JJNY : 5in1 แฉยับ!"นายพล"อมเงินทอน│‘อนันต์ชัย’ทวงคำร้อง│สมชัยขยี้ซ้ำศรี│สื่อโฆษณาโตแค่ 8.1หมื่นล.│หุ้นบ.ขายConverse พุ่ง

แฉยับ! "นายพล" อมเงินทอน เงินกู้สวัสดิการฯ ทหารซื้อบ้าน l EP.1311 l 18 ต.ค.65 l
https://www.youtube.com/watch?v=aAtJbrFdroM
  
 
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แฉ! ‘นายพล’ อมเงินทอนเงินกู้สวัสดิการทหารซื้อบ้าน เอกชน ร่ำไห้กราบเท้าขอทนายไพศาลช่วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3624982


  
‘อนันต์ชัย’ ทวงคำร้อง ยุบสมาคมศรีสุวรรณ รับไม่ชอบความรุนแรง แต่พร้อมเป็นทนายให้ลุง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3624921

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ทนายความ อนันต์ชัย ไชยเดช ได้โพสต์เฟซบุ๊กอาสาเป็นทนายความให้กับ นายวีรวิทย์ รุ่งเรืองศิริ ที่ก่อเหตุบุกชกรัวใส่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระหว่างแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมีรายละเอียดดังนี้
 
“ไม่ชอบความรุนแรง แต่อยากเป็นทนายความให้ !วันนี้ ผมดูข่าวที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้อง(เรียน) แห่งชาติ ถูกคุณวีรวิทย์ รุ่งเรืองศิริ บุกต่อยที่ ปอท. ! ถึงแม้ว่าสิ่งที่คุณวีรวิทย์ ทำไปนั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม เพราะเป็นการใช้ความรุนแรง นักกฎหมายอย่างผมไม่ควรชอบ เพราะมันผิดกฎหมาย
 
ถึงผมจะไม่ชอบความรุนแรง(ยกเว้นนายศรีสุวรรณ จรรยา) แต่ใจลึกๆ ของผม ผมก็อยากเป็นทนายให้คุณวีรวิทย์ รุ่งเรืองศิริ เป็นความชอบของผมเป็นการส่วนตัว ใจคุณได้ ในปฐพีนี้ไม่มีใครเหมือนคุณ
 
#หมายเหตุ มีคนถามมาเยอะเรื่องที่ผมร้องปิดสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ของนายศรีสุวรรณ จรรยา ที่กรมการปกครอง ผมก็รออยู่เหมือนกันอยากจะถามว่า เรื่องถึงไหนแล้วครับ ? ประชาชนช่วยถามแทนผมทีครับ…..?
 


เลิกเถอะ! สมชัย ขยี้ซ้ำ ศรีสุวรรณ ร้องสร้างกระแสให้ตัวเอง ชี้สังคมไม่ได้ประโยชน์
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7321771

สมชัย แซะ ศรีสุวรรณ ร้องเรื่องสัพเพเหระ สร้างกระแสให้ตัวเอง หยุดได้แล้ว มีประโยชน์อะไรต่อสังคม เตือนสังคมอย่าส่งเสริมคนใช้กำลังรุนแรง ห่วงเป็นลัทธิเอาอย่าง

วันที่ 18 ต.ค.2565 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย (สร.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนเอาผิด “โน้ส อุดม แต้พานิช” ในการแสดง “เดี่ยว 13” ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก่อนถูกนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล เข้าไปทำร้ายนายศรีสุวรรณ ทั้งชกและเตะ กลางวงสื่อมวลชนว่า 
 
“การร้องแบบศรีสุวรรณ มีประโยชน์อะไรต่อสังคม”

นายสมชัย ระบุว่า นายศรีสุวรรณ เป็นนักร้อง ความรู้ทางกฎหมายทำเขารู้ดีว่า เรื่องไหนมีแง่มุมทางกฎหมายให้ร้อง ต้องร้องต่อใคร และเมื่อร้องจนติดตลาด เขาอาจมีรายได้จากคนที่มาพึ่งพาบริการร้องของเขา
 
