ที่มา :
https://www.pptvhd36.com/health/news/65?fbclid=IwAR22OH9q3nyQZFpQEhbut_9OSrkNHopln6AxE9Z3FVpbqnrzJ30vnFeufV0
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) รายงานผลการศึกษาประสิทธิภาพหน้ากากอนามัยชนิดต่าง ๆ ในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 โดยทั่วไป ระบุว่า การสวมหน้ากากอนามัยชนิดใดก็ตามเมื่ออยู่ในบ้านหรืออาคาร ถือเป็นการป้องกันที่ดี แต่หน้ากาก N95 มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อ
การศึกษานี้ดำเนินการโดยกรมสาธารณสุขแคลิฟอร์เนียระหว่างวันที่ 18 ก.พ. - 1 ธ.ค. 2021 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการระบาดอย่างหนักของสายพันธุ์โอมิครอน
โดยนักวิจัยได้สำรวจกลุ่มตัวอย่าง 652 คนที่เพิ่งพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ทุกคนจะถูกถามว่า พวกเขาเคยอยู่ในร้านค้าโบสถ์ โรงเรียน ร้านอาหาร และสถานที่สาธารณะในร่มอื่น ๆ ในช่วง 14 วันก่อนการศึกษาหรือไม่ พวกเขาสวมหน้ากากหรือไม่และบ่อยแค่ไหน แล้วนำมาเทียบกับคำตอบของอาสาสมัคร 1,176 คนที่มีผลตรวจเป็นลบ
ผลการศึกษาพบว่า เมื่ออยู่ในบ้าน อาคาร สถานที่ร่ม การสวมหน้ากากผ้าดูเหมือนจะลดโอกาสติดเชื้อโควิด-19 ได้56% ขณะที่หน้ากากอนามัยทั่วไปที่เรามักใส่กันสามารถลดโอกาสติดโควิด-19 ได้ 66% ส่วนหน้ากาก N95 ซึ่งเป็นหน้ากากแบบรัดแน่นซึ่งบุคลากรทางการแพทย์นิยมใช้ ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้ถึง 83%
“ข้อมูลเหล่านี้จากการศึกษาในโลกแห่งความเป็นจริง ตอกย้ำความสำคัญของการสวมหน้ากากอนามัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในร่มหรืออาคาร ซึ่งเป็นพื้นที่ปิด” CDC กล่าว
เรื่องของการสวมหน้ากากอนามัยนั้นเป็นหนึ่งในข้อถกเถียงที่มีมาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่มีการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะตัวหน้ากาก N95 เพราะในช่วงนั้น หลายประเทศแนะนำประชาชนว่าไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากาก N95 แต่ให้สงวนไว้สำหรับบุคลากรการแพทย์เท่านั้น แต่ระยะหลังก็มีบางประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ สนับสนุนให้ประชาชนสวมหน้ากาก N95 เพราะมีประสิทธิภาพสุงสุด
ลินซีย์ มาร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพร่เชื้อในอากาศของไวรัส ซึ่งไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการศึกษาของ CDC กล่าวว่า“ยังมีคนที่บอกว่าหน้ากากใช้ไม่ได้ผล ... รายงานฉบับนี้ของ CDC ตอกย้ำคุณค่าและความสำคัญของการสวมหน้ากากอนามัย โดยให้ข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงเพิ่มเติมด้วย”
ด้านโฮเซ-ลูอิส จิเมเนซ ศาสตราจารย์ด้านเคมี มหาวิทยาลัยโคโลราโด ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษานี้เช่นกันกล่าวว่า “โควิด-19 เป็นไวรัสที่แพร่กระจายในอากาศเป็นหลัก นั่นเป็นเหตุผลที่เกิดการแพร่ระบาดในที่ร่มหรือในอาคาร การสวมหน้ากากในที่ร่มจึงช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อและติดเชื้อ”
นักวิจัยยอมรับว่า การศึกษาโดยให้กลุ่มตัวอย่างนึกย้อนถึงพฤติกรรมที่ผ่านไปแล้วนั้น อาจจำกัดความน่าเชื่อถือของผลลัพธ์ นอกจากนี้ การศึกษายังไม่ได้คำนึงถึงมาตรการการป้องกันอื่น ๆ ที่กลุ่มตัวอย่างอาจใช้เมื่ออยู่ในอาคารสาธารณะ เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ก็ยืนยันข้อดีของการสวมหน้ากาก “สิ่งนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หากคุณใส่ใจ และสวมหน้ากากที่ดี และสวมมันตลอดเวลา คุณจะมีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 น้อยลงอย่างมาก” มาร์กล่าว
