คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 31
ผมว่า คนที่ควรรับผิดชอบต่อการระบาดครั้งนี้มากที่สุดนอกจากจีนก็คือ WHO นี่แหละ ตั้งแต่แรกล่ะ ประเมินผิดตลอด ทั้งเรื่องไม่ยอมเตือนว่าโรคนี้สามารถติดด่อจากคนสู่คนได้ในช่วงแรกๆ ถัดมาก็ไม่ยอมประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระดับโลก ทำให้หลายประเทศรับมือไม่ทัน และล่าสุดก็เรื่องหน้ากาก ที่ทำให้คนสับสนว่าควรใส่หรือไม่ควรใส่
ความคิดเห็นที่ 37
การไล่ตรวจแบบที่อเมริกาทำ ทำให้คนที่ตรวจแล้วผลเป็น nagative ชะล่าใจคิดว่าตัวไม่ติดแต่...อีกอาทิตย์ต่อมาอาการเพิ่งปรากฎ เพราะอาจจะติดหลังจากนั้นในวันต่อมา หรือไม่กี่ชั่วโมงถัดมาหรือไม่ก็ติดตั้งแต่วันตรวจแต่เชื้อยังน้อยเกินไปจนตรวจไม่เจอ มาตราการแบบนี้แทบไม่มีผลในทางลดการระบาดได้เลย เพราะว่ามาตราการป้องกันไม่มีประสิทธิภาพ ถ้าใช้วิธีไล่ตรวจแบบนี้จะต้องไล่ตรวจกันแทบทุกวัน ทุกชั่วโมง หรือทุก6ชั่วโมงทีเดียว และก็ต้องกลับมาตรวจซ้ำคนเดิมๆอีกเพราะโอกาสติดยังสูงอยู่ทุกวันตลอดเวลา เนื่องจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างมีแต่เชื้อโรค
ถ้าต้องการประสิทธิผลในการลดการระบาด คิดว่าต้องทำทุกทางพร้อมกัน ป้องกันโดยการใส่แมส เว้นระยะทางสังคม การกักตัวผู้มีโอกาสเสี่ยง รวมทั้งการคัดแยกผู้ป่วยโดยการตรวจคัดกรอง องค์กรใหญ่ระดับโลกแต่ทำไมคิดไม่รอบด้านหรือว่าถูกกดดันให้ต้องประกาศแบบนั้นออกไป
ยิ่งเห็นอาการของลุงทรัมป์ และวิธีคิดของลุงทรัมป์ รู้สึกสงสารคนอเมริกาขึ้นมาทันใด ทรัพย์สินที่มีค่ามากที่ของมนุษยชาติก็คือคนนี่เองไม่ใช้สิ่งอื่นใด สิ่งอื่นถือเป็นเรื่องรอง ถ้าสมมุติคนที่ตายไปไม่ใช่มีแต่ประชาชนรากหญ้าแต่เป็นมันสมองของประเทศ นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ นักบิน นักการเงิน สิ่งที่สูญเสียไปกับคนเหล่านั้นมีมูลค่ามหาศาลมากกว่าสิ่งใดๆ
ถ้าต้องการประสิทธิผลในการลดการระบาด คิดว่าต้องทำทุกทางพร้อมกัน ป้องกันโดยการใส่แมส เว้นระยะทางสังคม การกักตัวผู้มีโอกาสเสี่ยง รวมทั้งการคัดแยกผู้ป่วยโดยการตรวจคัดกรอง องค์กรใหญ่ระดับโลกแต่ทำไมคิดไม่รอบด้านหรือว่าถูกกดดันให้ต้องประกาศแบบนั้นออกไป
ยิ่งเห็นอาการของลุงทรัมป์ และวิธีคิดของลุงทรัมป์ รู้สึกสงสารคนอเมริกาขึ้นมาทันใด ทรัพย์สินที่มีค่ามากที่ของมนุษยชาติก็คือคนนี่เองไม่ใช้สิ่งอื่นใด สิ่งอื่นถือเป็นเรื่องรอง ถ้าสมมุติคนที่ตายไปไม่ใช่มีแต่ประชาชนรากหญ้าแต่เป็นมันสมองของประเทศ นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ นักบิน นักการเงิน สิ่งที่สูญเสียไปกับคนเหล่านั้นมีมูลค่ามหาศาลมากกว่าสิ่งใดๆ
แสดงความคิดเห็น
Breaking News.......WHOแอบเขิลหน้าแดง พลิกลิ้นกลับลำครั้งใหญ่ หนุนให้ ปชช.สวมหน้ากากอนามัย ป้องกันติดโควิดแล้ว...
เมื่อ 4 เมษายน 63 เว็บไซต์เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ รายงาน องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์ ขอสนับสนุนรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่แนะนำให้ประชาชนทั่วไปสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 แล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำครั้งใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เพราะก่อนหน้า ยืนยันว่า บุคคลทั่วไปถ้าไม่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัด ก็ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เพราะคนที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยคือ คนที่ติดเชื้อเท่านั้น
ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลกเสริมด้วยว่า หน้ากากอนามัยสมควรให้บุคลากรการแพทย์ได้ใช้ ขณะที่บุคคลทั่วไปสามารถใช้ผ้า หรือหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยที่ทำขึ้นเองปกปิดใบหน้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19
สำหรับการเปลี่ยนแปลงท่าทีล่าสุดขององค์การอนามัยโลก (WHO) มีขึ้นขณะมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากขึ้นที่บ่งชี้ถึงข้อดี ของการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลก โดยมีรัฐบาลในยุโรปหลายประเทศมากขึ้นได้มีการขอร้องให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกในที่สาธารณะ
ด้านนายแพทย์ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการพิเศษโครงการสาธารณสุขฉุกเฉินของ WHO กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 3 เมษายน ว่า เราสามารถเห็นสถานการณ์ของผู้คนที่สวมหน้ากากที่ทำจากผ้า และหน้ากากอนามัยที่ทำขึ้นเองในระดับชุมชนซึ่งอาจช่วยในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ อาจมีหลายสถานการณที่คนสวมหน้ากาก อาจช่วยลดอัตราการติดเชื้อจากผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ เรา-องค์การอนามัยโลกจะสนับสนุนรัฐบาลที่มีความประสงค์ให้ประชาชนใช้หน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นในการควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ กลยุทธ์ที่ครอบคลุมขององค์การอนามัยโลกในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ คือ การเรียกร้องให้ประชาชนล้างมือบ่อยๆ การเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) และการตรวจสอบว่าติดเชื้อหรือไม่อย่างรวดเร็ว รวมถึงการกักตัวสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยป้องกันติดโควิด เพราะเกรงว่าหน้ากากอนามัยจะไม่เพียงพอ ประสบปัญหาขาดแคลนสำหรับผู้ที่ติดเชื้อ รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นต้องใช้
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1812463