ชีวิตของเราก็ไม่ค่อยมีคนที่เราสามารถขอคำปรึกษาได้นะช่วงนี้ แต่ก็เป็นมานานแล้วระยะหนึ่ง เราจึงเคว้งคว้าง เวลามีปัญหา เพราะเราไม่รู้จะปรึกษาใคร #เป็นคนที่มีปัญหาครอบครัวแตกหักตั้งแต่ยังเด็กและไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะมัวทำแต่งาน #เราเศร้าใจนะจุดนี้มาก
#ยาวหน่อยนะเพราะเราเป็นคนที่ จัดการเล่าให้มันกะทัดรัดไม่ค่อยเป็น
#หากพิมพ์ตกอะไรไปก็ขอโทษด้วยนะ
เพิ่งได้งานที่ใหม่ เป็นงาน part time ที่ทำงานเป็นสไตล์ร้านคาเฟ่ และ บาร์ เพิ่งเปิดใหม่เป็นธุรกิจแรกของหัวหน้า
mind set ที่เราตั้งไว้ต่อการทำงานที่นี่คือ เราจะอยู่ไม่นานแต่เราจะตั้งใจทำให้ดีที่สุดในหน้าที่ที่เค้ามอบหมาย เพราะการทำงานที่ก่อนๆก็มีบ้างบทเรียนที่เรารู้สึกไม่ค่อยโอเคเราก็จะจำบทเรียนนั้นไว้ปรับปรุงในปัจจุบันนี้ให้ไม่ผิดพลาดซ้ำอีก แล้วถ้าถึงวันที่เราต้องลาออกเราก็อยากจบด้วยดี เพราะเราแค่อยากมาทำงาน part time และเราก็มีเรียนต่อปีสุดท้ายหลังจากที่เราเรียนจบแล้วจะไปหางานทำตามสายที่เราเรียนมา เราก็เลยมี mind set อีกอย่างเพิ่มคือ เราจะมาตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดจะพยายามไม่ยึดติดกับอะไรให้มากที่สุด และก็จะพยายามไม่ยึดติดกับหัวหน้า แล้วก็จะไม่ได้มาหาแฟนหรือว่าอะไรในร้านอาหารด้วย
หัวหน้าของเรา พวกเค้าจะเป็นกลุ่มแบบครอบครัว ในกลุ่มของหัวหน้ามี พ่อแม่ พี่ชาย คนที่ให้เงินเดือนเราเป็นคู่ผัวเมีย และคนที่เป็นน้องเมีย สรุปคือธุรกิจนี้จัดขึ้นที่บ้านคนเป็นเมีย
เข้ามาทีแรกเราก็รู้จุดอ่อนของตัวเองคือไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง เพราะเรากลัวจะผิดพลาดเหมือนที่ทำงานก่อนๆแต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรแต่เราเป็นคนที่ขี้กลัวก็เลยเป็นคนเอ๋อๆเบลอๆหน่อย เราก็พยายามจะตั้งใจฟังเค้าให้มากที่สุด หัวหน้าให้เราลองทำลาเต้อาร์ตทำเครื่องดื่ม ด้วยความที่ตื่นเต้นเราก็ตัวสั่น เค้าเทนมให้เราน้อยมากมันก็เลยไม่ถนัดมือเราตื่นเต้นเราก็เลยพูดพร่ำๆเบาๆด้วยความกังวลออกไปว่า "ไม่ได้" มี 4 คนที่ไปลองทำงานกันวันแรก มี 2 คนที่เราสังเกตได้ว่าเขาไม่โอเค แต่เขาจะโอเคกับเราและกลับอีกคนหนึ่ง พอเราพูดพร่ำๆกังวลแบบนั้นออกไปเขาก็ให้กำลังใจเราว่าได้อยู่นะ แต่เราก็รู้ตัวว่าเราทำไม่ได้นั่นแหละ แต่เราก็เงียบไว้ก่อน
หลังจากรองานวันแรกหัวหน้าก็บอกว่าติดธุระ ต้องหยุดร้านวันนึงและวันต่อไปพวกเราก็ได้กลับมาทำงานอีก มาทำงานประมาณวันที่2 หัวหน้าเขาก็รับประทานอาหารที่ร้านเปิดใหม่ของเขานั่นแหละ จำลองตัวเองว่าเป็นลูกค้าแล้วให้พวกเราทำงานแบบฝึกฝึกไป มีพนักงาน 3 คน และอีก 3 คนเป็นแม่บ้านที่เรือนเค้ามาช่วย