ข้อมูลจาก CDC หน้ากากอนามัยแต่ละชนิด ลดโอกาสติดโควิด-19 ได้เท่าไร
ที่มา : https://www.pptvhd36.com/health/news/65?fbclid=IwAR22OH9q3nyQZFpQEhbut_9OSrkNHopln6AxE9Z3FVpbqnrzJ30vnFeufV0
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) รายงานผลการศึกษาประสิทธิภาพหน้ากากอนามัยชนิดต่าง ๆ ในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 โดยทั่วไป ระบุว่า การสวมหน้ากากอนามัยชนิดใดก็ตามเมื่ออยู่ในบ้านหรืออาคาร ถือเป็นการป้องกันที่ดี แต่หน้ากาก N95 มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อ
การศึกษานี้ดำเนินการโดยกรมสาธารณสุขแคลิฟอร์เนียระหว่างวันที่ 18 ก.พ. - 1 ธ.ค. 2021 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการระบาดอย่างหนักของสายพันธุ์โอมิครอน
โดยนักวิจัยได้สำรวจกลุ่มตัวอย่าง 652 คนที่เพิ่งพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ทุกคนจะถูกถามว่า พวกเขาเคยอยู่ในร้านค้าโบสถ์ โรงเรียน ร้านอาหาร และสถานที่สาธารณะในร่มอื่น ๆ ในช่วง 14 วันก่อนการศึกษาหรือไม่ พวกเขาสวมหน้ากากหรือไม่และบ่อยแค่ไหน แล้วนำมาเทียบกับคำตอบของอาสาสมัคร 1,176 คนที่มีผลตรวจเป็นลบ
ผลการศึกษาพบว่า เมื่ออยู่ในบ้าน อาคาร สถานที่ร่ม การสวมหน้ากากผ้าดูเหมือนจะลดโอกาสติดเชื้อโควิด-19 ได้56% ขณะที่หน้ากากอนามัยทั่วไปที่เรามักใส่กันสามารถลดโอกาสติดโควิด-19 ได้ 66% ส่วนหน้ากาก N95 ซึ่งเป็นหน้ากากแบบรัดแน่นซึ่งบุคลากรทางการแพทย์นิยมใช้ ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้ถึง 83%
“ข้อมูลเหล่านี้จากการศึกษาในโลกแห่งความเป็นจริง ตอกย้ำความสำคัญของการสวมหน้ากากอนามัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในร่มหรืออาคาร ซึ่งเป็นพื้นที่ปิด” CDC กล่าว
เรื่องของการสวมหน้ากากอนามัยนั้นเป็นหนึ่งในข้อถกเถียงที่มีมาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่มีการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะตัวหน้ากาก N95 เพราะในช่วงนั้น หลายประเทศแนะนำประชาชนว่าไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากาก N95 แต่ให้สงวนไว้สำหรับบุคลากรการแพทย์เท่านั้น แต่ระยะหลังก็มีบางประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ สนับสนุนให้ประชาชนสวมหน้ากาก N95 เพราะมีประสิทธิภาพสุงสุด
ลินซีย์ มาร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพร่เชื้อในอากาศของไวรัส ซึ่งไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการศึกษาของ CDC กล่าวว่า“ยังมีคนที่บอกว่าหน้ากากใช้ไม่ได้ผล ... รายงานฉบับนี้ของ CDC ตอกย้ำคุณค่าและความสำคัญของการสวมหน้ากากอนามัย โดยให้ข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงเพิ่มเติมด้วย”
ด้านโฮเซ-ลูอิส จิเมเนซ ศาสตราจารย์ด้านเคมี มหาวิทยาลัยโคโลราโด ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษานี้เช่นกันกล่าวว่า “โควิด-19 เป็นไวรัสที่แพร่กระจายในอากาศเป็นหลัก นั่นเป็นเหตุผลที่เกิดการแพร่ระบาดในที่ร่มหรือในอาคาร การสวมหน้ากากในที่ร่มจึงช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อและติดเชื้อ”
นักวิจัยยอมรับว่า การศึกษาโดยให้กลุ่มตัวอย่างนึกย้อนถึงพฤติกรรมที่ผ่านไปแล้วนั้น อาจจำกัดความน่าเชื่อถือของผลลัพธ์ นอกจากนี้ การศึกษายังไม่ได้คำนึงถึงมาตรการการป้องกันอื่น ๆ ที่กลุ่มตัวอย่างอาจใช้เมื่ออยู่ในอาคารสาธารณะ เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ก็ยืนยันข้อดีของการสวมหน้ากาก “สิ่งนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หากคุณใส่ใจ และสวมหน้ากากที่ดี และสวมมันตลอดเวลา คุณจะมีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 น้อยลงอย่างมาก” มาร์กล่าว