JJNY : ‘ยุทธพงศ์’บี้ตู่ จัดการมาเฟียจีน| เพื่อไทยครวญเชียงใหม่ช้ำ| “หมูเถื่อน” ยืดเยื้อ |ผู้นำรัสเซีย ส่งรมต.ร่วมG20

‘ยุทธพงศ์’ บี้บิ๊กตู่ จัดการมาเฟียจีน ชิ่งโดนพปชร. รับเงินสีเทา 3 ล้าน ด้าน ‘บิ๊กช้าง’ โร่แจง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3666003
 
 
 
‘บิ๊กช้าง’ คาดผลสอบธุรกิจสีเทา ออกสัปดาห์หน้า โยนกกต. ตอบเงินบริจาค 3 ล้านให้พรรคการเมือง ยัน ‘นายกฯ’ ไม่ยอมให้ใครทำประเทศเสียหาย
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่แล้ว เข้าสู่วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยกระทู้ถามสดของ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องผับลับชาวจีน ธุรกิจสีเทา กลางเมืองหลวง ซึ่วนายกฯ ได้มอบหมายให้พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมมาตอบคำถามแทน
 
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า จากกรณีการเข้าจับกุมผับสีเทาของนายทุนจีนที่ย่านยานนาวา เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นตู้เซฟพบยาเสพติดจำนวนมาก ทั้งเฮโรอีน และยาอี มีเงินหมุนเวียน 3-5 ล้านบาททต่อคืน ทั้งนี้ ซองยาเสพติดได้เขียนชื่อติดไว้ หากเสพไม่หมดฝากไว้ได้ ธุรกิจสีเทาของนายทุนจีน อยู่ในย่านยานนาวา รัชดา และห้วยขวาง ตนจึงขอถามว่า นายกฯ ปล่อยให้มีการเปิดผับสีเทากลางเมืองหลวงได้อย่างไร และอยากทราบว่า ขยายผลถึงไหนแล้ว และดำเนินการอย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันยังมีนักการเมืองใหญ่แถวๆ ภาคกลางเปิดบ่อน ท่านจะจัดการหรือไม่
 
พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า การกวาดล้าง และจับกุมธุรกิจผิดกฎหมาย นายกฯ ได้สั่งการกำชับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ดำเนินการจับกุมตามพยานหลักฐาน ส่วนเครือข่ายผิดกฎหมาย และบ่อนการพนัน ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการแล้ว ซึ่งหากมีหลักฐานว่าใครกระทำผิดกฎหมาย ทั้งคนไทย และต่างชาติ ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด หากเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะจัดการ รัฐบาลไม่ยอมให้ใครใช้ประเทศไทยเป็นที่ก่ออาชญากรรม และทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด ส่วนความคืบหน้า กรณีผับย่านยานนาวาเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ได้ตรวจยึดรถหรู และยาเสพติด นอกจากนี้ยังได้ออกหมายค้นทุกจังหวัดที่มีความเกี่ยวข้อง โดยสามารถยึดทรัพย์สินได้กว่า 100 ล้านบาท ส่วนต่างชาติที่มีความเกี่ยวข้อง ทาง สตช. ได้ขึ้นบัญชีดำ และประสานอินเตอร์โพลเพื่อจับกุมตัวแล้ว
 
นายยุทธพงศ์ ถามต่อว่า กรณีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ หาว เจ๋อ ตู้ เป็นผู้บริจาคเงิน 3 ล้านบาท ให้พรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ตนจึงอยากถามนายกฯ ว่า นายชัยณัฐร์ เป็นใคร และได้สอบสวนไปถึงไหนแล้ว และเงินบริจาคถูกกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ ตนมีหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติจากจีนเป็นไทยของนายชัยณัฐร์ ที่ออกเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2558 เหตุใดจึงออกกันได้ง่ายเช่นนี้ และสรุปแล้วนายชัยณัฐร์ ถือกี่สัญชาติ
 
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า นายชัยณัฐร์ อยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนรายละเอียด และการได้สัญชาติไทย ตนไม่สามารถชี้แจงได้ เพราะเกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ ส่วนเรื่องเงินบริจาคอาจจะเป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และพนักงานสืบสวนหรือไม่ ซึ่งคาดว่าตำรวจจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์น้า
 
