เพื่อไทยซัด 'ประยุทธ์' อยู่ 8 ปี หนี้ท่วม 10 ล้านล้าน กองทัพอู้ฟู่ ประชาชนอดตาย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7327467
เพื่อไทยซัด ‘ประยุทธ์’ อยู่ 8 ปี หนี้ท่วม 10 ล้านล้าน กองทัพอู้ฟู่ ประชาชนอดตาย คนละครึ่งพ่นพิษ รายเล็กโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังอ่วม
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2565 นาย
สยาม หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลอ้างความสำเร็จโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล ว่ามีประชาชนได้ประโยชน์ร้านค้าเข้า 9.76 แสนร้านค้า ถือเป็นการบิดเบือนความเป็นจริง การช่วยประชาชนเป็นเรื่องที่ดีไม่มีใครขวาง แต่การไปรีดเลือดกับร้านค้า คือความเลวร้ายที่แฝงมากับความช่วยเหลือของรัฐบาล ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมาก ทั้งแม่ค้าขายผัก ขายปลา ขายข้าวแกง รวมไปถึงร้านส้มตำจำนวนมาก ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล
“ล่าสุดได้รับหนังสือจากกรมสรรพกรเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งจากเดิมแม่ค้าเหล่านี้ก็เสียภาษีแฝงอยู่แล้ว แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการกลับโดนเรียกภาษีทางตรง การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลไม่ต่างจากการรีดเลือดกับปู เพราะร้านค้าเหล่านี้รายได้ไม่มาก แต่ต้องมาเสียภาษีหลักหมื่นจึงเป็นการกระทำที่เลวร้ายมาก”
นายสยาม กล่าวต่อว่า จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งเฝ้าระวังการพนันออนไลน์ การหลอกลวงทางเทคโนโลยี ทำไมมาคิดได้ตอนนี้ อยู่มา 8 ปี ทำไมไม่คิด รวมทั้งสิ่งที่พล.อ.
ประยุทธ์ไม่คิดทำคือการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ แก๊งหมวกกันน็อกที่อาละวาดหนักไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งทำร้ายร่างกาย พังร้าน พังบ้าน เป็นปัญหาที่สะสมมานาน แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่คิดดำเนินการ พล.อ.ประยุทธ์เกรงใจใครหรือกลัวอะไรอยู่
นาย
สยาม กล่าวอีกว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ระบอบ
ประยุทธ์ใช้เงินของประชาชนมหาศาล กู้เงินจนประเทศไทยมีหนี้สูงถึง 10 ล้านล้านบาท เงินภาษีจากประชาชนจำนวนมหาศาลเหล่านี้หมดไปกับโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน แต่เกิดประโยชน์กับกองทัพ ทั้งบ้านพักข้าราชการทหารที่หรูหราขึ้นไม่ต่างจากคอนโดชั้นดี สโมสรกองทัพใหม่หรูหรา 5 ดาว แฟลตทหารใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก เงินอุดหนุนอาหารกลางวันของกำลังพลที่มากกว่าเงินค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียน
“อยากเตือนสติพล.อ.ประยุทธ์ว่า คุณเป็นนายกฯ ไม่ได้เป็นผู้บัญชาการทหารบก ดังนั้นต้องคิดถึงประชาชนให้มากกว่าคิดถึงกำลังพล ประชาชนจะอดตายแล้ว แต่ทหารกินดีอยู่ดีอย่างนี้ใช้ไม่ได้” นายสยาม กล่าว
‘เพ็ญพิสุทธิ์’ผู้สมัครเพื่อไทย จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาผัก-สินค้าราคาแพง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3630936
‘เพ็ญพิสุทธิ์’ผู้สมัครเพื่อไทย จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาผัก-สินค้าราคาแพง ผลพวงจากน้ำท่วม ซ้ำเติมความเดือดร้อน ปชช.
เมื่อวันที่ น.ส.
เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางคอแหลม พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับประชาชน ได้รับเสียงสะท้อนถึงปัญหาความเดือดร้อนจากสินค้าราคาแพง เครื่องอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปัญหาอุทกภัยที่ยังซ้ำเติม รวมถึงการแก้ปัญหาล่าช้าของรัฐบาล ที่ส่งผลให้สินค้าเกษตรและพืชผักแพงขึ้น เป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนที่ต้องมีรายจ่ายเพิ่มสูงขึ้นอีกเท่าตัว
น.ส.