เราก็บริการไป เสิร์ฟๆไป มีอะไรตำหนิติชมเค้าก็จะพูดเลยเพราะว่ามีแต่คนในครอบครัวกันเองและเพื่อนสนิทประมาณ 2-3 คนเท่านั้น เราก็สืบให้พ่อแม่เค้าด้วยพ่อแม่เขาก็ทักทายดี เวลาเรามีอะไรที่ทำไม่ถูกตามหลักการสากลพวกเค้าก็จะแนะนำด้วยคำพูดที่ดีที่เหมาะสมทำให้เรารู้สึกไม่กลัวไม่อึดอัด เมื่อทำตามที่เขาสอนได้เขาก็ชมเราว่าเราเก่ง เราก็ยิ้มตอบรับไปตามมารยาท แต่เรามีความรู้สึกแปลกๆ เพราะคนที่เป็นพี่ชายเค้าจะพูดเหมือนพยายามส่งซิกอะไรให้เรา เราก็ไม่เข้าใจ แต่เค้าจะแนะนำเราดี และอีกอย่างเราเห็นมีผู้หญิงมาหาเค้าด้วย กินข้าวด้วยกันด้วย คงจะเป็นแฟนเค้ามั้ง แต่ก็ดูเหมือนจะคบกันพึ่งไม่นาน เพราะเห็นแม่เขาถามชื่อ และก็เรียกชื่อเค้าไม่ถูก
หลังจากจบคืนวันที่มาทำงานวันที่ 2 วันที่พวกเค้าจำลองเป็นแขก ต่อมาวันที่ 3 แม่เขาก็เรียกพวกเรามาประชุมเพื่อที่จะได้บอกว่าเราควรปรับปรุงอะไรบ้างหลังจากจบการทำงานคืนวันที่ 2 เค้าก็เรียกทุกคนให้มาพร้อมหน้าเพื่อที่จะได้ฟังพร้อมกัน แต่เราอยู่ในห้องครัวเค้าก็เลยส่งเสียงเรียกเรา แต่การเรียกของเขามันแปลก เขาเรียกเราว่า "มานี่สิเด็กคนนั้นลูกชายฉันสนใจเธอ" พอได้ยินคำนี้เรารู้สึกตกใจและแปลกใจอย่างบอกไม่ถูก ก็เราไม่ได้มาหาแฟนนี่น่าเรามาทำงาน เราก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง เพราะว่าเราคิดว่าเค้ามีแฟนแล้ว และพวกเขาก็เป็นถึงนักธุรกิจที่มีธุรกิจหลายๆตัว ส่วนเราเป็นพนักงานเด็กเสิร์ฟต๊อกแต๊กคนนึง ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ 2-3 วัน
และก็มีพี่ที่เป็นผู้จัดการร้าน บอกกับเราว่าหัวหน้าชมเราว่า "เราตั้งใจทำงานดีขยันทำงานเร็ว"เราก็ไม่อยากให้ใจฟูเกินไป เราก็เลยตอบพี่เขาไปตามตรงว่า "แต่หนูมีข้อเสียคือหนูจะเป็นคนช้าๆเออๆหน่อยนะมีอะไรก็แนะนำนะ"
ความคิดในหัวของเรา นี่เค้าคิดจะเล่นเกมลองใจอะไรกับเราอ่ะ คนที่เพิ่งเจอกัน 2-3 วันนี่มาบอกสนใจกันแล้วหรอ ตอนนั้นก็ไม่มีใครให้ปรึกษาอะไรเพราะอยู่ในที่ทำงานต่างคนก็ต่างตัวคนเดียวพึ่งมาเหมือนกัน เราสุดงง ณ ตอนนั้นและทำตัวไม่ค่อยถูก เราก็เลยคิดในใจว่าทำตัวนิ่งๆเฉยๆไปก่อนทำตามหน้าที่เราไป ไม่ต้องพูดอะไรให้มากพยายามเงียบและฟังให้มากที่สุด เราก็ไม่กล้ามองลูกชายเค้ามากนัก เกือบจะไม่มองเลยเพราะเราทำตัวไม่ถูก ที่กลัวสุดก็คือเค้ามีผู้หญิงข้างๆแล้วมาบอกสนใจเรานี่แหละ
วันต่อมาวันที่ 4 พอถึงที่ทำงานปุ๊บเราก็มาจัดแจงความเรียบร้อยของร้าน เราทำความสะอาดล่วงหน้ากับเพื่อนที่ทำงาน มีผู้ชายคนหนึ่ง มีผู้หญิง 2 คนกับเรา
หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้วก็มานั่งพับทิชชู พี่พ/งผู้หญิงอีกคนเป็นเหมือนผู้จัดการร้านที่ต้องทำทุกอย่างในช่วงแรกๆจนกว่าที่ร้านจะลงตัว เค้าเลยไปทำอย่างอื่นไม่มานั่งพับทิชชู่ ก็เหลือแต่เรากับเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชายที่นั่งพับทิชชูอยู่โต๊ะเดียวกันหันหน้าเข้าหากัน แต่อยู่ๆก็ มีเสียง ไอ อะแฮ่ม! อะแฮ่ม! จากลูกชายเค้า เราก็เลยแปลกใจเหมือนเค้าตั้งใจหันหน้ามาทางเรา (เราก็เผื่อว่าเราจะคิดไปเองด้วยแหละ แอบคิดในแง่ร้ายด้วย คิดว่าเค้าจะแกล้งเอาใจเพื่อให้เราทำงานให้เค้าได้เก่ง) แต่เราก็ลุกขึ้นไปทำอย่างอื่นเพราะพับทิชชูก็พอดีใกล้เสร็จก็เลยให้น้องผู้ชายทำต่อ
หัวหน้าคนที่เป็นลูกชาย เค้าชอบเรียกใช้งานแล้วนะ ด้วยความที่เราไม่มีใครให้ระบายปรึกษา มันก็เลยมีอะไรค้างคาในใจ แต่ก็ทำตามหน้าที่ไปสีหน้าก็คงจะออกมานิดนึงเพราะแก้ไขสถานการณ์ต่อหน้าไม่ค่อยเก่ง
เราแปลกใจกับสถานการณ์แบบนี้มาก เพิ่งมาทำงานไม่กี่วัน ก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
วันต่อมาวันที่ 5 หัวหน้าได้แจ้งล่วงหน้าไว้แล้วว่า จะมีแขกคนรู้จักมาประมาณ 8 โต๊ะ ให้พวกเรามาเร็วกว่าเวลาทำงานแล้วจะเพิ่ม OT ให้ และก็พากันเตรียมตัวให้ดี แต่เราก็ยังมีความกังวลเพราะเราทำตัวไม่ถูกที่ลูกชายหัวหน้าแสดงออกอย่างนั้น
เราก็ทำงานตามหน้าที่ของเราไป แล้ววันนั้นก็มี OT จนถึงเที่ยงคืน
วันนี้ผู้หญิงของเค้ามาด้วย แต่คนที่เป็นลูกชายไม่มาหาผู้หญิงของเค้า และเราก็ได้ยินแม่เค้าพูดว่า ขอไม่มานั่งกับเพื่อนๆที่กินเหล้าได้ไหม เพราะช่วงนี้เขาดื่มติดกันหลายวันเค้าเหนื่อยเค้าอยากพักผ่อน แม่ของเค้าก็เลยตอบไปว่า อดทนฝืนมาหน่อยนิดนึง เพราะเพิ่งเปิดธุรกิจใหม่เราต้องเอาใจลูกค้า แต่เขาก็ยังไม่มาแต่หัวค่ำ ปล่อยให้ผู้หญิงของเค้ารอ แล้วผู้หญิงของเค้าก็ออกไปข้างนอกประมาณ 2 ชั่วโมง ไปหาเค้าหรือไปที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ได้ยินแม่ของเขาพูดว่าไปหาลูกชายเขานั่นแหละ หลังจากนั้นเริ่มจะดึกก็เห็นพี่ผู้ชายโผล่หน้ามา แล้วก็มาพร้อมกับผู้หญิงของเค้าด้วย และพวกเขาก็แยกกันดื่มคนละโต๊ะและก็ไปมาหาสู่กับเพื่อนบนโต๊ะนั่นแหละ
เมื่อพวกเค้าเมา ก็เหมือนจะมีกลุ่มผู้ชายเพื่อนของลูกชายเจ้าของร้านช่วยกันส่งสัญญาณให้เราสักอย่าง ประมาณมีคนชมเราว่า"สวย"
แต่เราหน้าตาธรรมดา เราคิดในใจว่าเล่นเกมอะไรอีกแล้ว) ใช่ลูกชายของเค้าพูดไหมเราก็มองไม่ทัน เพราะว่าเราต้องเก็บโต๊ะตั้งเยอะต้องล้างแก้วด้วย หลังจากที่ได้ยินคำนั้นก็มีอีกคำแทรกขึ้นมาว่า "สวยแล้วหรอเนี่ย แบบนี้เรียกว่าสวยหรอ" (เออไอ้เราก็คิดว่าถ้าหากเค้าส่งสัญญาณให้เรา เราก็เลยคิดไปเองว่าคนเราก็มองกันคนละแบบและอีกคนก็มองแบบนึง อีกแง่มุมเราก็คิดว่า หรือเค้าพูดให้ผู้หญิงคนอื่นที่ดื่มเหล้าด้วยกัน)