นายยุทธพงศ์ ถามคำถามต่อว่า กรณีผับศูนย์เหรียญที่มียาเสพติดและบ่อนการพนัน เป็นกระบวนการทุนสีเทาจากจีนที่เข้ามาครอบงำไทยของเรา กระทบต่ออำนาจอธิปไตย และความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยมีข่าวว่ามีอิทธิพลนักการเมืองใหญ่ระดับประเทศช่วยเหลือ และมีอดีตนายตำรวจใหญ่เกี่ยวข้องด้วย นายกฯ จะให้ความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกหรือไม่
 
พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า กลุ่มทุนสีเทาต่างชาติที่เข้ามา มีหลายกลุ่มและเชื่อมโยงกันหมด ซึ่งได้มอบหมายให้ รอง ผบ.ตร. 3 คนไปตรวจสอบ และหาความเชื่อมโยงธุรกิจต่างๆ เพื่อดำเนิการตามกฎหมายอย่างครอบคลุม นายกฯ ก็เร่งรัดดำเนินการ ส่วนเรื่องการสอบสวน หากประชาชนมีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ก็ประสานมาที่ สตช. เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทาง และหาข้อสรุปที่ชัดเจน หรือติดต่อมาที่ 1599 ทั้งนี้รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญเรื่องความมั่นคง โดยเราใช้กฎหมายทุกกฎหมายดำเนินการ และกวาดล้างคนที่มาทำให้ประเทศไทยเสียหาย
 

  
เพื่อไทยครวญเชียงใหม่ช้ำ นักท่องเที่ยวหาย ไล่ยุบสภา-ลาออกหลังเอเปค เป็นของขวัญคนไทย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7358170
 
เพื่อไทย ครวญเชียงใหม่ช้ำ นักท่องเที่ยวหาย ไล่ยุบสภา-ลาออกหลังเอเปค อยู่แล้วไม่เกิดประโยชน์ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย
 
เมื่อวันที่ 10 พ.ย.65 นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ถึงเวลานี้แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยจะลดลง สามารถเปิดให้มีการท่องเที่ยวได้ แต่พบว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังมีปริมาณน้อยมาก เพราะนักท่องเที่ยวต่างประเทศรวมทั้งจีน ยังไม่เดินทางออกมาท่องเที่ยวมากนัก ส่งผลกระทบกับรายได้การท่องเที่ยวที่ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นตัวเลขนักท่องเที่ยวจึงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
  
นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเท่าที่ควร งบประมาณที่จัดสรรให้มีน้อยมาก พล.อ.ประยุทธ์รู้ดีว่าการท่องเที่ยวคือเครื่องยนต์ที่สำคัญสำหรับประเทศไทย แต่กลับทอดทิ้งไม่หากลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ในโลกยังมีนักท่องเที่ยวอีกมากมายที่อยากมาเที่ยวไทย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโอเชียเนียร์ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย กลุ่มตะวันออกกลาง ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศควรบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางไปโปรโมทการท่องเที่ยวของไทยกับกลุ่มประเทศใหม่ๆ แต่ทั้งสองกระทรวงกลับนิ่งเฉย
 
นายจักรพล กล่าวต่อว่า ว่าการที่รัฐบาลอ้างว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยสูงถึง 6 ล้านคน และจะเพิ่มเป็น 10 ล้านคนปีนี้ อยากถามว่าไปเอาตัวเลขมาจากไหน เพราะตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายหรือไม่ รัฐบาลต้องยอมรับว่าตัวเลขเหล่านั้นมาจากกลุ่มคนต่างด้าว ที่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดรายได้ ดังนั้นตัวเลขนักท่องเที่ยว 10 ล้านคนในปี 2565 จึงเป็นตัวเลขที่รัฐบาลมโนไปเอง ทั้งนี้ รัฐบาลต้องจริงใจที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว อย่ารอโชคชะตา เพราะเศรษฐกิจไทยพังทุกวันหากรัฐบาลยังนิ่ง ก็พังไม่เป็นท่าแน่นอน
  
