ควรไปต่อ หรือพอแค่นี้ กับความสัมพันธ์แบบสามี ภรรยาค่ะ

เราแต่งงานมา จะ 5 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 2 ขวบเกือบ 3 ขวบ ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยดี แต่งงาน 2 ปี มีลูก 6 เดือนแรก สามีดูแลดีทุกอย่าง ช่วยเลี้ยงลูก อาบน้ำ ทำน้ำอินทผาลัมให้กินบำรุงน้ำนม อุ้มลูกหลับบนตัว เปลี่ยนเพิส ดูแลดีทุกอย่าง เค้าเป็นคนอารมณ์ร้อน ตอนเพิ่งคลอดเราเป็นเบบี้บูม ร้องไห้แบบไม่อยากได้ชีวิตแบบนี้ บอก ไม่มีความสุขเพราะมันเหนื่อยมาก อดหลับอดนอน สามีบอกไม่มีความสุขก็ออกจากบ้านไปเลย ไม่เคยให้กำลังใจใดๆ เราผ่านมันมาด้วยการให้กำลังใจตัวเองเท่านั้น แม่กับพี่ ที่ช่วยดูลูกก็ไม่รู้เรื่องนี้

ผ่านไปวันแล้ววันเล่า หลังจากลูก 6 เดือน สามีก็เริ่มใส่ใจน้อยลง ดูแลลูกน้อยลง เพราะอาจงานเยอะขึ้น เลยไม่ได้ให้เวลาเรากับลูกเท่าไร หลังๆเป็นหนักมาก เวลาว่างที่ไม่ทำงานก็ดูแต่มือถือ กินข้าวก็ดู เล่นกับลูกก็ดู อาบน้ำก็ดู แทบจะดูมือถือตลอดเวลา มีเวลาเล่นกับลูกแค่วันละ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังเล่นมือถือไป ดูลูกเล่นคนเดียว ตอบลูกบ้างครั้งคราว ไม่เคยป้อนข้าวลูก อาบน้ำให้ลูก หลังๆหนักมากคือไม่ค่อยทำอะไรให้ลูกเลย แค่เล่นแบบดูมือถือไปด้วย หรือนอนอยู่ข้างๆแบบเล่นมือถือ

พักหลังมานี้ ลูกเข้าโรงเรียน ไม่สบายบ่อย เวลาไม่สบาย เค้ามักจะมีงานไปต่างจังหวัด เราต้องดูลูกคนเดียวตอนกลางคืน กลางวันมีแม่มาช่วย เรารู้สึกเหมือนเป็น ซิ้งเกิ้ลมัม ทำทุกอย่างคนเดียว งานบ้านเค้าก็ช่วยน้อยมาก บ้านรกก็บ่นทำไมเป็นแบบนี้แบบนั้นละ แต่ไม่คิดจะช่วยอะไร เค้าบอกเค้าช่วยนอกบ้าน คือแค่เก็บขยะ กับจ้างคนมาตัดหญ้า ซึ่งงานในบ้านเยอะกว่าเยอะนะ เราก็เลิกบ่นละ คิดว่าช่างมัน แต่ที่หนักคือเวลาลูกป่วย แล้วเค้ามีแบบต้องไปค้างคืนบ้านแม่เค้าที่ต่างจังหวัดเพราะต้องกินข้าววันเกิดแม่ ทั้งที่เราก็ป่วยและลูกก็ป่วย เราไม่กล้ากินยาเพราะกลัวไม่ตื่นมาดูลูก เราต้องอดทน อีกครั้งคือไปงานแต่งงานเพื่อนที่ต่างจังหวัด ลูกป่วยก็ยังจะไป บอกว่าบอกเพื่อนไว้แล้วว่าจะไปเลยต้องไป ล่าสุด ลูกไข้ 38 องศา แต่ก็ต้องไปกินข้าวกับเพื่อนเพราะเพื่อนมาจากต่างจังหวัด กลับมาดึกดื่น หน้าแดงกินเหล้าเมามาก็นอนหลับไม่สนใจช่วยดูแลลูกใดๆ เราก็อดนอนไปสิ ตื่นมาป้อนยาเช็ดตัวลูก ทุก 2-3 ชม 

เราเลยคิดว่า คนที่ไม่ให้ความสำคัญกับเราและลูก ให้ความสำคัญกับคนอื่น เพื่อนและตัวเองมากกว่า คงไม่ควรเก็บไว้เป็นคู่ชีวิตอีกต่อไป เพราะคู่ชีวิตควรเป็นคนที่ร่วมทั้งทุกข์และสุขด้วยกัน แต่นี่เวลาจะนัดไปเที่ยว ไปข้างนอกนี่ว่างตลอด มีเวลาให้เสมอ ถ้าป่วยเมื่อไรก็แล้วแต่ว่าจะว่างหรือเปล่าไม่รู้ เราเลยคิดว่าเราควรจบ หยุดที่สถานะพ่อแม่ของลูกดีกว่าไม๊คะ 