และผู้ชายอีกคนก็ตอบว่า"สวยลึกๆนะ" และอีกคนก็ตอบกลับมาว่า "คนเราก็ชมไปอย่างนั้นแหละเขาก็พูดหยอกๆไปอย่างนั้นแหละ (ไอ้เราก็คิดในใจว่า "อ๋อ!! นี่เขากำลังมอบบทเรียนอะไรให้เราหรือเปล่าเนี่ย เรามาทำงานแบบนี้เค้ากำลังจะเตือนให้เราอย่าไปหลงเชื่อในคำพูดของเพศตรงข้ามง่ายๆ ใช่มั้ย?!) เทคนิคการลองใจอะไรเค้าว่ะ ทำให้เรางงตั้งหลายวัน (ยอมรับเลยนะว่าเราไปจินตนาการพิจารณาเผื่อไว้หลายๆแบบ เพราะเราไม่มีใครให้ปรึกษานี่แหละ ที่บอกว่าจินตนาการพิจารณาไว้ก็เรื่องการวางตัวนี่แหละ และที่พึ่งมาลงพันทิปวันนี้ก็เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลาเพราะว่าเราต้องไปดูแลญาติที่โรงพยาบาลตอนกลางวัน)
หากเค้าเป็นอย่างที่เราคาดเดาว่า เค้าแค่ลองใจเราแบบนั้น ก็ดี เราจะได้ทำตามหน้าที่ไป ไม่ต้องคิดอะไรเพิ่มเรื่องการวางตัว แต่เราจะคิดหรือคาดเดาถูกหรือไม่ก็ขอให้เพื่อนๆใน pantip ช่วยแนะนำเราหน่อยนะ
และก็วันล่าสุดก็คือเมื่อคืนนี้ เค้าก็วางตัวเหมือนหัวหน้ากับลูกน้องทั่วไปกับเรานั่นแหละ แต่เขาจะชินกับการเรียกเราไปใช้งานมากกว่าพนักงานที่เป็นผู้ชาย ส่วนพี่ผู้ชายคู่ผัวเมียที่เป็นหัวหน้าจ่ายเงินเดือนให้เรา เค้าจะชอบใช้งานพนักงานที่เป็นผู้ชายมากกว่าเรา (เราสังเกตดูการกระทำหัวหน้าและเราก็คิดในใจว่า คงจบหมากเกมของเค้าแล้วสินะ) ส่วนไอ้เราผู้ที่ตามเกมไม่ทันก็ หาทางปรับตัวล่ะสิทีนี้ กลัวเสียเปรียบด้วย กลัวตัวเองไปหลงยึดติดเขาแทบตาย แค่ติดตรงที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันนี้แหละ อีกอย่างก็จิตตกนิดนึง กลัวเขาจะคิดว่าเราหยิ่งที่ไม่สนใจเขาที่เขามีพร้อมทุกอย่าง หากว่าเขาสนใจเราจริงๆ หลังจากที่ทำโอทีเมื่อคืนนี้จบ หัวหน้าเลี้ยงเหล้าพวกเราด้วย และก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย และพี่ผู้ชายเค้าจะกลับบ้าน เดินผ่านพวกเราผู้จัดการก็เรียกเขามาชนแก้วเขาก็มาชวนด้วยยืนคุยกันแป๊บนึงแล้วเค้าก็ไป
อีกทีนะที่จะขอให้เพื่อนๆ pantip ช่วยแนะนำเราอีกก็คือ เราจะอยู่ยังไงกับที่ทำงานนี้ต่อไปเรากลัว แต่อีกอย่างเราก็ไม่อยากย้ายที่ทำงานอีกแล้วเราย้ายมาหลายที่แล้ว ที่บอกว่ายายมาหลายที่เพราะเราอยากหาประสบการณ์ไงเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย และก็ได้บทเรียนมากเลย แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ฉลาดพอ ที่จะคิดและตัดสินใจคนเดียว จึงมาขอความช่วยเหลือที่ pantip
หากเราต้องได้ย้ายที่ทำงานออกจากที่นี่จริงๆ เราจะคุยกับเค้าว่ายังไงเพื่อให้มันจบลงด้วยดี อีกสิ่งที่เรากลัวก็คือการจบไม่สวย
#ที่เราพิมพ์มาเยอะมากเลย หากมีใครมาตอบก็ขอขอบคุณล่วงหน้ามากๆนะ
ขอคำแนะนำทีค่ะ หัวหน้าที่ทำงานใหม่ เค้าคิดจะลองใจอะไรเราหรือเปล่า เราเป็นคนตามเกมส์คนไม่ค่อยทัน ตอนนี้งงๆ?