เพ็ญพิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า หลายจังหวัดประสบอุทกภัยและด้านพืชผักได้รับผลกระทบ 56 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4 ล้านไร่ พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในตอนนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาพืชผักที่สูงขึ้นจากอุทกภัยทำให้พืชผักแพงสุดในรอบ 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นราคาผักบุ้งจีน กิโลกรัมละ 70-75บาท จากเดิม 25 บาท ราคาคะน้า กิโลกรัมละ 60 บาท จากเดิม 20 บาท ราคาต้นหอม กิโลกรัมละ 160-170บาท จากเดิม 80 บาท ราคากระเพรากำละ 10 บาท จากเดิม 5 บาท ราคาสูงขึ้นจากเดิม 100-200% พืชผักเหล่านี้เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทุกวัน ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบและไร้กำลังซื้อกับรายจ่ายที่สูงขึ้น แม่ค้าเดือดร้อนถ้วนหน้าเพราะต้นทุนสูงขึ้น และไม่สามารถขึ้นราคาได้มาก เพราะคนซื้อเดือดร้อนเพราะเงินในกระเป๋าไม่พอใช้จ่าย ซึ่งส่งผลต่อหนี้ครัวเรือนที่กำลังจะเป็นระเบิดเวลากับวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้
“ขอเรียนไปยังรัฐบาล อย่ารอให้สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายและกลับสู่สภาวะปกติเอง ให้เร่งปรับแผนการบริหารการจัดการน้ำและสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่เพื่อทำการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอนนี้นักการเมืองถูกกฏหมายควบคุม 180 วันก่อน ส.ส.จะหมดวาระ และความช่วยเหลือประชาชนจากภาครัฐล่าช้า ถ้าไม่รีบแก้ปัญหาน้ำท่วมจะส่งผลต่อราคาเกษตรกรรมต่อเศรษกิจและความเดือดร้อนของประชาชนและจะเกิดงูกินหางต่อไปเรื่อยๆ” น.ส.
เพ็ญพิสุทธิ์ กล่าว
เที่ยวไม่สนุกแล้ว! ชาวเบนซินกุมขมับ น้ำมันขึ้นราคารับหยุดยาว แวะเติมด่วน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7327730
เที่ยวไม่สนุกแล้ว! ชาวเบนซินกุมขมับ น้ำมันขึ้นราคารับหยุดยาว แวะเติมด่วน
วันที่ 21 ต.ค.65 รายงานข่าวแจ้งว่า พีทีที สเตชั่น และบางจากปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันที่ 22 ต.ค.2565 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป
ส่งผลให้เบนซินอยู่ที่ 43.06 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.65 บาทต่อลิตร E20 อยู่ที่ 34.54 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 35.38 บาทต่อลิตร E85 อยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร พรีเมี่ยม แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 41.14 บาทต่อลิตร
ขณะที่ กลุ่มดีเซลคงเดิม โดยดีเซล B7 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ดีเซล B10 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ดีเซล B20 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร และพรีเมี่ยมดีเซล B7 อยู่ที่ 43.66 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
น้ำท่วมอุบลฯ สังเวยโรคฉี่หนูแล้ว1 ชาวบ้านอพยพ ป่วยน้ำกัดเท้าเพียบ 5.9 พันคน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7327407
น้ำท่วมอุบลฯ สังเวยโรคฉี่หนูแล้ว1 ชาวบ้านอพยพ ป่วยน้ำกัดเท้าเพียบ 5.9 พันคน ทีมแพทย์พยาบาล ระดมออกตรวจรักษาชาวบ้านตามศูนย์อพยพ
วันที่ 21 ต.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วม จ.อุบลราชธานี เริ่มมีสัญญาณดี แม่น้ำมูลปรับตัวลดลง แต่ยังมีน้ำที่ลุ่มสูง ยังคงมีน้ำล้นตลิ่งสูงประมาณ 4 เมตร ทีมแพทย์พยาบาลรพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มทบ.22 จ.อุบลราชธานี ตระเวนเดินเท้ารักษาประชาชนตามศูนย์อพยพชั่วคราวในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ ซึ่งมีประชากรหนีน้ำมาพักอาศัยอยู่กว่า 7,190 คน จาก 14 ชุมชน
