JJNY : รวมเคส ‘ช่างภาพข่าว’ ถูกคุกคาม│จับตา 2 คีย์แมนพาพรรคเดินหน้าต่อ│ตลาดรถม.ค.ยังฝืด│คว่ำบาตรรัสเซียกว่า 500 เป้าหมาย

‘โดนยิง-ยกปืนจ่อหน้า-เอาไม้ตีกล้องพัง’ รวมเคส ‘ช่างภาพข่าว’ ถูกคุกคามขณะทำหน้าที่
https://prachatai.com/journal/2024/02/108187
 
 
จากกรณีนักข่าวและช่างภาพโดนจับ ชวนย้อนดูกรณีคุกคาม ‘ช่างภาพข่าว’ ขณะปฏิบัติหน้าที่ ที่เกิดขึ้นหลังปี 2563 เป็นต้นมา โดยมีทั้งถูกยิงด้วยกระสุนยางจากตำรวจควบคุมฝูงชน ถูกยกปืนจ่อหน้าขู่ไม่ให้ถ่ายภาพ ตกเป็นเป้าในการทำร้ายร่างกายแต่พลาดโดนกล้องเสียหาย และดวงตาบาดเจ็บจากเศษแก้วที่ถูกขว้างจากฝั่งตำรวจ
 
2564 ช่างภาพเดอะแมทเทอร์ & พลัสเซเว่น ถูกยิงกระสุนยางในม็อบ 18 กรกฎา

• เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 ตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น. กลุ่มเยาวชนปลดแอกและเครือข่ายนักกิจกรรมเพื่อสิทธิอีกหลายกลุ่มเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล มีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องลาออกทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข 
2. ปรับลดงบสถาบันกษัตริย์และกองทัพ 
และ 3. นำเข้าวัคซีน mRNA เป็นวัคซีนหลัก แทนการใช้วัคซีน Sinovac
 
• สำหรับมาตรการการสลายการชุมนุมในวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการใช้ทั้งฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา และยิงกระสุนยางใส่ประชาชน
 
• มีรายงานว่า “ธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์” ช่างภาพจากพลัสเซเว่น PLUS SEVEN ถูกกระสุนยางเข้าที่สะโพกขณะยืนรวมกลุ่มกับผู้สื่อข่าว ไม่มีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่
 
• นอกจากนี้ ยังมีชางภาพข่าวถูกยิงกระสุนยางอีก 2 ราย ได้แก่ “พีระพงษ์ พงษ์นาค” ช่างภาพมติชนทีวี ถูกกระสุนยางที่บริเวณแขนด้านซ้าย และ “ชาญณรงค์ เอื้ออุดมโชติ” ช่างภาพเดอะแมตเทอร์ ถูกกระสุนยางบริเวณแขนซ้าย โดยปรากฎรอยช้ำอย่างชัดเจน

2564 ‘ไลลา’ ช่างภาพอิสระ ถูก คฝ.ใช้กระบองตีจนกล้องเสียหายในม็อบ 11 สิงหา 

• “ไลลา ตาเฮ” ช่างภาพอิสระที่ส่งภาพให้กับสำนักข่าว Benarnews และ Rice Media Thailand ถูกตำรวจชุดคุมฝูงชนใช้ไม้กระบองตีจนกล้องเสียหายระหว่างทำหน้าที่ถ่ายภาพเหตุการณ์ชุลมุน ขณะตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) สลายการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิช่วงเย็นวันที่ 11 ส.ค. 2564
 
• ไลลาเล่าว่า เธอถูกตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเข้าทำร้ายด้วยการใช้ไม้กระบองตีมาที่เธอ แต่โดนกล้องจนฟิลเตอร์เลนส์กล้องแตกและขอบเลนส์บุบเสียหายและเฉี่ยวแขนเธอไป
 