#ยาวหน่อยนะเพราะเราเป็นคนที่ จัดการเล่าให้มันกะทัดรัดไม่ค่อยเป็น
#หากพิมพ์ตกอะไรไปก็ขอโทษด้วยนะ
เพิ่งได้งานที่ใหม่ เป็นงาน part time ที่ทำงานเป็นสไตล์ร้านคาเฟ่ และ บาร์ เพิ่งเปิดใหม่เป็นธุรกิจแรกของหัวหน้า
mind set ที่เราตั้งไว้ต่อการทำงานที่นี่คือ เราจะอยู่ไม่นานแต่เราจะตั้งใจทำให้ดีที่สุดในหน้าที่ที่เค้ามอบหมาย เพราะการทำงานที่ก่อนๆก็มีบ้างบทเรียนที่เรารู้สึกไม่ค่อยโอเคเราก็จะจำบทเรียนนั้นไว้ปรับปรุงในปัจจุบันนี้ให้ไม่ผิดพลาดซ้ำอีก แล้วถ้าถึงวันที่เราต้องลาออกเราก็อยากจบด้วยดี เพราะเราแค่อยากมาทำงาน part time และเราก็มีเรียนต่อปีสุดท้ายหลังจากที่เราเรียนจบแล้วจะไปหางานทำตามสายที่เราเรียนมา เราก็เลยมี mind set อีกอย่างเพิ่มคือ เราจะมาตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดจะพยายามไม่ยึดติดกับอะไรให้มากที่สุด และก็จะพยายามไม่ยึดติดกับหัวหน้า แล้วก็จะไม่ได้มาหาแฟนหรือว่าอะไรในร้านอาหารด้วย
หัวหน้าของเรา พวกเค้าจะเป็นกลุ่มแบบครอบครัว ในกลุ่มของหัวหน้ามี พ่อแม่ พี่ชาย คนที่ให้เงินเดือนเราเป็นคู่ผัวเมีย และคนที่เป็นน้องเมีย สรุปคือธุรกิจนี้จัดขึ้นที่บ้านคนเป็นเมีย
เข้ามาทีแรกเราก็รู้จุดอ่อนของตัวเองคือไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง เพราะเรากลัวจะผิดพลาดเหมือนที่ทำงานก่อนๆแต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรแต่เราเป็นคนที่ขี้กลัวก็เลยเป็นคนเอ๋อๆเบลอๆหน่อย เราก็พยายามจะตั้งใจฟังเค้าให้มากที่สุด หัวหน้าให้เราลองทำลาเต้อาร์ตทำเครื่องดื่ม ด้วยความที่ตื่นเต้นเราก็ตัวสั่น เค้าเทนมให้เราน้อยมากมันก็เลยไม่ถนัดมือเราตื่นเต้นเราก็เลยพูดพร่ำๆเบาๆด้วยความกังวลออกไปว่า "ไม่ได้" มี 4 คนที่ไปลองทำงานกันวันแรก มี 2 คนที่เราสังเกตได้ว่าเขาไม่โอเค แต่เขาจะโอเคกับเราและกลับอีกคนหนึ่ง พอเราพูดพร่ำๆกังวลแบบนั้นออกไปเขาก็ให้กำลังใจเราว่าได้อยู่นะ แต่เราก็รู้ตัวว่าเราทำไม่ได้นั่นแหละ แต่เราก็เงียบไว้ก่อน
หลังจากรองานวันแรกหัวหน้าก็บอกว่าติดธุระ ต้องหยุดร้านวันนึงและวันต่อไปพวกเราก็ได้กลับมาทำงานอีก มาทำงานประมาณวันที่2 หัวหน้าเขาก็รับประทานอาหารที่ร้านเปิดใหม่ของเขานั่นแหละ จำลองตัวเองว่าเป็นลูกค้าแล้วให้พวกเราทำงานแบบฝึกฝึกไป มีพนักงาน 3 คน และอีก 3 คนเป็นแม่บ้านที่เรือนเค้ามาช่วย