นอกจากนี้ในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่ ซึ่งในช่วงนี้จะเป็นช่วงไฮซีซั่น ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวหลายล้านคน แต่ 3 ปีที่ผ่านมาซบเซาหนักมาก เพราะต้องเจอทั้ง PM.2.5 และโควิด-19 ส่งผลกระทบกับพื้นที่เศรษฐกิจของเชียงใหม่โดยตรง การท่องเที่ยวในเชียงใหม่นิ่งสนิท ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในพื้นที่ ดังนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวจีนลดลงรัฐบาลต้องรับหานักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่มาเที่ยว ไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านไป โดยไม่ทำอะไรเลยอย่างที่เป็นอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ควรที่จะทำเพื่อประเทศบ้าง อย่าทำเพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียว หากอยู่แล้วไม่เกิดประโยชน์ จบเอเปค 2022 แล้วยุบสภาหรือลาออกก็จะเป็นของขวัญปีใหม่ของคนไทยอย่างแท้จริง” นายจักรพล กล่าว
 

 
“หมูเถื่อน” ยืดเยื้อ สะเทือนความมั่นคงทางอาหารประเทศ
https://www.prachachat.net/economy/news-1112922

สถานการณ์หมูเถื่อนยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่ต้นปี กระทั่งถึงวันนี้ ประเทศไทยยังไม่สามารถคลี่คลาย หรือยุติขบวนการดังกล่าวได้อย่างเด็ดขาด นับเป็นเรื่องร้ายแรงและสามารถส่งผลกระทบต่อประเทศชาติในระดับอันตรายถึงขั้นสูญเสียความมั่นคงทาอาหาร หรือ food security ได้
 
ศ.น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ ธนาวงษ์นุเวช” อดีตคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ถึงมุมมองและแนวทางแก้ไขปัญหาหมูเถื่อนว่า ปัญหานี้อยู่ที่ระบบของบ้านเราและความโลภ หลายคนมองแต่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม เหมือนช่วงก่อนหน้านี้ประเทศเราจัดการโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) ได้ดีกว่าประเทศอื่นจริง ๆ แต่ที่โรคระบาดก็เพราะการลักลอบ การเคลื่อนย้ายสัตว์ ซึ่งเป็นประโยชน์ส่วนตนทั้งนั้น
  
ขณะที่มาตรการรัฐที่มีเหมือนกระดาษ ปฏิบัติไม่ได้จริง และไม่มีบทลงโทษที่ชัดเจน ไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ วันนี้จึงกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่จะกระทบความมั่นคงทางอาหาร (food security) ของประเทศ
 
ถ้าเกษตรกรอยู่ไม่ได้ อนาคตคนไทยต้องกินหมูแพง เพราะต้องพึ่งพาของนำเข้าเท่านั้น คุณภาพชีวิตคนไทยจะแย่ลงไปอีก ทั้ง ๆ ที่เริ่มเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวเริ่มมา ถ้าทำให้เกษตรกรขายหมูได้ มีรายได้ ก็จะช่วยให้มั่นใจที่จะประกอบอาชีพผลิตอาหารคุณภาพให้คนไทยต่อไป
ไม่ใช่การปล่อยให้เกิดการนำเข้าหมูเถื่อน ซึ่งเป็นหมูไม่มีคุณภาพ ปนเปื้อนทั้งสารเร่งเนื้อแดง เชื้อดื้อยา และ ASF เข้ามา ที่สำคัญ ASF เป็นไวรัสซึ่งมีการกลายพันธุ์ได้ การนำหมูเถื่อนเข้ามาย่อมทำให้ควบคุมโรคยากขึ้น และเป็นอันตรายอย่างงยิ่งต่ออุตสาหกรรมหมูของไทยผลกระทบที่ตามมานั้นกระทบไปทั้งประเทศ
 