คนร้องนั้นมีภาระในการนำตัวเองไปร้อง แต่หน่วยที่รับร้องมีภาระยิ่งกว่า เพราะเป็นหน่วยที่ต้องรับเรื่องมาดำเนินการ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูข้อเท็จจริงและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม มีต้นทุนของราชการในการดำเนินการแต่ละเรื่องไม่น้อย มิฉะนั้นจะถูกกล่าวหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่
  
การร้องจึงควรเลือกเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง เรื่องสัพเพเหระ ที่เพียงสร้างกระแสเป็นข่าวให้แก่ตนเองควรเลิกเสีย

ในขณะเดียวกัน สังคมอย่าไปยกย่องส่งเสริมคนที่ใช้กำลังรุนแรง เดี๋ยวจะกลายเป็นลัทธิเอาอย่าง ลุง ๆ ทั้งหลายจะเดือดร้อนกัน ไม่กล้าออกจากบ้านกันพอดี
 
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02h2WesBmaaQTowHbijuhkmANabiVxFakS3DBWSFGmnjdrTxUpnND8tymEieHso1Ayl
 


สื่อโฆษณา ฝ่ามรสุม ‘เงินเฟ้อ-ภัยธรรมชาติ’ ปี 65 โตแค่ 8.1หมื่นล้าน
https://www.thansettakij.com/business/marketing/544191

วิกฤตเงินเฟ้อ-ภัยธรรมชาติ ฉุดอุตสาหกรรมสื่อโตต่ำเป้า “ช่อง 3” หั่นเป้าธุรกิจทีวีเหลือ 50% เพิ่มสัดส่วนเพลง-คอนเทนต์ต่างประเทศ ด้าน “อสมท.” เร่งหาธุรกิจอื่นเสริมพอร์ตเตรียมรับแรงกะแทกหมดสัญญาคลื่น-โครงข่ายวิศวกรรมอีก 6 ปีข้างหน้า
 
นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด และอุปนายกและกรรมการ สมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมธุรกิจสื่อไตรมาส 4 จากเดิมที่คาดการณ์ว่าการเปิดประเทศและวิถีชีวิตของคนกลับมาเป็นปกติประกอบกับอีเวนต์ต่างๆ เช่น ฟุตบอลช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมน่าจะส่งผลดีกับอุตสาหกรรม
 
แต่สุดท้ายแล้วโมเมนตัมอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร ปีนี้ทั้งปีคาดการณ์ว่าจะเติบโตราว 7.4 % หรือมีมูลค่ารวมประมาณ 81,813 ล้านบาทจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10% เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิตต่างๆ รวมถึงค่าครองชีพประกอบกับการซ้ำเติมของผู้ประกอบการและผู้บริโภคเองที่กำลังซื้อยังไม่กลับมาดีพอ
  
โดยอุตสาหกรรมที่ยังมีโมเมนตัมที่ดีคือ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เพราะได้แรงหนุนจากปัจจัยบวกทั้งเรื่องเทรนด์ EV และการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆจากค่ายต่างๆทำให้ปีนี้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ทั้งหมดทั้งรถยนต์ทั่วไปและเชิงพาณิชย์เติบโตดี และอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่องคือ e-marketplace ซึ่งยังเป็นหมวดที่อยู่ในช่วงขาขึ้น และหมวดสุดท้ายที่ยังเติบโตดีเช่นกันคือ เครื่องดื่ม Non-alcohol
 
ในส่วนของสื่อเติบโตลดลงทั้งหมดโดยเฉพาะสื่อดั้งเดิมทั้งวิทยุและสื่อสิ่งพิมพ์ โดยสื่อที่มีการเติบโตร้อนแรงในปีนี้คือออนไลน์และ out of Home ส่วนสื่อทีวีทรงๆไม่ได้เติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ อย่างไรก็ตามในแง่ของการใช้จ่ายเงินโฆษณาในปีนี้ลูกค้ามีกระสุนที่จำกัดเพราะต้องแบกรับต้นทุนการผลิตทำให้ต้องลดต้นทุนในบางส่วนที่ไม่จำเป็นเพื่อให้คงราคาหรือขึ้นราคาสินค้าให้ต่ำที่สุด แน่นอนการโฆษณาประชาสัมพันธ์มีผลอย่างแน่นอน
 
