ฝันว่าตัวเองตาย การเดินทางหลังความตาย

กระทู้นี้เราไม่ได้ต้องการจะให้ทำนายฝันอะไรหรอกนะคะ แค่ขอเล่าความฝันของตัวเองเฉยๆ เพราะเราได้เล่าความฝันนี้ให้เพื่อนเราฟังแล้ว เขาเป็นคนที่มีความสามารถในการทำนายฝัน เขาก็บอกเราว่า เขาไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง ใครที่ฝันคล้ายๆเรามาก่อน 

ซึ่งปกติเราเป็นคนที่ไม่ค่อยฝันเลยก็ว่าได้ หรือถ้าฝันบ้างก็ไม่ได้มีอะไรที่แปลกประหลาด ทำให้น่าสนใจเหมือนความฝันในคราวนี้ แต่มีอยู่ช่วงนึงที่เราฝันบ่อย ฝันแทบทุกวัน และฝันซ้ำๆถึงเรื่องเดิมๆ จนจำได้ดี คือช่วงที่หลังจากเราประสบอุบัติเหตุขับมอไซค์ชนท้ายสิบล้อ แล้วก็รอดได้มาได้อย่างปาฏิหาริย์

ช่วงนั้นเราฝันว่าเดินทางไปที่ๆนึง เดินไปเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน พอเดินไปสักพักก็จะได้ยินเสียงผู้หญิงเรียก พอเราหันหลังกลับไป จากทางโล่งๆที่เดินมากลับกลายเป็นป่ารกทึบ สูงท่วมหัว แล้วก็จะเห็นแสงสว่าง อยู่ข้างหน้า เราพยายามเดินตามแสงนั้นไป แล้วก็ตื่นขึ้นมาแบบเหนื่อยหอบสุดๆ

ฝันเป็นเหตุการณ์ประมาณนั้นอยู่ตลอด ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนความฝันแบบนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกที ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยฝันอะไรแล้ว

แต่ความฝันของเราคราวนี้เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน วันนั้นหลังจากที่เราตื่น เราก็ส่งข้อความแชทเล่าความฝันนี้ของเรา ให้เพื่อนเรารู้ในทันทีเลย ถ้ามีอะไรแปลกๆเราจะชอบคุยกับเขาตลอด เพราะเขาเป็นคนประเภทเดียวกันกับเรา จึงคุยกันรู้เรื่อง

วันนั้นเราฝันว่า เราตาย แต่เรายังอยู่ ในฝันเราอยู่บ้านกับย่า เราคิดถึงแกมาก มีความรู้สึกอยากอยู่กับแกที่บ้าน แต่เราไม่รู้ว่าเราตายยังไง จำได้แค่ว่าเราช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงคนนึงไว้ได้ แล้วเด็กคนนั้นได้มีชีวิตอยู่ต่อไป 

เราอยู่บ้านกับย่าเราได้สักพักแล้วเราก็ต้องไป เดินทางไปสถานที่เหมือนกับตลาด มีคนชุมนุมกันเยอะ แต่อยู่กันห่างๆ เราจึงถามถึงสถานที่ ที่เราจะไปแต่ตอนนี้เราจำไม่ได้แล้ว ว่าที่นั่นเรียกว่าอะไร เราก็ขึ้นรถไฟไป แล้วก็ไปตื่นขึ้นที่วัด ที่นั่นมีญาติพี่น้องและคนรู้จักของเรามากันเต็มไปหมด

มีผู้ชายคนนึงมีฟันทองทั้งบนทั้งล่าง สักยันต์เต็มตัวไปหมด มาพูดกับเราว่า เขาจะมัดตราสังข์ให้เรา ในฝันเรารู้ตัว ว่าเราตายแล้ว เราก็ยื่นมือ ยื่นเท้าไปให้เขามัด เขาก็สะดุ้งตกใจ ถอยไปนิดนึง

แล้วก็เอาสายสิญจน์มัดมือ มัดเท้า มัดคอ ให้เรา แล้วก็พูดกับเราเรื่องทรัพย์สมบัติ เขาหันไปถามป้าเรา ว่าเราเป็นลูกของพ่อใช่ไหม แล้วเราตายห่างจากพ่อเรากี่ปี 7 ปี หรือ 9 ปี อะไรประมาณนี้แหละ 

แล้วเขาก็พูดมาว่า ดีแล้วแหละคนใกล้ชิดกัน ตายห่างกันประมาณนี้ คนข้างหลังจะได้ไม่ต้องแย่งทรัพย์สมบัติกัน ซึ่งเราไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เขาพูดเท่าไหร่ จากนั้นคนส่วนใหญ่ก็พากันร้องไห้ เราก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะร้องกันทำไม แล้วเราก็ร้องด้วย

