การซื้อบ้านสวย ๆ สักหลังเป็นความฝันของใครหลาย ๆคน แต่ในการซื้อบ้านนั้นก็มาพร้อมกับภาระค่าใช้จ่ายที่จะต้องแบกรับในทุกเดือน ซึ่งดอกเบี้ยในการกู้ซื้อบ้านก็มักจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามข้อตกลงในสัญญาซึ่งอาจกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินได้ เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการลดดอกเบี้ยในการผ่อนชำระหนี้ หลายคนเลือกที่จะยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์บ้าน (การปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระเงิน) สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้ เหตุผลที่ผู้บริโภครีไฟแนนซ์บ้านก็เพื่อการผ่อนชำระดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่ถูกลง หรือสามารถปรับระยะเวลาผ่อนให้ตรงกับสภาพทางการเงินของเราได้ และยังช่วยให้ลดรายจ่ายในแต่ละเดือนได้อีกด้วย สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนการตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน คือ แต่ละธนาคารก็จะมีค่าใช้จ่ายและเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจยื่นรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ ควรศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลของหลาย ๆธนาคารเพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่  

     สิ่งสำคัญก่อนยื่นรีไฟแนนซ์บ้าน ต้องศึกษาวิธีการและขั้นตอนอย่างรอบคอบ เพื่อให้การดำเนินการผ่านไปด้วยดีและไม่เสียเปรียบ ตรวจสอบสัญญากู้เดิมก่อนการยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์บ้าน โดยติดต่อขอเอกสารสรุปยอดหนี้ทั้งหมดจากธนาคารเก่า เพื่อเป็นการสรุปรายละเอียด เช่น จำนวนเงินที่กู้ จำนวนเงินที่ชำระไปแล้ว เหลือจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระอีกเท่าใดและกี่งวด หลังจากนั้นให้นำเอกสารนี้ไปดำเนินการกับธนาคารที่เลือกไว้ ซึ่งธนาคารหลายๆ แห่งก็จะมีโปรโมชันดอกเบี้ยให้ได้เลือก แต่ทั้งนี้ ในการเลือกกู้สินเชื่อกับธนาคาร ก็ต้องนำรายละเอียดอื่น ๆ ในข้อกำหนดและเงื่อนไขมาพิจารณาด้วยก่อนการตัดสินใจเตรียมเอกสารให้พร้อมเพื่อนำเอกสารไปยื่นกับทางธนาคาร ซึ่งเอกสารสำคัญที่ใช้ เช่น สำเนาทะเบียนบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า ทะเบียนสมรส (กรณีกู้ร่วม) เอกสารแสดงหลักฐานทาง หนังสือรับรองเงินเดือนไม่เกิน 3 เดือน เอกสารแสดงหลักฐานทางการเงิน  หลักฐานการเสียภาษีเงินได้จากกรมสรรพากร เอกสารหลักประกันการรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นต้น

     เมื่อเตรียมเอกสารข้างต้นเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงขั้นตอนที่จะนำเอกสารไปดำเนินการกับธนาคาร ในการพิจารณาของทางธนาคารอาจจะใช้เวลาประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ และเมื่อเอกสารเรียบร้อยแล้ว ทางธนาคารจะทำการส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาประเมินทรัพย์สิน ทั้งนี้ ขั้นตอนในการยื่นเอกสารอาจจะแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละธนาคาร หากผู้บริโภคกำลังตัดสินใจยื่นดำเนินการเรื่องนี้ ควรศึกษารายละเอียดและค่าใช้จ่ายว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพื่อการได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่