ประเมินมิติผลกระทบ
 
หากหมูเถื่อนไม่หมด เกษตรกรจะอยู่ไม่ได้ เพราะต้นทุนสูงกว่าอุตสาหกรรมนี้ รายย่อยอยู่ยาก คงมีเพียงรายกลาง-รายใหญ่เท่านั้น ที่สามารถลงทุนระบบไบโอซีเคียวริตี้เพื่อป้องกัน ASF ได้ ทำระบบโซนนิ่ง และคอมพาร์ตเมนต์ได้ ซึ่งล้วนเป็นต้นทุนทั้งสิ้น
 
ขณะที่คนนิยมของถูก ไม่สนใจว่าต้องสนับสนุนคนไทย-หมูไทย ซึ่งจะกระทบ food security แม้สถานการณ์หมูในบ้านเราจะดีกว่าที่อื่นจริง แต่ราคาหมูนำเข้ามันถูกกว่า คนกินก็อยากซื้อมากกว่าทำให้เกษตรกรล้มเลิกความตั้งใจกลับเข้ามาเลี้ยงอีก เพราะอยู่รอดในตลาดยาก ก็จะไม่เกิดความยั่งยืนในบ้านเรา
 
ในแง่ของผู้บริโภค เราไม่รู้ว่ามีอะไรปนเปื้อนบ้าง ทั้งสารเร่งเนื้อแดง หรือยาปฏิชีวนะ หมูเถื่อนไม่มีการตรวจสอบสารปนเปื้อนตกค้าง ผู้บริโภคที่มีความไวต่อสารเร่งเนื้อแดงก็จะมีผลกระทบต่อสุขภาพ เชื้อดื้อยาก็เช่นกัน ทั้ง ๆ ที่ประเทศเรามีนโยบาย ‘สุขภาพหนึ่งเดียว’ มีความระมัดระวังให้คนไทยต้องได้กินสินค้าปศุสัตว์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย ของเถื่อนไม่มีคุณภาพเท่าหมูที่ประเทศเราผลิต
 
ดังนั้น หากยังบริโภคหมูเถื่อนกันอยู่ ผลลัพธ์ก็จะไปตกที่ผู้บริโภค ซึ่งทุกภาคส่วนจำเป็นต้องให้ความรู้ สร้างความตระหนักให้ผู้บริโภค รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ไม่ให้นำหมูเถื่อนที่ไม่ปลอดภัยมาปรุง
 
ทางออก ปมหมูเถื่อน
 
ประเด็นนี้ต้องเห็นแก่ประเทศชาติและเกษตรกรก่อน เกษตรกรต้องอยู่ได้แล้วมันจะหมุนให้ทุกคนอยู่ได้ คนไทยได้กินอาหารปลอดภัย มีคุณภาพ ราคาจะเข้าสู่จุดสมดุลและเหมาะสม โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันจึงจะทำให้ประเทศเดินหน้าได้ ถ้ายังเหมือนเล่นซ่อนแอบกันแบบนี้ ไม่แก้ปัญหาให้ตรงประเด็น หมูเถื่อนก็ไม่จบ
 
คนไทยต้องมองประเด็น food security เป็นเรื่องสำคัญ ส่วนรัฐต้องมีมาตรการและบทลงโทษที่ชัดเจน แก้ปัญหาให้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่การผลิต ขณะที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรต่าง ๆ ต้อง take action มากกว่านี้ อย่ารอเกษตรกรถอดใจ หรือแม้แต่พิกบอร์ด ก็ควรต้องมีบทบาทในการช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อความยั่งยืนมากขึ้น”
 
ประเทศไทยให้ความสำคัญกับอาหารคุณภาพ เพราะ You are what you eat จึงมีกฎหมายมากมายช่วยปกป้องคนไทย ขอให้ผู้บริโภคพึงตระหนักว่า “คุณภาพต้องมาก่อนไม่อย่างนั้นสุขภาพที่ดีคงตามมาไม่ได้” และสนับสนุนเกษตรกรอยู่ได้บริโภคหมูไทยจากแหล่งที่มีสัญลักษณ์ 
ปศุสัตว์ OK และในฐานะอาจารย์สัตวแพทย์ขอยืนยันอีกครั้งว่า หมูไทยมีคุณภาพดีที่สุดในภูมิภาคนี้ ถ้าไม่ช่วยให้เกษตรกรอยู่ได้ อนาคตลูกหลานต้องได้กินหมูแพงแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่