แล้วมีพระรูปนึงมายืนอยู่ข้างหน้าเรา พูดถึงเรื่องกระเทียมหรืออะไรนี่แหละ จากนั้นเราก็ต้องนอนอยู่ในเรือ ที่โดนปิดคลุมด้วยผ้าขาว โดนมัดมือ มัดเท้า ลุกขึ้นไม่ได้ และต้องล่องไปตามน้ำ เราไม่รู้ว่านานเท่าไหร่

เรามารู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีแสงสว่าง ส่องตาเราผ่านทางผ้าขาวที่คลุมไว้ เราจึงลุกขึ้นจากเรือเพื่อจะนั่ง และเห็นแสงที่ส่องประกายอยู่ตรงหน้า เป็นบุรุษที่มีรูปร่างสูงใหญ่รูปงามนักนั่งปรากฎอยู่ตรงหน้าเรา และมีแสงเปล่งออกมาจากบุรุษผู้นั้น อยู่ตลอดเวลา 

และทั้งสองฝั่งของบุรุษผู้นั้นรายล้อมไปด้วยคนอื่นๆ ที่มีแสงส่องประกายออกมาจากร่างกายเช่นกัน แต่เราได้เห็นแค่แวบเดียว แวบเดียวเท่านั้น แล้วเราก็ตื่น ไปนั่งเล่าให้เพื่อนเราฟัง

เรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ใช่ความสุข หรือเป็น ปิติ ที่เกิดจากการทำสมาธิ แต่มันมากกว่านั้น แบบว่า ไม่มีคำจะเรียกไม่มีคำบรรยายเลยจริงๆค่ะ มันเป็นอาการที่แปลกประหลาดมาก

เพื่อนเราก็ถามถึงเครื่องแต่งกาย ของบุรุษผู้นั้น แต่เราไม่สามารถบรรยายได้เรื่องเครื่องแต่งกาย แต่เราเห็นเป็นอาภรณ์ที่มีแสงสีทอง เหลืองอร่าม และบอเขาไปว่า น่าจะเป็นจีวรณ์ และบุรุษผู้นั้นมีแววตาที่เหมือนพระพุทธรูป เราได้เห็นแค่แวบเดียวเท่านั้น

แต่เราก็จดจำได้ดี ถึงความสง่า เราบอกเพื่อนเราไปว่า เราไม่กล้าคิด ไม่กล้าเอ่ย ว่าบุรุษที่เราเห็นตรงหน้า คือพระพุทธองค์ และบุคคลที่นั่งรายล้อมอยู่ทั้งสองฝั่งนั่นอีก ที่มีแสงรัศมี เรืองรองส่องประกายอยู่ตลอดเวลา

ตอนนั้นที่เราพิมพ์เล่าความฝันให้เพื่อนเราฟัง เขาบอกว่า เขาได้รับรู้ความฝันของเราแล้วเขาน้ำตาไหล เกิดอาการ ปิติ แบบหยุดไม่ได้ มันไหลออกมาเอง แบบไม่มีเหตุผล

เราก็บอกว่าตอนเราตื่นมา เราก็มีอาการเช่นนั้นเหมือนกัน แปลกมาก และมีอาการเหมือน หูดับ ตาบอด เหมือนกับว่าประสาทสัมผัสเราทุกอย่างหายไปชั่วขณะ จนเราต้องพยายามเรียกคืนสติตัวเอง สักพักใหญ่ ถึงจะหายและอาการดีขึ้น

เพื่อนเราบอกว่า มันเป็นอาการของฌาน 4 แต่เราไม่เคยมีความรู้เรื่องฌานอะไรเลยมาก่อนเลย เขาเลยส่งหน้าหนังสือที่มีรายละเอียดว่าคนที่ได้ฌาน ตั้งแต่ 1 2 3 4 เป็นอย่างไร

เราก็ลองอ่านดูเลยได้รู้ว่า อาการของคนที่ได้ฌาน 4 เป็นอย่างไร ส่วน อาการฌาน 1-3 เราก็เคยเจอและผ่านมาแล้วทั้งนั้น แค่ไม่รู้ว่าอาการแบบนั้นมันเรียกว่า ฌาน เราก็คิดว่ามันเป็นอาการปกติ เวลาเราทำกรรมฐาน แต่ที่แปลกไปกว่านั่นคือ บางอาการของการได้ ฌาน มันเป็นอาการที่เราได้ตอนที่เราใช้ชีวิตอยู่ปกติ ที่ต้องนั่งภาวนาทำสมาธิอะไรเลย 

เราจึงแปลกใจและถามเพื่อนเราไปว่า แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ ไม่ต้องภาวนานั่งสมาธิก็เข้าฌานได้เลย หลังจากนั้นเราก็คุยกับเพื่อนเราต่อพักใหญ่ แล้วก็แยกย้ายกันไปทำกิจของตัวเอง แต่วันนั้นทั้งวัน เรามีอาการเหมือนตัวลอย ขนลุก ขนพอง อยู่ตลอดเวลา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่