พบส่วนใหญ่มีอาการป่วยจากโรคน้ำกัดเท้า เพราะเดินลุยน้ำเข้าไปดูแลทรัพย์สินในบ้านที่ถูกน้ำท่วม อีกส่วนได้รับบาดเจ็บจากการเคลื่อนย้ายข้าวของในศูนย์อพยพ ซึ่งปีนี้แต่ละครอบครัวอพยพหนีน้ำไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง เพราะระดับน้ำท่วมสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้มีบาดแผลตามร่างกาย จึงให้การรักษาและให้คำแนะนำวิธีการดูแลตนเอง ไม่ควรเดินเท้าเปล่าไปลุยน้ำ เพราะมีโรคระบาดมากับน้ำท่วมหลายโรค และสัตว์มีพิษกัดต่อยได้
ด้าน สสจ.อุบลราชธานี รายงานสถิติตัวเลขผู้เจ็บป่วยตามศูนย์อพยพที่ถูกน้ำท่วมถึงวันที่ 19 ต.ค.2565 มีผู้ป่วยด้วยโรคน้ำกัดเท้าถึง 5,905 คน ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ 1,472 คน มีอาการผื่นคันจากน้ำ 334 คน อุจจาระร่วงและอาหารเป็นพิษ 51 คน ตาแดง 33 คน ติดเชื้อโรคเลปโตสไปโรซิส หรือฉี่หนู 2 คน เสียชีวิต 1 คน เป็นชายชาวอ.วารินชำราบ อายุ 40 ปีเศษ มีประวัติเดินสัมผัสน้ำท่วม เมื่อมีอาการป่วยไม่รีบเข้ารับการรักษา รวมทั้งมีสภาพร่างกายอ่อนแอ เนื่องจากติดสุรา
สำหรับโรคไข้ดิน หรือเมลิออยด์ ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียจากการสัมผัสดิน การเดินลุยน้ำเป็นเวลานาน โดยไม่สวมรองเท้าบูทป้องกันและไม่รีบทำความสะอาดเมื่อขึ้นจากน้ำ ขณะนี้ ยังไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ แต่มีการเฝ้าระวังประชาสัมพันธ์ในกลุ่มประชาชนที่อพยพหนีน้ำ เพราะสามารถติดเชื้อได้เช่นเดียวกับโรคฉี่หนู ด้วยการสัมผัสดิน น้ำที่มีเชื้อนี้ปนเปื้อนอยู่
โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวทั้งเบาหวาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคไต และธาลัสซีเมีย ควรต้องป้องกันตัวเป็นพิเศษ เมื่อมีไข้สูงเกิน 3 วัน หรือมีแผลฝีหนองตามร่างกายให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อลดโอกาสการเสียชีวิตจากโรคนี้
JJNY : 5in1 กองทัพอู้ฟู่ ปชช.อดตาย│จี้แก้ปัญหาผัก-สินค้าแพง│น้ำมันขึ้นรับหยุดยาว│ท่วมอุบลฯป่วยเพียบ│ทัพเมียนมาตัดหัวครู
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7327467
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2565 นายสยาม หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลอ้างความสำเร็จโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล ว่ามีประชาชนได้ประโยชน์ร้านค้าเข้า 9.76 แสนร้านค้า ถือเป็นการบิดเบือนความเป็นจริง การช่วยประชาชนเป็นเรื่องที่ดีไม่มีใครขวาง แต่การไปรีดเลือดกับร้านค้า คือความเลวร้ายที่แฝงมากับความช่วยเหลือของรัฐบาล ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมาก ทั้งแม่ค้าขายผัก ขายปลา ขายข้าวแกง รวมไปถึงร้านส้มตำจำนวนมาก ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล
“ล่าสุดได้รับหนังสือจากกรมสรรพกรเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งจากเดิมแม่ค้าเหล่านี้ก็เสียภาษีแฝงอยู่แล้ว แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการกลับโดนเรียกภาษีทางตรง การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลไม่ต่างจากการรีดเลือดกับปู เพราะร้านค้าเหล่านี้รายได้ไม่มาก แต่ต้องมาเสียภาษีหลักหมื่นจึงเป็นการกระทำที่เลวร้ายมาก”
นายสยาม กล่าวต่อว่า จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งเฝ้าระวังการพนันออนไลน์ การหลอกลวงทางเทคโนโลยี ทำไมมาคิดได้ตอนนี้ อยู่มา 8 ปี ทำไมไม่คิด รวมทั้งสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่คิดทำคือการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ แก๊งหมวกกันน็อกที่อาละวาดหนักไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งทำร้ายร่างกาย พังร้าน พังบ้าน เป็นปัญหาที่สะสมมานาน แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่คิดดำเนินการ พล.อ.ประยุทธ์เกรงใจใครหรือกลัวอะไรอยู่
