คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
คำถามมีว่า ความเสี่ยงหลังเกษียณมีอะไรบ้าง
1.ความเสี่ยงจากการมีอายุยืน (Longevity Risk)
2.ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Risk)
3.ความเสี่ยงจากการถอนเงินมากเกินไป (Excess Withdrawal Risk)
4. ความเสี่ยงจากค่ารักษาพยาบาล (Health Expense Risk)
5. ความเสี่ยงจากสภาวะพึ่งพิง นอนติดเตียง (Long-Term Care Risk)
6. ความเสี่ยงที่เกิดจากความสามารถในการคิดวิเคราะห์ลดลง (Declining Cognitive Abilities Risk) และความเสี่ยงจากการถูกล่อลวงทางการเงิน (Financial Elder Abuse Risk)
7. ความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดเงิน (Market Risk) และความเสี่ยงจากลำดับของผลตอบแทน (Sequence of Returns Risk)
ความเสี่ยงจากการมีอายุยืน (Longevity Risk)
คนอายุเกิน 90 ปีไม่ใช่สิ่งผิดปกติ
ผู้ชายอายุ 65 ปีถ้าในปัจจุบันมีสุขภาพปกติมีโอกาส 35% ที่จะมีชีวิตอยู่ถึง 90 ปี และ 46%สำหรับผู้หญิง
ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Risk)
ความเสี่ยงจากการถอนเงินมากเกินไป (Excess Withdrawal Risk)
อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 3.2% ต่อปี หมายความว่าอีก 10ปีข้างหน้า เงิน 20,000 บาท จะมีค่าเท่ากับ 14,000 บาทในปัจจุบัน
ความเสี่ยงจากค่ารักษาพยาบาล (Health Expense Risk)
จากสภาวะพึ่งพิง นอนติดเตียง อัลไซเมอร์(Long-Term Care Risk)
ผู้ที่มีอายุ 65-74 ปี ช่วยตัวเองไม่ได้ >1%
ผู้ที่มีอายุ 75-84 ปี ช่วยตัวเองไม่ได้> 2%
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 85 ปี ช่วยตัวเองไม่ได้> 8%
1.ความเสี่ยงจากการมีอายุยืน (Longevity Risk)
2.ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Risk)
3.ความเสี่ยงจากการถอนเงินมากเกินไป (Excess Withdrawal Risk)
4. ความเสี่ยงจากค่ารักษาพยาบาล (Health Expense Risk)
5. ความเสี่ยงจากสภาวะพึ่งพิง นอนติดเตียง (Long-Term Care Risk)
6. ความเสี่ยงที่เกิดจากความสามารถในการคิดวิเคราะห์ลดลง (Declining Cognitive Abilities Risk) และความเสี่ยงจากการถูกล่อลวงทางการเงิน (Financial Elder Abuse Risk)
7. ความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดเงิน (Market Risk) และความเสี่ยงจากลำดับของผลตอบแทน (Sequence of Returns Risk)
ความเสี่ยงจากการมีอายุยืน (Longevity Risk)
คนอายุเกิน 90 ปีไม่ใช่สิ่งผิดปกติ
ผู้ชายอายุ 65 ปีถ้าในปัจจุบันมีสุขภาพปกติมีโอกาส 35% ที่จะมีชีวิตอยู่ถึง 90 ปี และ 46%สำหรับผู้หญิง
ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Risk)
ความเสี่ยงจากการถอนเงินมากเกินไป (Excess Withdrawal Risk)
อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 3.2% ต่อปี หมายความว่าอีก 10ปีข้างหน้า เงิน 20,000 บาท จะมีค่าเท่ากับ 14,000 บาทในปัจจุบัน
ความเสี่ยงจากค่ารักษาพยาบาล (Health Expense Risk)
จากสภาวะพึ่งพิง นอนติดเตียง อัลไซเมอร์(Long-Term Care Risk)
ผู้ที่มีอายุ 65-74 ปี ช่วยตัวเองไม่ได้ >1%
ผู้ที่มีอายุ 75-84 ปี ช่วยตัวเองไม่ได้> 2%
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 85 ปี ช่วยตัวเองไม่ได้> 8%
ความคิดเห็นที่ 7
พอๆกับผมนะ แต่ผมมีบ้านไม่มีรถ เกษียณเรียบร้อย
ตอนนี้ได้ชราภาพประกันสังคม+เบี้ยชราภาพของรัฐ ปรมาณเดือนละ 4500
ลงทุนในหุ้นมีปันผลประมาณปีละ 150000-200000
ก็อยู่ได้ตามอัตภาพ อาศัยว่าไม่ค่อยเจ็บไข้
ยามว่างก็คิดหาอะไรทำไปเรื่อย ไม่ให้สมองฝ่อ
หนักไปทางซ่อมบ้าน งานเหล็กงานไม้ ดูยูทูป ส่องเฟซชาวบ้าน แถมเล่นเกมส์คอมด้วย
ตอนนี้ได้ชราภาพประกันสังคม+เบี้ยชราภาพของรัฐ ปรมาณเดือนละ 4500
ลงทุนในหุ้นมีปันผลประมาณปีละ 150000-200000
ก็อยู่ได้ตามอัตภาพ อาศัยว่าไม่ค่อยเจ็บไข้
ยามว่างก็คิดหาอะไรทำไปเรื่อย ไม่ให้สมองฝ่อ
หนักไปทางซ่อมบ้าน งานเหล็กงานไม้ ดูยูทูป ส่องเฟซชาวบ้าน แถมเล่นเกมส์คอมด้วย
แสดงความคิดเห็น
จากกระทู้วันที่ 4 ธค 2564 เป็นการแชร์แผนเกษียณ ซึ่งตอนนี้ได้ยื่นใบลาออกมีผล 1 พค 2566 ครับ
เงินเก็บที่ออมได้เป็นกระแสเงินสด ณ วันที่ลาออกจากงาน เมษา 2566 อยู่ที่ประมาณ 14 ล้าน มี รถยนต์ 1 คัน ไม่มีอสังหาริมทรัพย์ของตัวเอง ปัจจุบันอาศัยอยู่กับพ่อแม่ซึ่งเป็นบ้านที่มีชื่อร่วมกันกับพี่น้องทั้งหมด 5 คน
เงินบำนาญประกันสังคม หลังจากตัวเองเกษียณ ณ อายุย่าง 51 ปี จะไปรอรับเงินบำนาญประกันสังคมตอนอายุครบ 55 ปี ซึ่งตัวเองได้ส่ง ปกส มาตรา 33 มาตั้งแต่ปี 2541 จากการศึกษาข้อมูล จะไม่เปลี่ยนเป็น ม 39 เด็ดขาด เพราะถ้าเปลี่ยนจะทำให้เงินบำนาญที่ได้ตอนอายุ 55 ลดลงไปมาก ปัญหาคือ หลังจากออกจากงาน สิทธิ์การรักษาพยาบาลสามารถใช้ได้ต่อไปอีก 6 เดือน หลังจากนั้น ต้องไปยื่นเรื่องขอเข้าระบบ บัตรทอง แทน ประเด็นนี้ไม่แน่ใจว่าทำได้หรือ คงต้องไปสอบถาม ปกส ในวันที่ไปยื่นขอใช้สิทธิ์ว่างงาน เป็นเวลา 3 เดือน
