดๆ กับประชาชนที่เป็นเจ้าของทรัพยากรตรงนั้นทั้งสิ้น"
นิติพล ระบุ
JJNY : ด่วน! สลายแล้ว คฝ.บุกใช้แก๊สน้ำตา| เพื่อไทยข้องใจหมอระวี| "นิติพล" อัด "วราวุธ"| เฟดเสนออัตราดอกเบี้ยนโยบาย
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7371645
ด่วน! สลายแล้ว คฝ.บุกใช้แก๊สน้ำตา สลายม็อบที่ถนนดินสอ จับกุมแกนนำ ยึดรถติดลำโพงปราศรัย พร้อมกันสื่อออกนอกพื้นที่
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 18 พ.ย.65 ที่ถนนดินสอ ใกล้บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม “ราษฎรหยุด APEC 2022” ว่า สถานการณ์เริ่มตึงเครียด เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้ตั้งกำลังไม่ยอมให้มวลชนได้เคลื่อนออกจากถนนดินสอ โดยผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ได้สั่งเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนตรวจอาวุธพิเศษ และกันสื่อมวลชนให้ออกนอกพื้นที่ และผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ออกนอกพื้นที่
จากนั้นมีคำสั่งหากมวลชนคนใดฝ่าแนวกั้น ตำรวจควบคุมฝูงชนเข้ามา ให้ดำเนินการจับกุมได้ทันที สถานการณ์ยังคงตึงเครียด โดยชุดที่เจอเจ้าหน้าที่ของมวลชน ก็ยังได้เข้าพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ไม่สามารถที่จะให้ผ่านไปได้เพราะเป็นการชุมนุมที่กฎหมาย ขอให้กลับไปที่สถานที่ที่จัดเตรียมไว้ที่ลานคนเมืองเท่านั้น
มวลชนคนแรกที่ถูกควบคุมตัวนั้นได้แก่ นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า ซึ่งฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเข้ามา และถูกควบคุมตัวขึ้นรถออกไปจากพื้นที่ ทำให้มวลชนเกิดความไม่พอใจและตะโกน “ปล่อยป้าเป้า”
ต่อมาเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำบนรถปราศรัยเคลื่อนที่ได้ประกาศยกระดับการชุมนุม ยืนยันให้เวลา 20 นาทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรึงกำลัง ก่อนเตรียมพร้อมฝ่าแนวกั้น ไม่ว่าจะเป็น รถตำรวจ และแนวตำรวจควบคุมฝูงชน ทั้งยังสั่งการให้มวลชนดันรถคันดังกล่าว เพื่อนำสิ่งกีดขวางออก และไม่ขอฟังคำประกาศของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้นมวลชนได้ตรึงกำลังเขย่ารถตำรวจอย่างรุนแรง ก่อนเกิดการปะทะเดือดระหว่างตำรวจควบคุมฝูงชนและผู้ชุมนุมหลายนาที โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้โล่ดันและใช้กระบองยางป้องกันตัว และจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมได้จำนวน 8 ราย เป็นชาย 7 คน หญิง 1 คน ขึ้นรถควบคุมก่อนจะนำตัวไปที่ สน.ทุ่งสองห้อง ทำให้มวลชนหยุดอยู่หน้าแนวถนนดินสอ พร้อมตะโกนบอกให้ “ปล่อยเพื่อนเรา” ก่อนที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ปรับแผนนำกำลัง โดยมีแก๊สน้ำตาไปอยู่แนวที่สองของแถว
ต่อมาเวลา 10.05 น. น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ ตัวแทนแกนนำ ได้ขึ้นรถเคลื่อนที่ปราศรัย ระบุว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ตำรวจต้องมาต่อสู้กับประชาชนทั้งที่พวกเราคือพวกเดียวกัน ตนอยากให้พวกท่านหันหน้าไปยังผู้บังคับบัญชาของพวกท่าน หากหัวหน้าของพวกท่านแน่จริงให้ลงมาคุยเอง เพราะสิ่งที่ตำรวจกำลังทำมันคือการละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ได้รับรองตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ
ดังนั้น เท่ากับว่าพวกท่านกำลังละเมิดรัฐธรรมนูญ หน้าไม่อาย จับตัวป้าเป้า จับตัวแม่ๆเสื้อแดงไป ตนถามหน่อยว่าเขามีอาวุธหรือไม่ เขาไปทำอะไรให้พวกท่านเจ็บช้ำน้ำใจนักหนาถึงได้ควบคุมตัวไปเช่นนั้น ขอให้ปล่อยตัวพวกเขาออกมาทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.10 น. คฝ. มีการยิงกระสุนยาง ทำให้น.ส.ภัสราวลี หรือมายด์ กล่าวบนรถปราศรัยว่า ยิงกระสุนยางใส่ประชาชนมือเปล่าทำไม
