🇹🇭🇺🇳องค์การอนามัยโลกชื่นชมไทย หลังประเมินสมรรถนะหลักตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ มีคะแนนเฉลี่ยดีขึ้นจากปี 2560 อย่างเห็นได้ชัด และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ระดับโลก คือการรับมือการระบาดของโควิด-19
.
🦠นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยผลการประเมินสมรรถนะหลักตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ 2548 (IHR 2005) โดยคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นการประเมินสมรรถนะของประเทศไทยเป็นครั้งที่ 2 ในประเด็นทางเทคนิค 19 ด้าน จำนวน 56 ตัวชี้วัด โดย ดร.สมิรา อัสมา (Dr. Samira Asma) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ได้กล่าวชื่นชมการบริหารจัดการด้านสุขภาพระหว่างเกิดวิกฤติโควิด 19 ว่าเป็นการดำเนินงานที่โปร่งใส มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ มีประสิทธิภาพ และความรับผิดชอบ
ซึ่งความสำเร็จของประเทศไทยครั้งนี้แสดงถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วน และมีตัวอย่างที่โดดเด่นด้านการเฝ้าระวังคัดกรองโรค คือ การตรวจพบผู้ป่วยโควิด 19 รายแรกนอกประเทศต้นตอการระบาด นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาล
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยได้คะแนนเฉลี่ย 4.25 จากคะแนนเต็ม 5 โดยใช้ตัวชี้วัด 56 ตัวของประเด็นทางเทคนิค 19 ด้าน แสดงให้เห็นว่าเรามีความก้าวหน้าในการพัฒนาสมรรถนะหลัก ตัวชี้วัดส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่มีผลงานประจักษ์และยั่งยืน ซึ่งเป็นผลจากการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนของภาครัฐ และทุกภาคส่วนของสังคมในทุกระดับ ทำให้การพัฒนาสมรรถนะดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับครั้งแรกในปี พ.ศ. 2560 ที่ได้คะแนนเฉลี่ย 3.75 จาก 5 คะแนน โดยขณะนั้นวัดจาก 48 ตัวชี้วัด
โดยการประเมินสมรรถนะหลักครั้งนี้ จะเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขของไทยตามกฎอนามัยระหว่างประเทศต่อไป
@@@ WHO ชื่นชมไทย @@@
.
🦠นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยผลการประเมินสมรรถนะหลักตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ 2548 (IHR 2005) โดยคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นการประเมินสมรรถนะของประเทศไทยเป็นครั้งที่ 2 ในประเด็นทางเทคนิค 19 ด้าน จำนวน 56 ตัวชี้วัด โดย ดร.สมิรา อัสมา (Dr. Samira Asma) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ได้กล่าวชื่นชมการบริหารจัดการด้านสุขภาพระหว่างเกิดวิกฤติโควิด 19 ว่าเป็นการดำเนินงานที่โปร่งใส มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ มีประสิทธิภาพ และความรับผิดชอบ
ซึ่งความสำเร็จของประเทศไทยครั้งนี้แสดงถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วน และมีตัวอย่างที่โดดเด่นด้านการเฝ้าระวังคัดกรองโรค คือ การตรวจพบผู้ป่วยโควิด 19 รายแรกนอกประเทศต้นตอการระบาด นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาล
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยได้คะแนนเฉลี่ย 4.25 จากคะแนนเต็ม 5 โดยใช้ตัวชี้วัด 56 ตัวของประเด็นทางเทคนิค 19 ด้าน แสดงให้เห็นว่าเรามีความก้าวหน้าในการพัฒนาสมรรถนะหลัก ตัวชี้วัดส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่มีผลงานประจักษ์และยั่งยืน ซึ่งเป็นผลจากการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนของภาครัฐ และทุกภาคส่วนของสังคมในทุกระดับ ทำให้การพัฒนาสมรรถนะดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับครั้งแรกในปี พ.ศ. 2560 ที่ได้คะแนนเฉลี่ย 3.75 จาก 5 คะแนน โดยขณะนั้นวัดจาก 48 ตัวชี้วัด
โดยการประเมินสมรรถนะหลักครั้งนี้ จะเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขของไทยตามกฎอนามัยระหว่างประเทศต่อไป