ส่งผลโดยตรงให้ผู้ประกอบการธุรกิจสื่อแต่ละรายได้รับกระสุนน้อยลงตามไปด้วยประกอบกับผู้บริโภคได้รับผลกระทบหลายส่วนโดยเฉพาะอุทกภัยที่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อไตรมาสสุดท้ายมากน้อยแค่ไหน บวกกับกำลังซื้อของคนยังหดต่อเนื่องสะสมมาจากสภาวะโควิค ทำให้ไม่มีเงินสำหรับการโปรโมท แต่เจ้าใหญ่หรือบางรายยังมีการทุ่มเม็ดเงินโฆษณามากขึ้นเพราะถือว่าปีนี้ยังอยู่ในจุดที่ดีกว่าปี 2564
             
“เราชื่อว่าปีหน้าจะดีกว่าปีนี้เพราะปัจจัยของโควิด น่าจะเบาบางลงทำให้ตัวเลขภาพรวมเป็นบวกแน่นอนแต่น่าจะเติบโตเลขหลักเดียว หรืออาจมากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้แต่ไม่ว่ามันจะเติบโต 1-2 หลักก็ตามเรายังมองว่าจะยังไปไม่ถึงปี 2562 และ 3 สื่อหลักที่มีความคึกคักก็ยังคงไม่พ้นสื่อดิจิตอล out of Home และสื่อหลักอย่างทีวี ซึ่งถือว่าเป็นพระเอกที่จะทำให้อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาและธุรกิจที่เกี่ยวข้องยังคึกคัก ในขณะที่สื่ออื่นๆเป็นช่วงขาลงส่วนจะลงแรงแค่ไหนอยู่ที่ 3 สื่อหลัก ถ้า 3 สื่อหลักโตมากขึ้นแต่ลูกค้ามีเม็ดเงินโฆษณาเท่าเดิมเม็ดเงินก็จะไปอยู่ที่ 3 สื่อหลัก และทำให้สื่ออื่นดรอปลงเร็วในวิถีที่สวนทางกันพอดี”
 
ด้านนายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการ สายธุรกิจโทรทัศน์ บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้จะมีการเปิดประเทศแล้วแต่ในกลุ่มของคนที่ใช้เงินจริงๆ ค่อนข้างระมัดระวัง โดยเฉพาะในกลุ่มของการใช้เงินโฆษณา และในส่วนของเราเองยังมีปัญหาเรื่องของโปรดักชั่น ซึ่งไตรมาสที่ 4 น่าจะมีส่วนในการช่วยผลักดันรายได้ ในส่วนของรายการข่าวโมเมนตัมของเราดีอยู่แล้วและมีเม็ดเงินโฆษณาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตเราคาดว่าจะมีการปรับราคาขึ้น เพราะมีดีมานด์อยู่ในรายการ
 
ส่วนที่เหลือจะเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจ โควิด ภัยธรรมชาติ เพราะธุรกิจของเราคือธุรกิจที่ขึ้นอยู่กับโฆษณาเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นของคนที่ใช้เม็ดเงินโฆษณา ดังนั้นนอกจากคอนเทนต์ที่ดีแล้วยังมีปัจจัยอื่นที่เข้ามาเป็นตัวทำให้ดีและไม่ดีด้วย แต่โดยภาพรวมแล้วโอกาสที่จะสามารถทำรายได้สูงกว่า 6 เดือนแรกยังมี เป้าหมายของเราคือทำให้ไตรมาสที่เหลืออยู่ดีกว่าไตรมาส 1 และ 2”
  
สำหรับทิศทางการเติบโตในปี 2566 ธุรกิจทีวีโอกาสในการเติบโตกว่าปีที่แล้วยังมีอยู่ขึ้นอยู่กับว่าช่องไหนสามารถที่จะสร้างคอนเทนต์ออกมาได้โดนใจกว่ากัน ปัจจุบันรายได้ของบีอีซีเวิลด์ ไม่ได้มาจากทีวีช่องทางเดียวแต่มาจากการผลักดันคอนเทนต์ให้สามารถออกอากาศทั้งในไทยและต่างประเทศได้ ดังนั้นในปีหน้าช่อง 3 มุ่งที่จะเติบโตในด้านของเอ็นเตอร์เทนเม้นท์และวาไรตี้ ซึ่งในอดีตช่อง 3 เคยมีความแข็งแกร่งมากแต่ปัจจุบันผู้ผลิตรายการหันออกไปทำช่องของตัวเอง
 