จากนั้นเวลา 10.30 น. ตำรวจประกาศให้เวลายุติการชุมนุมภายในเวลา 11.00 น. โดยเมื่อถึงเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้สื่อมวลชนและประชาชนออกจากแนวกั้น
ด้านผู้ชุมนุมขึ้นปราศรัยระบุว่า เราจะตั้งเวทีรอสถานทูตที่จะมาร่วมสังเกตการณ์ โดยขอให้สื่อมวลชนประสานสถานทูตที่มาประชุมในไทยได้เห็นว่านี่คือการประชุมระดับโลก แต่ด้วยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพประชาธิปไตยในการแสดงออกของประชาชน เราก็จะเชิญตัวแทนสถานทูตมาพบปะกับพี่น้องที่นี่และรอว่าเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติการอย่างไรต่อไปกับพี่น้องเราจะปักหลักที่นี่
ล่าสุดเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้เข้าสลายการชุมนุมบริเวณถนนดินสอ โดยใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าสลาย พร้อมควบคุมตัวผู้ชุมนุมบางส่วนไป และยึดรถติดลำโพงปราศรัย พร้อมกันสื่อออกนอกพื้นที่ ก่อนเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนจะเคลื่อนการชุมนุมจากแนวถนนดินสอมุ่งหน้าไปยังศาลาว่าการกทม.
เพื่อไทย ข้องใจ หมอระวี ชงกม.นิรโทษตอนนี้เพื่ออะไร ปัดเอี่ยวพา‘แม้ว-ปู’ กลับบ้าน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7371378
เพื่อไทย ติง หมอระวี อย่าบิดเบือน ถามกลับเสนอ กม.นิรโทษกรรมตอนนี้เพื่ออะไร ปัดเอี่ยวพา ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ กลับบ้าน แนะแก้ขัดแย้งต้องเริ่มที่รธน.
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2565 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ (พธม.) เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยกำหนดเงื่อนไขไม่รวมไปถึงคดีทุจริต คดีอาญาร้ายแรง และความผิดเกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า สภาอยู่มา 4 ปี ใกล้จะครบวาระ นพ.ระวี มาเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในจังหวะเวลานี้ ไม่แน่ใจว่ามีเจตนาอย่างไร และจะทำสำเร็จหรือไม่ หรือก่อนหน้านี้ นพ.ระวี วุ่นวายอยู่กับสูตรหาร 100 หรือ หาร 500 หารแบบไหนถึงจะได้ประโยชน์
ทั้งนี้ สิ่งที่กังวลและเป็นประเด็นที่ต้องชี้แจง คือ มีความพยายามบิดเบือนว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภา จะขอเพิ่มประเด็นนิรโทษกรรมคดีทุจริตจากเหตุการเมือง ขอยืนยันว่าไม่เคยมีการดำเนินการในเรื่องนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวเพียงว่าเป็นหน้าที่และอำนาจที่จะเสนอได้ ผ่านการเข้าชื่อเพียง 20 คนเพื่อเสนอกฎหมาย ส่วนสภาจะพิจารณาอย่างไร ต้องดูว่า เสียงข้างมากคิดกันอย่างไร ขณะที่เสียงข้างน้อย ต้องดูในรายละเอียดว่ามีประเด็นอะไร ครอบคลุมในเรื่องใด เนื้อหาสาระเป็นอย่างไร
ยืนยันว่าการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่เกี่ยวกับการพา นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับประเทศ
“หลักการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ รัฐธรรมนูญต้องเป็นประชาธิปไตย การแก้เมล็ดพันธุ์ความขัดแย้ง ต้องเริ่มที่รัฐธรรมนูญ ปรากฏการณ์เพื่อไทยแลนด์สไลด์ เกิดขึ้นเพื่อสร้างโอกาส สร้างอนาคตให้คนในชาติ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขอจงอย่าบิดเบือนใส่ร้าย เพื่อทำลายความชอบธรรมทางการเมือง” นายอนุสรณ์ กล่าว
"นิติพล" อัด "วราวุธ" รมว.ทส.ใช้เวที COP27 ฟอกเขียว เอื้อทุนขนาดใหญ่
https://www.thairath.co.th/news/politic/2556326
