เตรียมแผนเกษียณตั้งแต่ทำงานปีแรกตอนอายุ 24 จากเงินเก็บหลักหมื่น ตอนนี้อายุ 49 ย่าง 50 แล้ว มีเงินเก็บ+ลงทุน 13 ล้าน

จากประสบการณ์การออมเงินของตัวเองตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีครับ ทำให้เห็นถึงพลังของดอกเบี้ยทบต้น  เพื่อนๆมาร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ

จบ ปริญญาโท ครับ ปี 2540 เริ่มทำงานที่แรก เงินเดือน 14,000 อยู่ กทม โดยพักอยู่บ้านญาติ จึงไม่มี คชจ ด้านที่อยู่อาศัยครับ

จากนั้น ปี 2544 ก็ย้ายงานที่ 2 เงินเดือน 22,000 บาท 
ปี 2545 ย้ายงานที่ 3 เงินเดือน 32,000 บาท รวมทำงานบริษัทเอกชนใน กทม ประมาณ 6 ปี ช่วงที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน พอเงินเดือนออก จะหักเก็บออมในธนาคารทุกเดือนครับ เรียกว่าเป็นนิสัยติดตัวที่ทำมาตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ทำงานบริษัทใน กทม จนเงินเก็บครบ 1 ล้าน แรกเมื่ออายุ 28 ปีครับ 

ตุลาคม ปี2546 ตัดสินใจย้ายงาน เหตุผลคือไม่อยากอยู่ กทม แล้ว จึงสมัครงานตำแหน่งใหม่เพื่อย้ายกลับบ้านที่ ตจว โดยใช้วุฒิปริญญาโท สมัครงานสายวิชาการ เงินสตาร์ทที่หมื่นต้น ๆ เท่านั้น ตอนนั้นยอมรับว่าตกใจเงินเดือนใหม่ที่ได้มาก แต่ก็ยอมแลกมากับการได้กลับมาทำงานที่บ้าน ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะลดลง แต่นิสัยการออมก่อนใช้ ก็ยังติดเป็นนิสัยประจำตัวอยู่ ก็ยังคงออมเรื่อยๆมา ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะน้อยลงก็ตาม 

ขอเล่าเรื่อง เงินออมที่เก็บได้จากเงินเดือนของตัวเองในแต่ละเดือน ต้องบอกก่อนว่าเป็นการออมจากเงินเดือนตัวเองล้วนๆ ไม่ได้มีธุรกิจ หรือรายได้อื่นๆจากการค้าขาย คือมีรายได้ทางเดียวครับ เงินออมส่วนใหญ่ฝากธนาคารครับ เลือก บช ที่ให้ดอกเบี้ยสูงที่สุด จากนั้นเริ่มศึกษาการลงทุน แบ่งซื้อกองทุนรวม(ซื้อไม่เยอะเพราะเป็นครั้งแรกที่ลงทุนในกองทุนรวม) ฝากสลากออมสิน(ซื้อไว้เยอะมาก สมัยหน่วยละ 30 บาท และซื้อเรื่อยมา เคยถูกทุกรางวัลมาแล้วตั้งแต่ ท้าย 4 ตัว จนถึงรางวัลที่ 2  ยกเว้นรางวัลที่ 1 ไม่เคยถูกครับ)  ความรู้สึกตอนนั้น คือสนุกมาก กับการออมเงิน และลงทุน ถึงแม้ว่า รูปแบบการลงทุนจะยังไม่ใช่สินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น หุ้นกู้  ณ ตอนนั้นอายุประมาณ 30 กลางๆครับ เงินออมก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นจนมี 3 ล้านกว่า เริ่มลงทุนใน หุ้นครับ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนช่องทางนี้ครับ มีขาดทุนด้วยหลายแสนเลย 