กิจกรรมหลังเกษียณออกจากงาน เนื่องจากเป็นอิสระจากงานประจำ มีเวลาว่าง มีเวลาดูแล พ่อแม่พาไปโรงพยาบาลตามแพทย์นัด วางแผนเดินทางท่องเที่ยวตามใจปรารถนาของตนเอง และหากิจกรรมทำควบคู่ไปด้วย เช่น หาคอร์สภาษาเรียนรู้เพิ่มเติม เรียนตัดผม เป็นต้น และสิ่งหนึ่งที่ตั้งใจมากๆ คือ เข้าคอร์สปฏิบัติธรรม ซึ่งในระหว่างที่ยังทำงาน ก็พยายามใช้เวลาฝึกปฏิบัติ ภาวนา นั่งสมาธิ อยู่ที่บ้านเป็นประจำ แต่รู้สึกว่าจิตใจยังไม่สงบ เลยจะปฏิบัติจริงจังมากขึ้นโดยการไปเข้าคอร์สปฏิบัติ ครับ อีกเรื่องที่จำทำคือ ดูแลสุขภาพขอวตัวเอง ออกกำลังกาย วิ่ง ฟิตเนส เพื้อจะได้มีชีวิตอยู่รับบำนาญประกันสัวคมไปนานๆครับ
เรื่องแผนการใช้เงินหลังเกษียณมีเป้าหมายที่จะพยายามทำให้ได้คือ รักษาเงินต้น 14 ล้านให้ได้นานที่สุด จากการนำเงินก้อนนี้ไปลงทุน+ออม ในรูปแบบ ประกันชีวิต ฝากธนาคาร หุ้นกู้ และลงทุนในหุ้นสามัญ รวมเป็น passive income ที่หาได้ประมาณ 250,000 บาทต่อปี ซึ่งคิดว่าตัวเองน่าจะสร้าง passive income ได้เยอะกว่านี้ ก็เป็นอีกแผนนึงในกว่าลงทุนในอนาคต แต่เนื่องจาก ปัจจุบันทำไปซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรพย์ในสัดส่วนของเงินออมเยอะมากๆๆ ก็ได้แต่รอประกันครบกำหนด ซึ่งจะทะยอยครบกำหนดเรื่อยๆ จำนวน 10 กรมธรรม์ ตั้งแต่ปี 2566 และรอครบปี 2572 2573 2574 มาเรื่อยๆ ก็จะทำให้มีเงินก้อนออกมาหลายล้านบาท ครับ แต่จาก passive income ที่ทำได้ปัจจุบันปีละ 2 แสนห้ ก็ตกเฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่น คิดว่าจาก life styleของตัวเอง ใช้พอแน่นอนครับ โดยเป้าหมายที่จะต้องทำให้ได้คือจะต้องรักษาเงินต้น 14 ล้าน และใช้เงินจาก passive income ที่หาได้ โดนเงินต้นยังอยู่เหมือนเดิม เป็นระยะเลา 10 ปี ซึ่งผมจะมีอายุ 65 ปี หลังจากนั้นก็เริ่มมาตรการผ่อนคลายลง โดยการ นำเงินต้นมาใช้ได้พร้อมๆกับ passive income 😁✌️👏 เผลอๆ passive income ที่หาได้ต่อเดือน ๆละ 2 หมื่นกว่า อาจจะใช้ไม่หมดด้วยซ้ำ ทำให้ไม่ต้องรบกวนเงินต้นที่มี
ผมตัดสินใจแน่วแน่แล้วในเรื่องลาออกจากงานประจำจากการคิดคำนวณ passive income ที่หาได้ในปัจจุบันได้เดือนละ 2 หมื่นบาท หากอายุครบ 55 ปี ก็มีเงินบำนาญ ปกส อีกเดือนละ 5,000 และหากอายุครบ 60 ปี ก็ยังมีเงินผู้สูงอายุอีก 600 บาทต่อเดือน
สิ่งที่คิดเผื่อไว้ หากต้องการกลับมาทำงานในวัย 55 ปีอัพ จากการหาข้อมูลมีบริษัทต่างๆ มีนโยบายรับผู้สูงอายุเข้าทำงานเช่น คาเฟ่ อะเมซอน โฮมโปร บริษัทในเครือเซ็นทรัล เป็นต้น โดยให้ค่าตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 9,000 ถึง หมื่นต้นๆ ซึ่งถึงตอนนั้น ผมคงทำงานเพื่อความสุข หาประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่ได้มองเรื้องเงินเดือนเป็นตัวตั้งแล้วครับ
มาร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้นะครับ หรือใครจะอ่านเพื่อเป็นแนวทางการเตรียมแผนเกษียณของตนเองก็ยินดีครับ