• ไลลาบอกว่าพอโดนแล้วเธอก็ไปถ่ายรูปต่อทั้งที่ฟิลเตอร์แตก เพราะเห็นว่าพอตำรวจชุดที่ตีเธอเดินผ่านไปแล้วก็ยังมีตำรวจอีกชุดมาจับคนที่อยู่ไม่ไกลจากเธอนัก

2564 ‘ยา–ณัฐพล’ ช่างภาพอิสระ ถูก คฝ.ยกปืนลูกซองชี้หน้าสั่งให้หยุดถ่าย

• “ยา–ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์” ช่างภาพอิสระ เคยให้สัมภาษณ์กับวอยซ์ทีวี ร่วมกับช่างภาพอิสระอีก 2 คน ถึงประเด็นการถูกคุกคามช่างภาพอิสระขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยเขาเล่าถึงวันที่มวลชนตั้งหมู่บ้านทะลุฟ้าหน้าทำเนียบรัฐบาลและถูกสลายการชุมนุม ซึ่งเขาก็เป็นช่างภาพอีกคนหนึ่งที่ทำงานปะปนอยู่ในกลุ่มสื่อมวลชนที่รอจังหวะช็อตเด็ด-มวลชนกำลังนอนชูสามนิ้วอารยะขัดขืน

• “ผมถ่ายรูปตำรวจตอนตำรวจเดินแนวเข้ามา เจอตำรวจใช้ปืนลูกซองยกชี้หน้าแล้วก็สั่งว่า “หยุดถ่ายเดี๋ยวนี้ หยุดถ่าย บอกให้หยุดถ่าย” ยา–ณัฐพล กล่าว (ดูคลิปเต็ม)

2565 ‘เจน–ชาลินี’ ตาบาดเจ็บจากเศษแก้วที่ถูกขว้างจากฝั่งตำรวจ ยังไม่มีคำตอบว่าใครปา
 
• เมื่อวันที่ 18-19 พ.ย. 2565 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก “เจน–ชาลินี ถิระศุภะ” ช่างภาพข่าวที่คร่ำหวอดในวงการข่าวมาหลายปี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับประชาไทถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2565 ตนได้รับมอบหมายจากต้นสังกัดให้ไปถ่ายภาพการชุมนุมของกลุ่ม “ราษฎรหยุด APEC” ที่พยายามเคลื่อนขบวนจากถนนดินสอ ไปยังที่จัดการประชุม APEC ในขณะนั้น แต่ถูกตำรวจควบคุมฝูงชนสกัดไว้
 
• ชาลินีเล่าว่าตอนนั้นเธอกำลังยืนอยู่กับกลุ่มช่างภาพคนอื่นๆ ข้างหลังรถกระบะของตำรวจ เพื่อถ่ายภาพแนวตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ที่กำลังตั้งแนวโล่ใกล้บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีขวดแก้วอันหนึ่ง ลอยมาจากแนวตำรวจมายังทิศทางของเธอ ก่อนจะกระแทกลงบนฝากระโปรงรถจนแตกเป็นชิ้นเล็กๆ และเศษแก้วชิ้นหนึ่งก็ได้พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเธอ กลายเป็นแผลในดวงตา ตามที่ปรากฏในคลิปที่แชร์กันอย่างแพร่หลายในโซเชียลมีเดีย
 
• เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ชาลินีเกือบต้องสูญเสียการมองเห็นอย่างฉิวเฉียด เพราะเศษแก้วที่พุ่งเข้าดวงตาของเธอห่างจากตาดำไปเพียง 1 มิลลิเมตร และอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นก็มีผลกระทบระยะยาวด้วย แต่จนถึงทุกวันนี้ (21 ธ.ค. 2565) กลับไม่มีคำชี้แจง การเยียวยา หรือการแสดงความรับผิดชอบใดๆ จากทางตำรวจ
 

 
ก้าวไกล เร่งทำงานในสถานการณ์ถูกเร่งให้มีการยุบพรรค จับตา 2 คีย์แมนพาพรรคเดินหน้าต่อ
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4440484

