จบไปอีกหนึ่ง! ผู้ตรวจการแผ่นดินยุติสอบปม มติ ครม.ให้ต่างชาติถือครองที่ดิน
ผู้ตรวจการแผ่นดินยุติสอบปมต่างชาติถือครองที่ดินหลัง ครม.ยอมถอย ชี้ไม่เข้าเกณฑ์รับเป็นเรื่องร้องเรียน
10 พ.ย.2565 - นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวถึงคำร้องเรียนให้ตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีร่างกฎกระทรวงให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดินว่า กรณีนี้เป็นเพียงมติ ครม.ยังไม่มีการออกเป็นกฎหมายมาบังคับใช้ ก็มีแนวโน้มว่าผู้ตรวจการแผ่นดินจะไม่รับไว้วินิจฉัย ไม่ได้ส่งต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะไม่เข้าเงื่อนไข
เมื่อถามว่าเมื่อ ครม.มีการถอนร่างกฎกระทรวงการให้ต่างชาติถือครองที่ดินออกแล้วทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีการตรวจสอบหรือไม่ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินระบุว่า คงต้องมีการยุติเรื่อง เมื่อเหตุแห่งคำร้องไม่มี เรื่องนี้ก็ไม่เข้าเงื่อนไขเพียงพอที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะรับไว้พิจารณา และเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งทาง ครม.ก็ระบุจะนำเรื่องนี้กลับไปทบทวนอีกครั้ง ก็ต้องรอดูก่อน หากมีการทบทวนและประกาศใช้แล้วเกิดผลกระทบก็จะเข้าเงื่อนไขที่จะพิจารณาส่งไปให้ศาลปกครองให้ดำเนินการต่อไป เนื่องจากกฎกระทรวงมีศักดิ์ต่ำกว่าพระราชบัญญัติ
"ข้อกฎหมายและข้อร้องเรียนที่จะส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ กฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องเป็นกรณีบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่ในกรณีนี้ยังเป็นเพียงแค่มติ ครม.ยังไม่นำไปสู่การออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขที่จะรับได้ ก็คือจะไม่ได้รับเรื่อง ไม่ได้ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่เข้าเงื่อนไข"นายสมศักดิ์กล่าว
ทักษิณขายชาติขายแผ่นดิน โดนที่เจ้าแม็กก็รู้ดี งุบงิบๆกันไป มาเปิดเผยในยุคลุงตู่นี่เองค่ะ
ขายไป 8ราย ขายแบบไม่มีข้อแม้ นอกจากเงิน 40 ล้าน เวลา 5ปี เจ้าพ่อเจ้าแม่ ใครก็ได้มาซื้อที่จากคนไทย หวังเอาปริมาณ ไม่เอาคุณภาพ ยุคนั้นประเทศไทยคงไม่น่าอยู่ เลยมีมาซื้อแค่ ราย
ลุงตู่ท่านคงไม่เอาด้วยแล้วเพราะเศรษฐกิจดีขึ้นกว่าจะเอามาตรการนี้มาใช้
ศก.ส่งสัญญาณฟื้นพ้นวิกฤติโควิด ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคต.ค.ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 สูงสุดรอบ 10 เดือน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 46.1 จากเดือนก.ย.65 อยู่ที่ระดับ 44.6 โดยดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และสูงสุดในรอบ 10 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 40.0 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 43.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 54.8
สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลต่อดัชนีฯ ในเดือนก.ย. ได้แก่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19, ครม.เห็นชอบการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ โดยจะมีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.65, การส่งออกเดือนก.ย.ขยายตัว 7.83% และราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวสูงขึ้น เป็นต้น
ขณะที่ปัจจัยลบได้แก่ ผู้บริโภคยังกังวลว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าที่ยังทรงตัวในระดับสูง, ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด, ความกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น, เงินบาทปรับตัวอ่อนค่า และความกังวลต่อการระบาดของโควิด-19 ที่ยังเกิดขึ้นทั่วประเทศ เป็นต้น
อย่างไรก็ดีการที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับปกติที่ 100 เนื่องจากผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้าจากวิกฤติโควิด-19 อัตราเงินเฟ้อสูง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเข้ามาซ้ำเติม ยิ่งส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้
"การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทุกรายการ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะยังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในระยะต่อไปหรือไม่" นายธนวรรธน์ กล่าว
