สาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาถกนโยบายหันมาแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยแบบผ้า เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่น่าเป็นห่วงที่สุดต่อวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ โดยล่าสุดมีจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศทะลุ 2 แสนราย ขณะที่ได้รับการรักษาหายเพียงราว 8,800 รายเท่านั้น โดยรัฐนิวยอร์กเป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด 

วันน้ี (2 เมษายน 2563) สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐอเมริกากำลังถกเถียงกันว่า จะเปลี่ยนนโยบายหันมาแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องเดินทางออกจากบ้านไปยังพื้นที่สาธารณะ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หลังได้รับข้อมูลยืนยันจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคว่า หน้ากากผ้าธรรมดาก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เริ่มหันมาสวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หน้ากากผ้าฝ้าย หรือแม้กระทั่งหน้ากากที่ทำขึ้นเอง เมื่อต้องออกจากบ้าน จนทำให้สหรัฐฯ ต้องประสบกับปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์

ขณะเดียวกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาแนะนำให้ประชาชนใช้ผ้าพันคอปิดจมูกแทน เพื่อเก็บหน้ากากอนามัยไว้สำหรับแพทย์และพยาบาล พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐบาล และมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด

ด้าน ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อสหรัฐฯ เผยว่า การรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเป็นวิธีที่ประเทศอื่นๆ ปรับใช้ และได้ผลพอสมควร ซึ่งขณะนี้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ กำลังหันมาพิจารณาแนวทางดังกล่าวอย่างจริงจัง.

https://www.thairath.co.th/news/foreign/1810609