“ปีนี้คาดว่ารายได้จากธุรกิจทีวีน่าจะจบที่ประมาณ 85% และอีก 15% เป็น Digital platform กับ International Business ส่วนปีหน้ารายได้จากทีวีอาจจะเพิ่มขึ้นแต่เปอร์เซ็นต์ในภาพจะลดลง และในระยะยาว 5 ปีจากนี้ไปเราต้องการให้สัดส่วนทีวีอยู่ที่ 50% และรายได้จากทางอื่น ทั้งบีอีซีสตูดิโอ Music Business, Movie Business และ Marketing อยู่ที่ 50% ซึ่งจะทำให้กำไรของเรากลับมาอยู่ในระดับที่ดี และเป้าหมายใหญ่คือกลับไปมีรายได้และกำไรเท่ากับช่วงพีคคือกำไรเกิน 5,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไร700-800 ล้านบาท”
 
ขณะที่นางสาวสุนทรียา วงศ์ศิริกุล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานการเงินและปฏิบัติหน้าที่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รายได้ครึ่งปีแรกของ อสมท ต่ำกว่าเป้าประมาณ 10% เนื่องจากไตรมาสแรกถูกกระทบจากรายได้วิทยุเป็นหลัก เพราะมีความเสี่ยงในการประมูลคลื่นวิทยุ 60 คลื่นซึ่งอสมท ประกาศว่าจะเข้าไปประมูล 55 คลื่นและสุดท้ายสามารถประมูลมาได้ 47 คลื่น ทำให้ในช่วงปรับผังรายการวิทยุและโทรทัศน์ไตรมาสแรก ลูกค้ายังไม่ซื้อโฆษณายาวทำให้รายได้กระทบ ส่วนไตรมาสที่ 2 สถานการณ์ดีขึ้นแต่ยังไม่สามารถทำให้ตัวเลขพลิกกลับมาเป็นบวกได้
 
“เรายังไม่ยึดเป้าการเติบโตเหมือนเดิมคือเติบโตกว่ากว่าปีที่แล้ว 10% เป็นเป้าหมายก็ค่อนข้างท้าทายเพราะครึ่งปีติดลบ 10 % เพราะฉะนั้นเพิ่งครึ่งปีหลังผลประกอบการเราต้องเป็นบวก 20 % ถึงจะเป็นไปตามเป้าหมาย วิทยุเราประมูลมาได้ 47 คลื่น จุดเด่นของเราคือครอบคลุมทั่วประเทศเหมือนเดิม
แต่ต้องปรับกระบวนการเช่น Mellow ซึ่งเดิมตั้งใจจะไม่เข้าประมูลและหันทำออนไลน์ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของเราและต้องใช้เวลาในการพัฒนาและสร้างมั่นใจกับ media buyer ที่เคยโฆษณาออนแอร์หันมาลงกับออนไลน์ ซึ่งเราหวังว่า Mellow ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของวิทยุจะกลายเป็นโมเดลให้กับสถานีวิทยุที่เราประมูลมาไม่ได้ในต่างจังหวัด”
 
ต้องยอมรับว่าธุรกิจสื่อปัจจุบันหรือบรอดแคสติ้งถูกดิสรัปท์ ธุรกิจเก่าเรายังต้องเมนเทนให้มีกำไรและธุรกิจใหม่ก็ยังต้องทำเพิ่มเติมขึ้นมา ตอนนี้ธุรกิจของ อสมท จะแบ่งเป็นโทรทัศน์ซึ่งใบอนุญาตหมดปีในปี 2572 ธุรกิจวิทยุ ใบอนุญาตจะหมดปี 2572 เช่นกัน และธุรกิจโครงข่ายวิศวกรรมซึ่งลูกค้าปัจจุบันจะหมดสัญญาเช่าปี 2571 เพราะฉะนั้น อสมท จะต้องมองธุรกิจใหม่เข้ามาเสริม เพราะไม่แน่ใจว่าอีก 6 ปีข้างหน้าธุรกิจทีวี วิทยุจะเปลี่ยนหน้าตาเป็นอย่างไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่