นายสยาม กล่าวอีกว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ระบอบประยุทธ์ใช้เงินของประชาชนมหาศาล กู้เงินจนประเทศไทยมีหนี้สูงถึง 10 ล้านล้านบาท เงินภาษีจากประชาชนจำนวนมหาศาลเหล่านี้หมดไปกับโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน แต่เกิดประโยชน์กับกองทัพ ทั้งบ้านพักข้าราชการทหารที่หรูหราขึ้นไม่ต่างจากคอนโดชั้นดี สโมสรกองทัพใหม่หรูหรา 5 ดาว แฟลตทหารใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก เงินอุดหนุนอาหารกลางวันของกำลังพลที่มากกว่าเงินค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียน
“อยากเตือนสติพล.อ.ประยุทธ์ว่า คุณเป็นนายกฯ ไม่ได้เป็นผู้บัญชาการทหารบก ดังนั้นต้องคิดถึงประชาชนให้มากกว่าคิดถึงกำลังพล ประชาชนจะอดตายแล้ว แต่ทหารกินดีอยู่ดีอย่างนี้ใช้ไม่ได้” นายสยาม กล่าว
‘เพ็ญพิสุทธิ์’ผู้สมัครเพื่อไทย จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาผัก-สินค้าราคาแพง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3630936
‘เพ็ญพิสุทธิ์’ผู้สมัครเพื่อไทย จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาผัก-สินค้าราคาแพง ผลพวงจากน้ำท่วม ซ้ำเติมความเดือดร้อน ปชช.
เมื่อวันที่ น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางคอแหลม พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับประชาชน ได้รับเสียงสะท้อนถึงปัญหาความเดือดร้อนจากสินค้าราคาแพง เครื่องอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปัญหาอุทกภัยที่ยังซ้ำเติม รวมถึงการแก้ปัญหาล่าช้าของรัฐบาล ที่ส่งผลให้สินค้าเกษตรและพืชผักแพงขึ้น เป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนที่ต้องมีรายจ่ายเพิ่มสูงขึ้นอีกเท่าตัว
น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า หลายจังหวัดประสบอุทกภัยและด้านพืชผักได้รับผลกระทบ 56 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4 ล้านไร่ พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในตอนนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาพืชผักที่สูงขึ้นจากอุทกภัยทำให้พืชผักแพงสุดในรอบ 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นราคาผักบุ้งจีน กิโลกรัมละ 70-75บาท จากเดิม 25 บาท ราคาคะน้า กิโลกรัมละ 60 บาท จากเดิม 20 บาท ราคาต้นหอม กิโลกรัมละ 160-170บาท จากเดิม 80 บาท ราคากระเพรากำละ 10 บาท จากเดิม 5 บาท ราคาสูงขึ้นจากเดิม 100-200% พืชผักเหล่านี้เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทุกวัน ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบและไร้กำลังซื้อกับรายจ่ายที่สูงขึ้น แม่ค้าเดือดร้อนถ้วนหน้าเพราะต้นทุนสูงขึ้น และไม่สามารถขึ้นราคาได้มาก เพราะคนซื้อเดือดร้อนเพราะเงินในกระเป๋าไม่พอใช้จ่าย ซึ่งส่งผลต่อหนี้ครัวเรือนที่กำลังจะเป็นระเบิดเวลากับวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้
“ขอเรียนไปยังรัฐบาล อย่ารอให้สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายและกลับสู่สภาวะปกติเอง ให้เร่งปรับแผนการบริหารการจัดการน้ำและสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่เพื่อทำการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอนนี้นักการเมืองถูกกฏหมายควบคุม 180 วันก่อน ส.ส.จะหมดวาระ และความช่วยเหลือประชาชนจากภาครัฐล่าช้า ถ้าไม่รีบแก้ปัญหาน้ำท่วมจะส่งผลต่อราคาเกษตรกรรมต่อเศรษกิจและความเดือดร้อนของประชาชนและจะเกิดงูกินหางต่อไปเรื่อยๆ” น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ กล่าว
เที่ยวไม่สนุกแล้ว! ชาวเบนซินกุมขมับ น้ำมันขึ้นราคารับหยุดยาว แวะเติมด่วน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7327730