เราก็บริการไป เสิร์ฟๆไป มีอะไรตำหนิติชมเค้าก็จะพูดเลยเพราะว่ามีแต่คนในครอบครัวกันเองและเพื่อนสนิทประมาณ 2-3 คนเท่านั้น เราก็สืบให้พ่อแม่เค้าด้วยพ่อแม่เขาก็ทักทายดี เวลาเรามีอะไรที่ทำไม่ถูกตามหลักการสากลพวกเค้าก็จะแนะนำด้วยคำพูดที่ดีที่เหมาะสมทำให้เรารู้สึกไม่กลัวไม่อึดอัด เมื่อทำตามที่เขาสอนได้เขาก็ชมเราว่าเราเก่ง เราก็ยิ้มตอบรับไปตามมารยาท แต่เรามีความรู้สึกแปลกๆ เพราะคนที่เป็นพี่ชายเค้าจะพูดเหมือนพยายามส่งซิกอะไรให้เรา เราก็ไม่เข้าใจ แต่เค้าจะแนะนำเราดี และอีกอย่างเราเห็นมีผู้หญิงมาหาเค้าด้วย กินข้าวด้วยกันด้วย คงจะเป็นแฟนเค้ามั้ง แต่ก็ดูเหมือนจะคบกันพึ่งไม่นาน เพราะเห็นแม่เขาถามชื่อ และก็เรียกชื่อเค้าไม่ถูก
หลังจากจบคืนวันที่มาทำงานวันที่ 2 วันที่พวกเค้าจำลองเป็นแขก ต่อมาวันที่ 3 แม่เขาก็เรียกพวกเรามาประชุมเพื่อที่จะได้บอกว่าเราควรปรับปรุงอะไรบ้างหลังจากจบการทำงานคืนวันที่ 2 เค้าก็เรียกทุกคนให้มาพร้อมหน้าเพื่อที่จะได้ฟังพร้อมกัน แต่เราอยู่ในห้องครัวเค้าก็เลยส่งเสียงเรียกเรา แต่การเรียกของเขามันแปลก เขาเรียกเราว่า "มานี่สิเด็กคนนั้นลูกชายฉันสนใจเธอ" พอได้ยินคำนี้เรารู้สึกตกใจและแปลกใจอย่างบอกไม่ถูก ก็เราไม่ได้มาหาแฟนนี่น่าเรามาทำงาน เราก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง เพราะว่าเราคิดว่าเค้ามีแฟนแล้ว และพวกเขาก็เป็นถึงนักธุรกิจที่มีธุรกิจหลายๆตัว ส่วนเราเป็นพนักงานเด็กเสิร์ฟต๊อกแต๊กคนนึง ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ 2-3 วัน
และก็มีพี่ที่เป็นผู้จัดการร้าน บอกกับเราว่าหัวหน้าชมเราว่า "เราตั้งใจทำงานดีขยันทำงานเร็ว"เราก็ไม่อยากให้ใจฟูเกินไป เราก็เลยตอบพี่เขาไปตามตรงว่า "แต่หนูมีข้อเสียคือหนูจะเป็นคนช้าๆเออๆหน่อยนะมีอะไรก็แนะนำนะ"
ความคิดในหัวของเรา นี่เค้าคิดจะเล่นเกมลองใจอะไรกับเราอ่ะ คนที่เพิ่งเจอกัน 2-3 วันนี่มาบอกสนใจกันแล้วหรอ ตอนนั้นก็ไม่มีใครให้ปรึกษาอะไรเพราะอยู่ในที่ทำงานต่างคนก็ต่างตัวคนเดียวพึ่งมาเหมือนกัน เราสุดงง ณ ตอนนั้นและทำตัวไม่ค่อยถูก เราก็เลยคิดในใจว่าทำตัวนิ่งๆเฉยๆไปก่อนทำตามหน้าที่เราไป ไม่ต้องพูดอะไรให้มากพยายามเงียบและฟังให้มากที่สุด เราก็ไม่กล้ามองลูกชายเค้ามากนัก เกือบจะไม่มองเลยเพราะเราทำตัวไม่ถูก ที่กลัวสุดก็คือเค้ามีผู้หญิงข้างๆแล้วมาบอกสนใจเรานี่แหละ
วันต่อมาวันที่ 4 พอถึงที่ทำงานปุ๊บเราก็มาจัดแจงความเรียบร้อยของร้าน เราทำความสะอาดล่วงหน้ากับเพื่อนที่ทำงาน มีผู้ชายคนหนึ่ง มีผู้หญิง 2 คนกับเรา
หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้วก็มานั่งพับทิชชู พี่พ/งผู้หญิงอีกคนเป็นเหมือนผู้จัดการร้านที่ต้องทำทุกอย่างในช่วงแรกๆจนกว่าที่ร้านจะลงตัว เค้าเลยไปทำอย่างอื่นไม่มานั่งพับทิชชู่ ก็เหลือแต่เรากับเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชายที่นั่งพับทิชชูอยู่โต๊ะเดียวกันหันหน้าเข้าหากัน แต่อยู่ๆก็ มีเสียง ไอ อะแฮ่ม! อะแฮ่ม! จากลูกชายเค้า เราก็เลยแปลกใจเหมือนเค้าตั้งใจหันหน้ามาทางเรา (เราก็เผื่อว่าเราจะคิดไปเองด้วยแหละ แอบคิดในแง่ร้ายด้วย คิดว่าเค้าจะแกล้งเอาใจเพื่อให้เราทำงานให้เค้าได้เก่ง) แต่เราก็ลุกขึ้นไปทำอย่างอื่นเพราะพับทิชชูก็พอดีใกล้เสร็จก็เลยให้น้องผู้ชายทำต่อ
หัวหน้าคนที่เป็นลูกชาย เค้าชอบเรียกใช้งานแล้วนะ ด้วยความที่เราไม่มีใครให้ระบายปรึกษา มันก็เลยมีอะไรค้างคาในใจ แต่ก็ทำตามหน้าที่ไปสีหน้าก็คงจะออกมานิดนึงเพราะแก้ไขสถานการณ์ต่อหน้าไม่ค่อยเก่ง
เราแปลกใจกับสถานการณ์แบบนี้มาก เพิ่งมาทำงานไม่กี่วัน ก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
วันต่อมาวันที่ 5 หัวหน้าได้แจ้งล่วงหน้าไว้แล้วว่า จะมีแขกคนรู้จักมาประมาณ 8 โต๊ะ ให้พวกเรามาเร็วกว่าเวลาทำงานแล้วจะเพิ่ม OT ให้ และก็พากันเตรียมตัวให้ดี แต่เราก็ยังมีความกังวลเพราะเราทำตัวไม่ถูกที่ลูกชายหัวหน้าแสดงออกอย่างนั้น
เราก็ทำงานตามหน้าที่ของเราไป แล้ววันนั้นก็มี OT จนถึงเที่ยงคืน
วันนี้ผู้หญิงของเค้ามาด้วย แต่คนที่เป็นลูกชายไม่มาหาผู้หญิงของเค้า และเราก็ได้ยินแม่เค้าพูดว่า ขอไม่มานั่งกับเพื่อนๆที่กินเหล้าได้ไหม เพราะช่วงนี้เขาดื่มติดกันหลายวันเค้าเหนื่อยเค้าอยากพักผ่อน แม่ของเค้าก็เลยตอบไปว่า อดทนฝืนมาหน่อยนิดนึง เพราะเพิ่งเปิดธุรกิจใหม่เราต้องเอาใจลูกค้า แต่เขาก็ยังไม่มาแต่หัวค่ำ ปล่อยให้ผู้หญิงของเค้ารอ แล้วผู้หญิงของเค้าก็ออกไปข้างนอกประมาณ 2 ชั่วโมง ไปหาเค้าหรือไปที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ได้ยินแม่ของเขาพูดว่าไปหาลูกชายเขานั่นแหละ หลังจากนั้นเริ่มจะดึกก็เห็นพี่ผู้ชายโผล่หน้ามา แล้วก็มาพร้อมกับผู้หญิงของเค้าด้วย และพวกเขาก็แยกกันดื่มคนละโต๊ะและก็ไปมาหาสู่กับเพื่อนบนโต๊ะนั่นแหละ
เมื่อพวกเค้าเมา ก็เหมือนจะมีกลุ่มผู้ชายเพื่อนของลูกชายเจ้าของร้านช่วยกันส่งสัญญาณให้เราสักอย่าง ประมาณมีคนชมเราว่า"สวย"แต่เราหน้าตาธรรมดา เราคิดในใจว่าเล่นเกมอะไรอีกแล้ว) ใช่ลูกชายของเค้าพูดไหมเราก็มองไม่ทัน เพราะว่าเราต้องเก็บโต๊ะตั้งเยอะต้องล้างแก้วด้วย หลังจากที่ได้ยินคำนั้นก็มีอีกคำแทรกขึ้นมาว่า "สวยแล้วหรอเนี่ย แบบนี้เรียกว่าสวยหรอ" (เออไอ้เราก็คิดว่าถ้าหากเค้าส่งสัญญาณให้เรา เราก็เลยคิดไปเองว่าคนเราก็มองกันคนละแบบและอีกคนก็มองแบบนึง อีกแง่มุมเราก็คิดว่า หรือเค้าพูดให้ผู้หญิงคนอื่นที่ดื่มเหล้าด้วยกัน)