ทั้งนี้จากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนต.ค.นี้ มีข้อมูลที่พบว่าดัชนีความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์คันใหม่ ซื้อบ้านหลังใหม่ และการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ต่างปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและพร้อมที่จะกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นแล้ว มองว่า ประเทศไทยกำลังหลุดพ้นจากวิกฤติโควิด-19 และเศรษฐกิจไทยกำลังเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 63 ติดลบไปถึง -6.1% และเริ่มขยับเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.6% ในปี 64 ขณะที่ปีนี้ คาดว่า GDP จะขยายตัวได้ 3.3-3.5% ส่วนในปี 66 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5-4%
โดยหากไม่มีเหตุการณ์ใดที่รุนแรงเข้ามาเพิ่มเติมอีก เชื่อว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพ.ย. และธ.ค.จะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ และหากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงท้ายปี เช่น ช้อปดีมีคืน, เราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยมากขึ้น ตลอดจนมีการจัดโปรโมชั่นของห้างร้านต่างๆ ในช่วงถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 จะเป็นอีกแรงที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคในช่วงปลายปีนี้ได้ ซึ่งจะทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะเริ่มดีขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วงกลางปี 66 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 2/66
"ตอนนี้จะเห็นว่าผู้บริโภคพร้อมที่จะกลับมาจับจ่ายใช้สอยแล้ว โดยดูจากดัชนีการซื้อบ้าน ซื้อรถ และการท่องเที่ยว ถ้าเทียบกับปี 2563 แล้ว จะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นกลับขึ้นมาได้ราว 5% จากที่ติดลบในปี 2563 และเชื่อว่าในปีหน้า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราว 3.5-4% ซึ่งจะเทียบเท่ากับช่วงก่อนที่จะเกิดโควิด เราประเมินว่าถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเข้ามาอีก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพ.ย. ธ.ค.จะดีขึ้น และดีขึ้นเด่นชัดในกลางปี 2566W
https://siamrath.co.th/n/398192
ลุงตู่ท่านรอบคอบ ไม่ชัวร์ก็ยังไม่ทำ ปล่อยให้ทักษิณขายชาติไปคนเดียว สม...หน้า แดงสามกีบเลยค่ะ เพราะคือพวกขายชาติตัวจริง
เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น รับการเข้ามาของท่านไตรรงค์ สุวรรณคีรี
ผู้เป็นกูรูด้านเศรษฐกิจ เพื่อช่วยลุงตู่ในการให้คำแนะนำตัดสินใจ ในเมื่อเศรษฐกิจดีลุงก็ไปโลดไม่ต้องใช้มาตรการอื่นมาให้กีบแดงฉวยโอกาสเอาลุงไปขายชาติเหมือนทักษิณ
ลุงมีโอกาสที่ดีตลอดมาอย่างที่ฝั่งกีบแดงไม่สามารถล้มลุงได้
มาลารินหายไปเพราะภารกิจงาน เข้ามาอ่านแว่บๆไม่มีเวลาตั้งกระทู้
หมดภาระกิจที่ยุ่งมากก็กลับมาตามเดิมค่ะ.....
🧡มาลาริน🧡อ้าว!เสียดายจัง..กีบแดงอดด่าลุงตู่เหลือแต่ทักษิณขายชาติอย่างแท้จริง ผู้ตรวจฯยุติการตรวจสอบ ศก.ดีก็ไม่ต้องขาย
ผู้ตรวจการแผ่นดินยุติสอบปมต่างชาติถือครองที่ดินหลัง ครม.ยอมถอย ชี้ไม่เข้าเกณฑ์รับเป็นเรื่องร้องเรียน
10 พ.ย.2565 - นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวถึงคำร้องเรียนให้ตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีร่างกฎกระทรวงให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดินว่า กรณีนี้เป็นเพียงมติ ครม.ยังไม่มีการออกเป็นกฎหมายมาบังคับใช้ ก็มีแนวโน้มว่าผู้ตรวจการแผ่นดินจะไม่รับไว้วินิจฉัย ไม่ได้ส่งต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะไม่เข้าเงื่อนไข
เมื่อถามว่าเมื่อ ครม.มีการถอนร่างกฎกระทรวงการให้ต่างชาติถือครองที่ดินออกแล้วทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีการตรวจสอบหรือไม่ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินระบุว่า คงต้องมีการยุติเรื่อง เมื่อเหตุแห่งคำร้องไม่มี เรื่องนี้ก็ไม่เข้าเงื่อนไขเพียงพอที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะรับไว้พิจารณา และเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งทาง ครม.ก็ระบุจะนำเรื่องนี้กลับไปทบทวนอีกครั้ง ก็ต้องรอดูก่อน หากมีการทบทวนและประกาศใช้แล้วเกิดผลกระทบก็จะเข้าเงื่อนไขที่จะพิจารณาส่งไปให้ศาลปกครองให้ดำเนินการต่อไป เนื่องจากกฎกระทรวงมีศักดิ์ต่ำกว่าพระราชบัญญัติ
"ข้อกฎหมายและข้อร้องเรียนที่จะส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ กฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องเป็นกรณีบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่ในกรณีนี้ยังเป็นเพียงแค่มติ ครม.ยังไม่นำไปสู่การออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขที่จะรับได้ ก็คือจะไม่ได้รับเรื่อง ไม่ได้ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่เข้าเงื่อนไข"นายสมศักดิ์กล่าว
สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลต่อดัชนีฯ ในเดือนก.ย. ได้แก่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19, ครม.เห็นชอบการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ โดยจะมีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.65, การส่งออกเดือนก.ย.ขยายตัว 7.83% และราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวสูงขึ้น เป็นต้น
ขณะที่ปัจจัยลบได้แก่ ผู้บริโภคยังกังวลว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าที่ยังทรงตัวในระดับสูง, ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด, ความกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น, เงินบาทปรับตัวอ่อนค่า และความกังวลต่อการระบาดของโควิด-19 ที่ยังเกิดขึ้นทั่วประเทศ เป็นต้น
อย่างไรก็ดีการที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับปกติที่ 100 เนื่องจากผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้าจากวิกฤติโควิด-19 อัตราเงินเฟ้อสูง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเข้ามาซ้ำเติม ยิ่งส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้
"การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทุกรายการ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะยังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในระยะต่อไปหรือไม่" นายธนวรรธน์ กล่าว
ทั้งนี้จากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนต.ค.นี้ มีข้อมูลที่พบว่าดัชนีความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์คันใหม่ ซื้อบ้านหลังใหม่ และการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ต่างปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและพร้อมที่จะกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นแล้ว มองว่า ประเทศไทยกำลังหลุดพ้นจากวิกฤติโควิด-19 และเศรษฐกิจไทยกำลังเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 63 ติดลบไปถึง -6.1% และเริ่มขยับเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.6% ในปี 64 ขณะที่ปีนี้ คาดว่า GDP จะขยายตัวได้ 3.3-3.5% ส่วนในปี 66 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5-4%
โดยหากไม่มีเหตุการณ์ใดที่รุนแรงเข้ามาเพิ่มเติมอีก เชื่อว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพ.ย. และธ.ค.จะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ และหากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงท้ายปี เช่น ช้อปดีมีคืน, เราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยมากขึ้น ตลอดจนมีการจัดโปรโมชั่นของห้างร้านต่างๆ ในช่วงถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 จะเป็นอีกแรงที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคในช่วงปลายปีนี้ได้ ซึ่งจะทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะเริ่มดีขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วงกลางปี 66 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 2/66
"ตอนนี้จะเห็นว่าผู้บริโภคพร้อมที่จะกลับมาจับจ่ายใช้สอยแล้ว โดยดูจากดัชนีการซื้อบ้าน ซื้อรถ และการท่องเที่ยว ถ้าเทียบกับปี 2563 แล้ว จะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นกลับขึ้นมาได้ราว 5% จากที่ติดลบในปี 2563 และเชื่อว่าในปีหน้า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราว 3.5-4% ซึ่งจะเทียบเท่ากับช่วงก่อนที่จะเกิดโควิด เราประเมินว่าถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเข้ามาอีก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพ.ย. ธ.ค.จะดีขึ้น และดีขึ้นเด่นชัดในกลางปี 2566W
https://siamrath.co.th/n/398192
ลุงตู่ท่านรอบคอบ ไม่ชัวร์ก็ยังไม่ทำ ปล่อยให้ทักษิณขายชาติไปคนเดียว สม...หน้า แดงสามกีบเลยค่ะ เพราะคือพวกขายชาติตัวจริง
เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น รับการเข้ามาของท่านไตรรงค์ สุวรรณคีรี
ผู้เป็นกูรูด้านเศรษฐกิจ เพื่อช่วยลุงตู่ในการให้คำแนะนำตัดสินใจ ในเมื่อเศรษฐกิจดีลุงก็ไปโลดไม่ต้องใช้มาตรการอื่นมาให้กีบแดงฉวยโอกาสเอาลุงไปขายชาติเหมือนทักษิณ
ลุงมีโอกาสที่ดีตลอดมาอย่างที่ฝั่งกีบแดงไม่สามารถล้มลุงได้
มาลารินหายไปเพราะภารกิจงาน เข้ามาอ่านแว่บๆไม่มีเวลาตั้งกระทู้
หมดภาระกิจที่ยุ่งมากก็กลับมาตามเดิมค่ะ.....