The Politics x ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ท่ามกลางสถานการณ์เร่งให้มีการยุบพรรค ภายหลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณีหาเสียงเรื่องแก้ ม.112 ก้าวไกล ยังเดินหน้าทำงานเต็มที่ วิเคราะห์ 2 คนเบื้องหลัง วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร และเดชรัต สุขกำเนิด จะเป็นคนสำคัญที่พาพรรคเดินไปในอนาคต

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

 
ตลาดรถ ม.ค. ยังฝืด ร่วง 16.4% ปิกอัพดิ่งหนัก 43.5% ขณะที่ เก๋งขยับโต 2.4%
https://www.matichon.co.th/economy/news_4440466

ตลาดรถเปิดฤดูกาลขายมค.ยังร่วง 16.4% ปิกอัพดิ่งหนัก 43.5% เก๋งขยับโต 2.4%
 
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม เปิดฤดูกาลขายประจำปี 2567 ด้วยยอดขาย 54,814 คัน ลดลง 16.4% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 23,412 คัน เพิ่มขึ้น 2.4% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 31,402 คัน ลดลง 26.5% และรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขายที่ 17,938 คัน ลดลง 43.5%
 
ประเด็นสำคัญ ตลาดรถยนต์เดือนมกราคม 2567 มีปริมาณการขาย 54,814 คัน ลดลง 16.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เปิดฤดูกาลขายตามดัชนีการขายประจำไตรมาสแรกของปีที่มักชะลอตัว โดยตลาดรถยนต์นั่ง มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 2.4% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตลดลงที่ 26.5% เนื่องจากผู้บริโภคกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศยังฟื้นตัวช้า ประกอบกับความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์

ตลาดรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์มีแนวโน้มจะขยับตัวดีขึ้น เนื่องจากภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาประชาชนปี 2567 อาทิ มาตรการลดหย่อนภาษี “Easy E-Receipt” การปรับลดค่าไฟฟ้า และการยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยว ส่งผลให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น พร้อมกับการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่จากหลายค่ายในช่วงต้นปี ซึ่งส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์เช่นกัน
 
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม 2567
 
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 54,814 คัน ลดลง 16.4% อันดับที่ 1 โตโยต้า 17,526 คัน ลดลง 26.3% ส่วนแบ่งตลาด 32% อันดับที่ 2 ฮอนด้า 8,298 คัน เพิ่มขึ้น 17.4% ส่วนแบ่งตลาด 15.1% อันดับที่3 อีซูซุ 7,930 คัน ลดลง 45.9% ส่วนแบ่งตลาด 14.5%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 23,412 คัน เพิ่มขึ้น 2.4% อันดับที่ 1 โตโยต้า 5,145 คัน ลดลง 40.6% ส่วนแบ่งตลาด 22% อันดับที่ 2 ฮอนด้า 4,608 คัน ลดลง 9.2% ส่วนแบ่งตลาด 19.7% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,210 คัน ลดลง 22.2% ส่วนแบ่งตลาด 5.2%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 31,402 คัน ลดลง 26.5% อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,381 คัน ลดลง 18.2% ส่วนแบ่งตลาด 39.4% อันดับที่ 2 อีซูซุ 7,930 คัน ลดลง 45.9% ส่วนแบ่งตลาด 25.3% อันดับที่ 3 ฮอนด้า 3,690 คัน เพิ่มขึ้น 84.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.8%

4. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 14,864 คัน ลดลง 43.5% อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,847 คัน ลดลง 33.8% ส่วนแบ่งตลาด 46.1% อันดับที่ 2 อีซูซุ 5,903 คัน ลดลง 50.1% ส่วนแบ่งตลาด 39.7% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,277 คัน ลดลง 47.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.6%

5. รถกระบะดัดแปลง PPV ปริมาณการขายร 3,074 คัน โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 1,111 คัน อีซูซุ มิวเอ็กซ์ 1,023 คัน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 705 คัน มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต 186 คัน นิสสัน เทอร์ร่า 49 คัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่