และผู้ชายอีกคนก็ตอบว่า"สวยลึกๆนะ" และอีกคนก็ตอบกลับมาว่า "คนเราก็ชมไปอย่างนั้นแหละเขาก็พูดหยอกๆไปอย่างนั้นแหละ (ไอ้เราก็คิดในใจว่า "อ๋อ!! นี่เขากำลังมอบบทเรียนอะไรให้เราหรือเปล่าเนี่ย เรามาทำงานแบบนี้เค้ากำลังจะเตือนให้เราอย่าไปหลงเชื่อในคำพูดของเพศตรงข้ามง่ายๆ ใช่มั้ย?!) เทคนิคการลองใจอะไรเค้าว่ะ ทำให้เรางงตั้งหลายวัน (ยอมรับเลยนะว่าเราไปจินตนาการพิจารณาเผื่อไว้หลายๆแบบ เพราะเราไม่มีใครให้ปรึกษานี่แหละ ที่บอกว่าจินตนาการพิจารณาไว้ก็เรื่องการวางตัวนี่แหละ และที่พึ่งมาลงพันทิปวันนี้ก็เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลาเพราะว่าเราต้องไปดูแลญาติที่โรงพยาบาลตอนกลางวัน)
หากเค้าเป็นอย่างที่เราคาดเดาว่า เค้าแค่ลองใจเราแบบนั้น ก็ดี เราจะได้ทำตามหน้าที่ไป ไม่ต้องคิดอะไรเพิ่มเรื่องการวางตัว แต่เราจะคิดหรือคาดเดาถูกหรือไม่ก็ขอให้เพื่อนๆใน pantip ช่วยแนะนำเราหน่อยนะ
และก็วันล่าสุดก็คือเมื่อคืนนี้ เค้าก็วางตัวเหมือนหัวหน้ากับลูกน้องทั่วไปกับเรานั่นแหละ แต่เขาจะชินกับการเรียกเราไปใช้งานมากกว่าพนักงานที่เป็นผู้ชาย ส่วนพี่ผู้ชายคู่ผัวเมียที่เป็นหัวหน้าจ่ายเงินเดือนให้เรา เค้าจะชอบใช้งานพนักงานที่เป็นผู้ชายมากกว่าเรา (เราสังเกตดูการกระทำหัวหน้าและเราก็คิดในใจว่า คงจบหมากเกมของเค้าแล้วสินะ) ส่วนไอ้เราผู้ที่ตามเกมไม่ทันก็ หาทางปรับตัวล่ะสิทีนี้ กลัวเสียเปรียบด้วย กลัวตัวเองไปหลงยึดติดเขาแทบตาย แค่ติดตรงที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันนี้แหละ อีกอย่างก็จิตตกนิดนึง กลัวเขาจะคิดว่าเราหยิ่งที่ไม่สนใจเขาที่เขามีพร้อมทุกอย่าง หากว่าเขาสนใจเราจริงๆ หลังจากที่ทำโอทีเมื่อคืนนี้จบ หัวหน้าเลี้ยงเหล้าพวกเราด้วย และก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย และพี่ผู้ชายเค้าจะกลับบ้าน เดินผ่านพวกเราผู้จัดการก็เรียกเขามาชนแก้วเขาก็มาชวนด้วยยืนคุยกันแป๊บนึงแล้วเค้าก็ไป
อีกทีนะที่จะขอให้เพื่อนๆ pantip ช่วยแนะนำเราอีกก็คือ เราจะอยู่ยังไงกับที่ทำงานนี้ต่อไปเรากลัว แต่อีกอย่างเราก็ไม่อยากย้ายที่ทำงานอีกแล้วเราย้ายมาหลายที่แล้ว ที่บอกว่ายายมาหลายที่เพราะเราอยากหาประสบการณ์ไงเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย และก็ได้บทเรียนมากเลย แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ฉลาดพอ ที่จะคิดและตัดสินใจคนเดียว จึงมาขอความช่วยเหลือที่ pantip
หากเราต้องได้ย้ายที่ทำงานออกจากที่นี่จริงๆ เราจะคุยกับเค้าว่ายังไงเพื่อให้มันจบลงด้วยดี อีกสิ่งที่เรากลัวก็คือการจบไม่สวย
#ที่เราพิมพ์มาเยอะมากเลย หากมีใครมาตอบก็ขอขอบคุณล่วงหน้ามากๆนะ