อยากรบกวนขอความคิดเห็นของทุกคนหน่อยค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 38
ผมขอตอบในมุมของผม เรื่องของผม เพราะบางทีเรื่องที่คุณเล่ามามันแค่ส่วนหนึ่งในมุมของคุณ

ของผม ผมรักลูกมาก แต่พอภรรยาคลอดมา เธอตำหนิผมตลอดเวลาทุกเรื่อง ในขณะที่ผมอยากเข้าไปดูแลลูกทุกเรื่อง บางครั้งสบถคำหยาบคายมาจนผมรับไม่ได้  ผมเลยใช้วิธีอยู่ห่างๆแบบห่วงๆ แต่เธอก็มาตำหนิผมอีกเช่นกันว่า ไม่ดูแลลูก ไม่รักลูก ทำไมไม่ช่วยกันบ้าง ฯลฯ

พอคุยด้วยเหตุผล เธอก็อ้างคำว่า "แม่" ตลอดเวลา ซึ่งคำนี้ อยาสิทธิ์มากครับ ผมต้องหลบให้ทุกครั้ง เพราะผมก็เชื่อว่า เธอทุ่มและดูแลลูกจริงๆ เธอไม่รับความคิดเห็น หรือข้อเสนอใดๆจากผมเลยในการเลี้ยงลูก แต่กลับเชื่อตัวเองว่าถูกตลอด หรือ ถ้าเป็นเรื่องเดียวกันผมพูดแต่คนอื่นพูดเช่นกัน เค้าเชื่อคนอื่นมากกว่าผม

ผมบอกตรงว่า ผมก็เครียด อยากหย่าเหมือนกัน เห็นแก่ลูก

ผมรู้สึกว่า เรื่องเล่าของคุณ มีแต่ส่วนของคุณ ไม่มีสามีเลย ผมเลยแชร์ว่า เผื่อจะเป็นลักษณะคลายกัน ว่าทำไมสามีถึงพยายามตีตัวออกห่าง โดยไม่มีสาเหตุ
ความคิดเห็นที่ 13
ในมุมมองพี่ที่แต่งงานแล้วและมีลูกแล้ว
พี่ไม่เคยเสียสละชีวิตตัวเองด้วยการลาออกจากงานแล้วหันมาเป็นแม่ full time พี่ทำงานและส่งลูกไปเนอสเซอรี่ที่เราดูอย่างดีแล้วว่าเลี้ยงลูกเราดี ประมาณเดือนล่ะสองหมื่น พี่เลี้ยง 1 คนต่อเด็ก 1 คน พอพี่มีสังคม ไม่ได้เลี้ยงลูก full time เพราะงั้นชีวิตพี่ไม่ได้มีแค่สามีในโลกแค่คนเดียว พี่ได้แต่งตัวไปทำงาน มีเพื่อนให้คอยระบาย ไม่ทำตัวโทรม สดใสร่างเริงหัวเราะ รายได้ไม่ต้องพึ่งสามี เลิกงานรับลูกกลับบ้านซื้ออาหารมาฝากสามี ถ้าวันไหนงานเลิกดึกโทรบอกสามีให้มารับลูกหรือบอกเนอสเซอรี่ว่าให้พี่เลี้ยงทำ OT

เพราะฉะนั้นน้อง focus แค่สามี ไม่ว่าเค้าจะทำอะไรน้องเลยจับแต่มุมที่น้องไม่ชอบ โกรธอยู่คนเดียว ส่วนสามีของน้องเค้าก็จะอธิบายว่าเค้าทำงานนอกบ้านแล้วเหนื่อยทำไมเค้าจะขอมีความสุขกับการดู โทรศัพท์เล็กๆน้อยๆไม่ได้ ประเด็นคือเค้าเบื่อคุณและลูกรึเปล่าเลยไม่อยากมีส่วนร่วม และอีกประเด็นคือทำไมเค้าถึงเบื่อ คุณทำตัวให้น่ารักเหมือนตอนที่คบกันใหม่ๆรึเปล่า