เที่ยวไม่สนุกแล้ว! ชาวเบนซินกุมขมับ น้ำมันขึ้นราคารับหยุดยาว แวะเติมด่วน
วันที่ 21 ต.ค.65 รายงานข่าวแจ้งว่า พีทีที สเตชั่น และบางจากปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันที่ 22 ต.ค.2565 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป
ส่งผลให้เบนซินอยู่ที่ 43.06 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.65 บาทต่อลิตร E20 อยู่ที่ 34.54 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 35.38 บาทต่อลิตร E85 อยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร พรีเมี่ยม แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 41.14 บาทต่อลิตร
ขณะที่ กลุ่มดีเซลคงเดิม โดยดีเซล B7 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ดีเซล B10 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ดีเซล B20 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร และพรีเมี่ยมดีเซล B7 อยู่ที่ 43.66 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
น้ำท่วมอุบลฯ สังเวยโรคฉี่หนูแล้ว1 ชาวบ้านอพยพ ป่วยน้ำกัดเท้าเพียบ 5.9 พันคน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7327407
น้ำท่วมอุบลฯ สังเวยโรคฉี่หนูแล้ว1 ชาวบ้านอพยพ ป่วยน้ำกัดเท้าเพียบ 5.9 พันคน ทีมแพทย์พยาบาล ระดมออกตรวจรักษาชาวบ้านตามศูนย์อพยพ
วันที่ 21 ต.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วม จ.อุบลราชธานี เริ่มมีสัญญาณดี แม่น้ำมูลปรับตัวลดลง แต่ยังมีน้ำที่ลุ่มสูง ยังคงมีน้ำล้นตลิ่งสูงประมาณ 4 เมตร ทีมแพทย์พยาบาลรพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มทบ.22 จ.อุบลราชธานี ตระเวนเดินเท้ารักษาประชาชนตามศูนย์อพยพชั่วคราวในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ ซึ่งมีประชากรหนีน้ำมาพักอาศัยอยู่กว่า 7,190 คน จาก 14 ชุมชน
พบส่วนใหญ่มีอาการป่วยจากโรคน้ำกัดเท้า เพราะเดินลุยน้ำเข้าไปดูแลทรัพย์สินในบ้านที่ถูกน้ำท่วม อีกส่วนได้รับบาดเจ็บจากการเคลื่อนย้ายข้าวของในศูนย์อพยพ ซึ่งปีนี้แต่ละครอบครัวอพยพหนีน้ำไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง เพราะระดับน้ำท่วมสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้มีบาดแผลตามร่างกาย จึงให้การรักษาและให้คำแนะนำวิธีการดูแลตนเอง ไม่ควรเดินเท้าเปล่าไปลุยน้ำ เพราะมีโรคระบาดมากับน้ำท่วมหลายโรค และสัตว์มีพิษกัดต่อยได้
ด้าน สสจ.อุบลราชธานี รายงานสถิติตัวเลขผู้เจ็บป่วยตามศูนย์อพยพที่ถูกน้ำท่วมถึงวันที่ 19 ต.ค.2565 มีผู้ป่วยด้วยโรคน้ำกัดเท้าถึง 5,905 คน ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ 1,472 คน มีอาการผื่นคันจากน้ำ 334 คน อุจจาระร่วงและอาหารเป็นพิษ 51 คน ตาแดง 33 คน ติดเชื้อโรคเลปโตสไปโรซิส หรือฉี่หนู 2 คน เสียชีวิต 1 คน เป็นชายชาวอ.วารินชำราบ อายุ 40 ปีเศษ มีประวัติเดินสัมผัสน้ำท่วม เมื่อมีอาการป่วยไม่รีบเข้ารับการรักษา รวมทั้งมีสภาพร่างกายอ่อนแอ เนื่องจากติดสุรา
สำหรับโรคไข้ดิน หรือเมลิออยด์ ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียจากการสัมผัสดิน การเดินลุยน้ำเป็นเวลานาน โดยไม่สวมรองเท้าบูทป้องกันและไม่รีบทำความสะอาดเมื่อขึ้นจากน้ำ ขณะนี้ ยังไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ แต่มีการเฝ้าระวังประชาสัมพันธ์ในกลุ่มประชาชนที่อพยพหนีน้ำ เพราะสามารถติดเชื้อได้เช่นเดียวกับโรคฉี่หนู ด้วยการสัมผัสดิน น้ำที่มีเชื้อนี้ปนเปื้อนอยู่
โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวทั้งเบาหวาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคไต และธาลัสซีเมีย ควรต้องป้องกันตัวเป็นพิเศษ เมื่อมีไข้สูงเกิน 3 วัน หรือมีแผลฝีหนองตามร่างกายให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อลดโอกาสการเสียชีวิตจากโรคนี้