จากนั้น ชะตาชีวิตทำให้มีโอกาส ได้ทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศครับ มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะไปศึกษาให้จบปริญญาเอก พร้อมทั้งหางานพิเศษทำ วันแรกที่ไปเหยียบแผ่นดิน ตปท ได้ไปสมัครงานร้านอาหารไว้ และได้ทำงานสมใจอยาก ชีวิตที่ ตปท ต้องบาลานส์ทั้งการเรียน และการทำงานพิเศษครับ ใช้เวลาอยู่ ตปท จนเรียนสำเร็จ 4 ปีครึ่ง โดยทำงานพิเศษมาเรื่อยๆ ควบคู่กับการเรียน (ทำงานพิเศษ 4 ปีเต็ม 6 เดือนสุดท้ายไม่ได้ทำแล้วเพราะใกล้จบ ต้องใช้เวลาปั่น  thesis  ครับ)  ชีวิตช่วงที่เรียนสามารถเก็บเงินได้ 3 ล้านครับ ส่วนเงินเดือนที่เมืองไทยก็ยังคงได้รับตามปกติครับ แต่ให้ แม่ไว้ใช้โดยให้ ATM บช เงินเดือนไว้กับแม่

จากนั้นก็กลับไทยมาทำงานที่ต้นสังกัดเดิมจนถึงปัจจุบันครับ ตอนนี้อายุได้ 49 ย่าง 50 ปี คิดว่าอยากจะเกษียณในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ละครับ มีเงินที่ตัวเองวางแผนเก็บออมมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มทำงานที่แรกจนถึงปัจจุบันนี้ 13 ล้านครับ ซึ่งกระจายในการฝากเงินพอร์ตหุ้น หุ้นกู้บริษัทเอกชน และสัดส่วนที่มากที่สุดของเงินทั้งหมดอยู่ในประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ครับ จะเห็นว่าสัดส่วนการออม ลงทุน ค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟ มากๆๆ เพราะไม่อยากเสี่ยงมากไปกว่านี้ครับ (มีพอร์ตหุ้นแล้วขาดทุน ปัจจุบันก็มีพอร์ตหุ้นอยู่ ทุกตัวแดงหมด 555 แต่ทุกตัวมีเงินปันผลครับ) จึงเลือกแนวทางการออม ลงทุนในสัดส่วนนี้ 

พูดเรื่องการทำประกันชีวิตครับ ทำไว้ 10 กธ โดย เบี้ยประกันจะชำระผ่านบัตรเครดิต ซึ่ง แฮปปี้มากๆ เพราะได้แต้มบัตรเครดิตไปแลกเป็นเครดิตเงินคืน อาหาร เครื่องดื่ม สิ่งของ ครับ แล้วผลจากการซื้อประกันชีวิต จึงทำให้ผู้ได้เป็นลูกค้า AUM ของธนาคารด้วยครับ มีสิทธิประโยชน์ของฟรีเยอะแยะมากมายจากการเป็นลูกค้า AUM ของธนาคารครับ

ผมมีความคิดเรื่องเกษียณอยู่ในหัวตลอดเวลาและดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆครับ เพราะการทำงานบางครั้งก็เครียด เหนื่อย ท้อ ครับ จึงคิดเรื่องเกษียณตลอดเวลาซึ่งสาเหตุที่คิดเรื่องเกษียณ เพราะมีเงินเก็บออมตลอดระยะเวลากว่า 20 กว่าปีที่สร้างวินัยในการออม ลงทุน ประกอบกับไม่มีหนี้สินครับ แต่มี  passive income  จากเงินออม ถึงแม้จะไม่เยอะเพราะเงินออม ส่วนใหญ่ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่เสี่ยงครับ แต่คิดว่ามันก็เพียงพอต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณ 

พื้นฐานครอบครัวผม ปานกลางครับ คุณพ่อคุณแม่ไม่มีมรดก แต่ท่านก็ส่งเสียเรียนจบจบ ป ตรี ครับ ที่มีทั้งหมดมาจากการหาด้วยตนเอง บางทีผมกลับมามองย้อนหลังชีวิตตัวเอง ในแง่ของการมีวินัยในการออม ผมบอกได้เลยว่ารู้สึกภูมิใจในความอดทน อดออม ของตัวเอง ครับ ที่นำเรื่องตัวเองมาเปิดเผยเพราะอยากให้เป็นแนวทางสำหรับคนที่วางแผนการออม การใช้เงิน เพื่อบั้นปลายชีวิตวัยเกษียณครับ 