พี่แนะนำคะกลับไปทำงานสร้างสังคม การเลี้ยงลูกคนเดียวทั้งวันเป็นงานหนัก พี้บอกสามีพี่ว่าพี่ไม่เสียสละลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกนะ เหนื่อยจะตายเลี้ยงทั้งวันทั้งคืน  ลูกเองก็จะไม่ได้ซึ้งหรอกแต่ถ้าตัดอนาคตตัวเอง พออนาคตไม่มีเงินอ่ะลูกโกรธแน่ๆ ว่าถ้าไม่พร้อมจะให้เค้าเกิดมาทำไม ส่วนเรื่องเรียนแน่นอนคะพี่ไม่มีเวลาสอนหนังสือลูกแน่ๆ แต่พี่มีเงินจ้างคุณครูสอนพิเศษ online ตัวต่อตัว ชม.ล่ะ 500 วันล่ะ 2 ชม. ลูกก็ได้คะแนนเต็มทุกวิชา ไปเที่ยวต่างประเทศปีล่ะครั้งพ พี่ไม่เคยเสียใจที่ทำงานแล้วไม่เลี้ยงลูก
ความคิดเห็นที่ 9
เราเคยเหนื่อยคล้ายๆกัน แบบนี้ เราต้องทำทุกอย่าง
ดูแลลูกคนเดียว พ่อของลูกช่วยบ้างแต่น้อยมาก  สมัยลูกเล็กๆ (ทารก ) เลย ร้องไห้ก็หงุดหงิดถามว่า ทำไมลูกร้องไห้
วัยเด็กๆหน่อย ลูกทำเสียงดังก็ รำคาญ ให้ไปรับลูกที่รร ก็บ่น โวยวายว่ารถหน้ารร ติด
เราต้องทำงาน เย็นกลับมาดูลูก กลางคืนก็ต้องจัดการลูกเข้านอน
แถมต้องมาคอย บริการ ทำกับข้าวจัดการซักผ้า ทำงานบ้าน จนเราเบื่อมาก ที่สำคัญคือเรากะลูกมักโดนว่า โดนบ่น โน่นไม่ดี นี่ไม่ดีตลอด
เบื่อที่ต้องมานั่งทะเลาะ เลี้ยงลูกชายคนโตเพิ่มอีกคน
สุดท้าย เราเดินออกมาเอง เลี้ยงลูกคนเดียวสบายดี เราทำงานมีเงินเป็นของตัวเอง เงินเดือนไม่ได้มาก แต่ก็พอใช้จ่ายสำหรับ 2 คนแม่ลูก

ถ้าคิดจะเดินออกมา สิ่งที่ต้องคิดให้มากที่สุด คือ เศรษฐกิจ ความสามารถในการเลี้ยงลูก ถ้าครอบครัวคุณมีเงิน หรือคุณหาเงินเลี้ยงลูกได้
เราว่านะ ชีวิตคนเรานะ สั้น หาความสุขดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 43
ถามพันทิพย์ 99 % จะยุให้หย่าร้างครับ  คนยุไม่ใช่คุณเขาไม่เดือดร้อนกับชีวิตคุณ  ลูกคุณจะเป็นเด็กกำพร้า เขาก็ไม่เดือดร้อนอะไรกับลูกของคุณ  เล่น โซเชี่ยลมันน่ากลัวแบบนี้แหละ

ในชีวิตจริง คุณควรจะพูดคุย ปรึกษาหารือกัน  ทำความเข้าใจกัน  และปรับจูนเข้าหากัน อย่าใช้กรอบคิดว่า เราถูก เขาผิด เพราะ ทุกคนมีพื้นฐานการเติบโตที่ไม่เหมือนกัน ไม่มีใครได้ดังใจเราและเขาไปซะทุกอย่าง  พอมาอยู่ด้วยกันมันก็จะมีความไม่พอใจกันบ้างก็ต้องคุยกัน  นี่แหละคือ ทักษะการมีชีวิตคู่ ไม่ใช่การชั่งน้ำหนักว่า ใครถูก ใครผิด ใครเอาเปรียบใคร แล้วก็ตัดสินใจหย่าร้าง แบบนั้นมันใช้ทำกับงาน กับเพื่อนร่วมงานครับ  ไม่ใช่กับครอบครัวที่มีลูกขึ้นมา โดยที่คุณและเขาต้องร่วมกันดูแลรับผิดชอบอีก 20 ปี  สงสารเด็กอ่ะครับ
ความคิดเห็นที่ 4
ลองไคร่ครวญว่า มีเค้าแล้วมีประโยชน์อะไรกับชีวิตคุณบ้าง ถ้าคำตอบคือไม่มี
ก็เลิกเถอะค่ะ อยู่คนเดียว หรือหาคนใหม่ยังดีซะกว่า

แต่ถ้ายังต้องพึ่งพาเค้าบางอย่าง ก็แค่ทำใจ เลิกรักเค้าแล้วกลับมาวางแผนชีวิตตัวเองก่อนว่าจะพร้อมหย่าตอนไหน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่