ความเชื่อมั่นต่ำสุดรอบ 15 เดือน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. 58 อยู่ที่ 72.3 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันและเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงเหตุการณ์ระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์, ราคาพืชผลทางการเกษตรทรงตัวในระดับต่ำ, การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นและผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของประเทศจีน แต่คาดว่าในเดือนหน้าความเชื่อมั่นมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นจากประชาชนและนักธุรกิจมีความหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ทั้งนี้หากพิจารณาดัชนีที่แยกย่อยออกมาพบว่า ดัชนีความเหมาะสมในการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในเดือน ส.ค. 58 อยู่ระดับที่ 56.9 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 122 เดือน นับตั้งแต่ทำการสำรวจมาในเดือน ก.ค. 48 เนื่องมาจากปัจจัยของเหตุการณ์ระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย จนมีผลกระทบต่อทางจิตวิทยาเชิงลบต่อการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งสร้างความเสียหายในแง่มูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 70,000 ล้านบาท
ส่วนดัชนีความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์คันใหม่ในเดือน ส.ค. อยู่ที่ระดับ 85 เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 63 เดือน นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 53, ดัชนีความเหมาะสมในการซื้อบ้านหลังใหม่อยู่ระดับ 60 ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน และดัชนีความเหมาะสมในการลงทุนทำธุรกิจของเอสเอ็มอี อยู่ระดับ 42 ต่ำสุดในรอบ 122 เดือน เนื่องจากปัญหาการชะลอตัวของภาคบริโภคและเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องรอดูสถานการณ์ของเศรษฐกิจก่อนที่จะตัดสินใจในการลงทุน ประกอบกับโรงงานจำนวนมากก็ต้องลดกำลังการผลิตเพราะยอดขายสินค้าที่ลดลงมาก
"เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่ผู้บริโภคเกิน 50% มองว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่แย่ลงจากปัญหาเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรที่อยู่ระดับต่ำ แต่ในอนาคตมีการมองว่าเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้วและมีการตอบว่าเศรษฐกิจแย่ลงเพียง 32.8%"
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า แม้ในเดือน ส.ค. จะมีปัจจัยลบมากมาย แต่ประชาชนเริ่มมีความหวังเศรษฐกิจในอนาคตและทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล และคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีผลดัชนีความเชื่อมั่นในดีขึ้นได้ในเดือน ก.ย. นี้ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 136,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเติบโตได้ประมาณ 0.7-1% ซึ่งจะสามารถชดเชยปัญหาเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ที่ทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจเสียหายไป 70,000 ล้านบาท, การปรับลดค่าเงินหยวนและเศรษฐกิจจีนเริ่มมีปัญหากระทบต่อเศรษฐกิจไทย 60,000 ล้านบาท และเรื่องผลกระทบจากภัยแล้งที่ทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจสูญเสียไป 30,000 -40,000 ล้านบาท
"หากรัฐบาลไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เร่งด่วนเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะลดลงจากเดิมอีก 0.7-1% แต่เมื่อมีมาตรการ 136,000 ล้านบาทก็จะช่วยพยุงไม่ให้จีดีพีไทยลดลง แต่คาดว่าอัตรการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะอยู่ในระดับ 2.5-2.9% และคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวเด่นขึ้นในช่วงกลางไตรมาสที่ 4 ของปี แต่หากไม่มีมาตรการ 136,000 แสนล้านบาทอาจทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่า 2.5% แน่นอน
ก็ได้ คนที่เคยเป็นมือขวาของทักษิณมาช่วย เดี๋ยวก็ดีขึ้นครับ
คนที่เคยบอกว่า แพงทั้งแผ่นดิน เศรษฐกิจแย่ ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มาร่วมฟิน ฝันของท่านเป็นจริงแล้วครับ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. 58 อยู่ที่ 72.3 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันและเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงเหตุการณ์ระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์, ราคาพืชผลทางการเกษตรทรงตัวในระดับต่ำ, การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นและผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของประเทศจีน แต่คาดว่าในเดือนหน้าความเชื่อมั่นมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นจากประชาชนและนักธุรกิจมีความหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ทั้งนี้หากพิจารณาดัชนีที่แยกย่อยออกมาพบว่า ดัชนีความเหมาะสมในการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในเดือน ส.ค. 58 อยู่ระดับที่ 56.9 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 122 เดือน นับตั้งแต่ทำการสำรวจมาในเดือน ก.ค. 48 เนื่องมาจากปัจจัยของเหตุการณ์ระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย จนมีผลกระทบต่อทางจิตวิทยาเชิงลบต่อการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งสร้างความเสียหายในแง่มูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 70,000 ล้านบาท
ส่วนดัชนีความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์คันใหม่ในเดือน ส.ค. อยู่ที่ระดับ 85 เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 63 เดือน นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 53, ดัชนีความเหมาะสมในการซื้อบ้านหลังใหม่อยู่ระดับ 60 ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน และดัชนีความเหมาะสมในการลงทุนทำธุรกิจของเอสเอ็มอี อยู่ระดับ 42 ต่ำสุดในรอบ 122 เดือน เนื่องจากปัญหาการชะลอตัวของภาคบริโภคและเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องรอดูสถานการณ์ของเศรษฐกิจก่อนที่จะตัดสินใจในการลงทุน ประกอบกับโรงงานจำนวนมากก็ต้องลดกำลังการผลิตเพราะยอดขายสินค้าที่ลดลงมาก
"เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่ผู้บริโภคเกิน 50% มองว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่แย่ลงจากปัญหาเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรที่อยู่ระดับต่ำ แต่ในอนาคตมีการมองว่าเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้วและมีการตอบว่าเศรษฐกิจแย่ลงเพียง 32.8%"
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า แม้ในเดือน ส.ค. จะมีปัจจัยลบมากมาย แต่ประชาชนเริ่มมีความหวังเศรษฐกิจในอนาคตและทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล และคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีผลดัชนีความเชื่อมั่นในดีขึ้นได้ในเดือน ก.ย. นี้ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 136,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเติบโตได้ประมาณ 0.7-1% ซึ่งจะสามารถชดเชยปัญหาเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ที่ทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจเสียหายไป 70,000 ล้านบาท, การปรับลดค่าเงินหยวนและเศรษฐกิจจีนเริ่มมีปัญหากระทบต่อเศรษฐกิจไทย 60,000 ล้านบาท และเรื่องผลกระทบจากภัยแล้งที่ทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจสูญเสียไป 30,000 -40,000 ล้านบาท
"หากรัฐบาลไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เร่งด่วนเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะลดลงจากเดิมอีก 0.7-1% แต่เมื่อมีมาตรการ 136,000 ล้านบาทก็จะช่วยพยุงไม่ให้จีดีพีไทยลดลง แต่คาดว่าอัตรการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะอยู่ในระดับ 2.5-2.9% และคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวเด่นขึ้นในช่วงกลางไตรมาสที่ 4 ของปี แต่หากไม่มีมาตรการ 136,000 แสนล้านบาทอาจทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่า 2.5% แน่นอน
ก็ได้ คนที่เคยเป็นมือขวาของทักษิณมาช่วย เดี๋ยวก็ดีขึ้นครับ