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่ตั้งเป้าหมายการออมไว้ใช้ยามเกษียณนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ดีงามมากเลยค่ะ ขอบคุณที่มาแชร์นะคะ ถ้าเราอายุเท่านี้ มีแบบนี้ปลื้มปริ่มเลยค่ะ เป็นการวางแผนและใช้ชีวิตที่ดีมากๆเลยค่ะ เห็นชีวิตคุณแล้ว เราสงสารพี่ที่รู้จักกันมากเลย 52 ปีแล้ว มีหนี้ 3-4 ล้าน เงินเดือนชักหน้าไม่ถึงหลัง ลูกเรียนจบป.ตรี รร.ทางเลือกทั้งๆที่พ่อแม่มีหน้าที่การงานที่ดี แต่ติดกับดักสังคม ทำให้เสียเงินไปกับสิ่งที่ไม่น่าจะเสีย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
ยินดีกับอาจารย์ด้วยนะครับที่ได้ 13 ล้านแล้ว แต่อาจารย์จะทำผิดพลาดอย่างมหันต์ถ้าออกก่อน 60 ปี เพราะรายได้ช่วงอายุ 50-60 ปีมีจำนวนเท่าๆ กับ 20 ปีก่อนหน้านั้นตั้งแต่จบเอก

อาจารย์คิดแบบคนบริหารเงิน 10 ล้าน คือพอพ้น 10 ล้านก็รูสึกเยอะแล้ว พอแล้ว ที่จริงต้องได้ 100 ล้านขึ้นไปครับ ถ้าคิดแบบนี้พอถึงอายุ 70-80 ปี เจอเงินเฟ้อแบบที่แม่ผมเจอ มีหนาว คือแม่ผมออกจากงานอายุ 50 บำนาญราชการ 7 พัน วันนั้นดูเยอะนะ แต่ปัจจุบันปรับเป็นหมื่นถ้วน อายุ 80 กว่า แค่พอกินแต่ลูกๆ ช่วยออกค่าไฟค่าจ้างแม่บ้านทำความสะอาด

ผมอายุ 52 เป็นอาจารย์เหมือนกันครับ ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่ 'เต้นฟุตเวิร์ค' รอหมดยกบนเวทีมวย อาจารย์ก็ทำได้ จะ มคอ จะขอตำแหน่ง จะอะไรๆ ก็วางลงบ้าง มันก็จะเบาลงครับ ผมมีเป้าทรัพย์สินที่ 100 ล้าน ปัจจุบันบริหารอพาร์ตเมนต์เกือบร้อยห้อง ผลตอบแทนประมาณปีละ 7% ดีกว่าหุ้นกู้และพันธบัตร เคยขาดทุนหุ้นหลายล้านเลยเข็ดแล้วยอมแพ้ กองทุนลดภาษีก็มีเขียวมีแดงเหมือนอาจารย์ เน้นโยกเงืนมาลงเพิ่มในทรัพย์สินที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เลือกซื้อที่แบงค์เดียวสะสม AUM จะทำบัตร BBL Visa Infinite คนละใบกันภรรยา ภรรยาไปสอบเป็นตัวแทนขายประกัน แล้วซื้อประกันให้คนในบ้าน จ่ายเบี้ยปีละล้านแปด เธองกเงินคืนเบี้ยปีแรกๆ ครับ AUM ธนาคารเลยมาจากกองทุน rmf/ltf/ssf กับเงินฝากเป็นหลัก