"นิติพล" ส.ส.ก้าวไกล สวน "วราวุธ" รมว.ทส. ใช้เวที COP27 ฟอกเขียวเอื้อทุนใหญ่ ไม่จริงใจแก้ไขปัญหาภูมิอากาศโลก ชี้ ไม่พูดถึงต้นเหตุมลพิษ ปล่อยกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ทำธุรกิจไร้ความรับผิดชอบ
วันที่ 18 พ.ย. นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นภายหลัง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศกลางที่ประชุมระดับสูงของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP27 ว่า ประเทศไทยต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยมีหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางสำคัญ ส่งเสริมในเรื่องของเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio-Circular-Green Economy (BCG Economy) สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อการดูดกลับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเชิงพาณิชย์ก่อนปี 2040 รวมถึงการกำหนดเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็น 55% ของพื้นที่ประเทศเพื่อเพิ่มแหล่งเก็บก๊าซเรือนกระจกในปี 2037 โดยมีการจัดทำแนวทาง กลไกการบริหารการจัดการคาร์บอนเครดิตเพื่อถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศไทยภายใต้ข้อตกลงปารีส
"สิ่งที่ท่านรัฐมนตรีวราวุธ ประกาศต่อเวที COP27 เป็นวาทกรรมฟังแล้วชวนเคลิ้ม แต่สวยแต่เปลือกทั้งสิ้น เพราะข้างในไม่เคยมีประชาชนอยู่ในสมการ เป็นเพียงการฟอกเขียวที่มีผลประโยชน์ของนายทุนซ่อนอยู่เป็นเนื้อในทั้งสิ้น และท้ายที่สุดจะไม่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใดต่อสภาพภูมิอากาศโลก หรือมลพิษทางอากาศของไทยเลย"
ทั้งนี้ นายนิติพล ชี้ว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตทางภูมิอากาศในหลายมิติ รวมถึงมลพิษทางอากาศจากการเผาพื้นที่เกษตรในภูมิภาคแม่น้ำโขงตอนบน โดยมีฝุ่นพิษลอยข้ามพรมแดนมายังประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่า เป็นผลมาจากการปล่อยให้กลุ่มทุนใหญ่ทางการเกษตรต่างๆ ของไทย ทำธุรกิจได้อย่างไร้ความรับผิดชอบ โดยไม่มีการผลักดันทางกฎหมายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือคนไทยทางภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่ต้องป่วยเป็นมะเร็งปอดมากที่สุด จากการสูดฝุ่นพิษ PM 2.5 จากการเผาไหม้
"ในด้านแหล่งกำเนิดมลพิษ ในฐานะรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมท่านไม่คิดหาทางควบคุมแก้ไข ตรงนี้มีผลต่อสภาพภูมิอากาศโลกมาก แต่ท่านไม่พูดถึงเลย พอมาในด้านการดูดซับก็พยายามอ้างการเพิ่มพื้นที่ป่าและประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต แต่เอาเข้าจริงแนวทางของท่าน ประชาชนแทบไม่ได้ประโยชน์ใดๆ เป็นเพียงการระบายสีเขียวบนแผนที่เพื่อเตรียมเอาไปประเคนให้นายทุน แต่ที่ชั่วร้ายกว่านั้น คือจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการเอาคนออกจากป่าโดยเฉพาะผู้คนที่มีวิถีดั้งเดิม ทั้งที่พวกเขามีบทบาทมากในการดูแลผืนป่าให้ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง แทนที่ท่านจะหาวิธีพิทักษ์สิทธิ์ แต่ท่านกลับไม่รีบทำให้มีแผนที่ one map เพื่อพิสูจน์สิทธิการอยู่มาก่อนให้ประชาชน ใช้ความคลุมเครือทางกฎหมาย เพื่อเป็นอาวุธขับไล่คนออกจากพื้นที่ที่ระบายสีไว้เตรียมมอบให้นายทุนหากินกับคาร์บอนเครดิต
สิ่งเหล่านี้จึงไม่ใช่เพื่อความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเพื่อประชาชนอย่างแน่นอน คำว่าเศรษฐกิจคู่สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลนี้ล้วนแล้วแต่เป็นขนมหวานสีสวยแต่เคลือบยาพิษ ไม่จริงใจ เป็นประโยชน์มากกับนายทุน แต่ไม่เป็นประโยชน์ใดๆ กับประชาชนที่เป็นเจ้าของทรัพยากรตรงนั้นทั้งสิ้น" นิติพล ระบุ