ผมและภรรยาเป็นอาจารย์ข้าราชการรุ่นสุดท้าย เราสาบานกันว่า จะเบื่อแค่ไหนเราก็ไม่ออกก่อนครบ 60 แต่พอครบแล้วจ้างเราก็ไม่ต่ออายุ เราจะไปตะโกนดังๆ หัวเราะที่สวิสหลังเกษียณ 60
ความคิดเห็นที่ 5
ผมเกษียณแล้ว ด้วยเงินพอๆกับคุณ โดยปลอดหนี้
สิ่งที่คุณเล่ามาเป็นตัวบอกเลยว่าการวางแผนเกษียณต้องทำเนิ่นๆ
อย่าแค่คิดหาความสุขเฉพาะหน้า จะลำบากหลังเกษียณ
ผมพบเห็นคนจำนวนมาก วัยพักผ่อนกลับต้องมานั่งทำงานเพราะถ้าไม่ทำจะไม่มีอะไรกิน
ส่วนที่ยังทำงานอยู่ ก็พร่ำเตือน แต่ไม่ค่อยมีใครฟัง
ขอให้ทุกท่านระลึกไว้เสมอว่า สิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตคนคนนึงคือ แก่แล้วดันไม่มีตังค์
ความคิดเห็นที่ 13
-ดิฉันอายุ 76 ปีค่ะ  เวลานี้มีรายได้จากเงินลงทุน ตั้งแต่เริ่มทำงาน
ประมาณ 30 ล้านบาทค่ะ ช่วยกันเก็บออมกับสามี  ปัจจุบันสามีเสียชีวิต
แล้ว  เลยรับมรดกของเขามาด้วย  สามีเป็นข้าราชการ ดิฉันทำงานองค์กร
เอกชน  รับแต่เงินเดือนทั้ง 2 คน
-ขณะนี้ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีทั้งหมดค่ะ โชคดีขณะนี้ลูกชายมาช่วย
ดูแลพอร์ตให้  เน้นรับเงินปันผลเท่านั้นค่ะ
ป.ล.พื้นฐานครอบครัวค่อนข้างดี ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ เพราะมีที่ดินให้
แต่ต้องมาปลูกบ้านเอง
สาวแว่น
ความคิดเห็นที่ 23
จริงๆแล้วการเก็บเงินวิธีมันง่ายมาก แต่ทำยาก เพราะใจและกิเลสของเราเอง

คนส่วนมากมีเท่าไหร่ก็ใช้หมด จริงๆแล้วการจ่ายให้ตัวเองมันก็ดีในแง่ที่เพิ่มคุณภาพชีวิต แต่ทำมากไปหรือเร็วไปก็จะไม่มีเงินเก็บ และจะลำบากตอนแก่

วิธีง่ายๆที่ผมใช้มาตั้งแต่เรียนจบ คือใช้เงินเท่าเดิมกับตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ แม้ว่าทำงานไปหลายปีรายได้จะเพิ่มขึ้นไปมากก็ตาม ก็ใช้เท่าเดิม ตอนจบใหม่เงินเดือนน้อยเรายังอยู่ได้เลย ทำไมพอเงินเดือนเพิ่มถึงใช้เท่าเดิมไม่ได้ จริงมั้ย

ตอนเริ่มทำงานเงินเดือน 20,000 ใช้ 15,000 เก็บ 5,000 พอผ่านไปหลายปี เงินเดือน 30,000 ก็ใช้ 15,000 เก็บ 15,000 พอเงินเดือน 40,000 ก็ยังใช้เท่าเดิม เก็บ 25,000 เท่ากับว่าเงินเดือนเราเพิ่ม 2 เท่า แต่เงินเก็บเราเพิ่ม 5 เท่า แป๊ปเดียวก็มีเงินล้านแล้ว

จุดสำคัญอีกอย่างคืออย่ารีบหาเรื่องใส่ตัว อย่ารีบซื้อรถซื้อบ้านโดยยังไม่จำเป็นและยังไม่พร้อม อย่าค้ำประกันให้ใคร อย่าให้คนยืมเงิน หรือลงทุนอะไรมั่วๆแบบไม่รู้จริง
ความคิดเห็นที่ 14
ดีเลยครับ  เป็นแนวคิดที่ดีกับคนส่วนมาก ได้ดีมาก
   กท. ทำให้ผมเกิดแนวคิดที่จะตั้งกระทู้ การลงทุนในหุ้นแบบคนเกษียณที่รักษาเงินทุ้นไว้แม้ทุนจะไม่มากแม้ทุนในระดับไม่กีแสน ใน 3 ปีมานี้ไม่ขาดทุนเลยโดยเฉลี่ย  มีกำไรมากกว่าฝาก ธ.ดอกเบี้ยพิเศษพอประมาณ จะขาดทุนแค่ในช่วงวิกฤตโควิดเท่านั้น ก็เอาคืนได้  โดยแจกแจงให้เห็นในรายระเอียด ตามข้อมูลจริงๆ  รอผมรวบรวมข้อมูลก่อน แล้วจะตั้งกระทู้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่