JJNY : ชี้น้ำน้อยกว่าปี54 เท่าตัว แต่บางจุดท่วมหนัก│พิษน้ำท่วม-ศก.พัง2หมื่นล.│ชาวบ้านระทม!ท่วมนับเดือน│ไทยงดออกเสียงUN

ปลอดประสพ ชี้ ปริมาณน้ำน้อยกว่าปี 54 เท่าตัว แต่บางจุดกลับท่วมหนักกว่า
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7314146
 
 
 
ปลอดประสพ เผย ปริมาณน้ำน้อยกว่าปี 54 เท่าตัว แต่บางจุดกลับท่วมหนักกว่า มองรัฐบาลปัจจุบันอาจตัดสินใจผิดพลาดเรื่องการระบายน้ำ
 
12 ต.ค. 2565 – นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความแสดงความเห็นปัญหาน้ำท่วม ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว
 
นายปลอดประสพ กล่าวว่า “น้ำท่วมวันนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย”
 
“ที่จริงผมเพิ่งเขียน FB เมื่อวาน แต่ด้วยสถานการณ์น้ำท่วมทั้งแบบฉับพลันและแบบยืดเยื้ออย่างผิดปกติ โดยเฉพาะในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและท่าจีน จึงเห็นควรนำความเห็นของกลุ่มนักวิชาการและวิศวกรที่รู้เรื่องน้ำ นำโดย รศ.ดร.อภิชาติ อนุกูลอำไพ ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์ด้านวิศวกรรมชลประทานที่มก. และ AIT และเคยเป็นที่ปรึกษาเรื่องน้ำของผม ที่ได้คุยกันจนตกผลึก มาแจ้งกับประชาชนให้ช่วยกันคิด”
 
“ข้อแรกที่ทุกคนพิศวงก็คือ ปริมาณน้ำฝนและปริมาณน้ำท่าปีนี้มันน้อยกว่าปี 54 ถึงเท่าตัว แต่ทำไมน้ำจึงท่วมมากเกือบเท่าปี 54 ที่แย่กว่านั้นก็คือ มีบางจุดซึ่งบังเอิญเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ น้ำกลับท่วมมากกว่าและกินเวลายาวกว่าด้วย”
 
“ข้อสอง คณะนักวิชาการดังกล่าวคิดว่า รัฐบาลปัจจุบันอาจตัดสินใจผิดพลาดเรื่องการระบายน้ำ เพราะไม่ยอมปล่อยน้ำเข้าทุ่งหรือปล่อยก็ปล่อยน้อยและไม่ทันเวลา ทำให้น้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจเสียหายอย่างยับเยิน อยากให้รัฐบาลคิดนอกกรอบบ้าง เช่น รีบเอาน้ำเข้าทุ่งให้เต็มเนื้อที่และยอมจ่ายค่าชดเชยให้เกษตรกรอย่างเต็มที่ ความเสียหายโดยรวม ถ้าคิดเป็นเงินอาจจะน้อยกว่าน้ำท่วมเสียด้วยซ้ำ ในกรณีนี้ TDRI ได้คำนวณความเสียหายจากน้ำท่วมปี 54 ว่า ถ้าตอนนั้นได้มีการปล่อยน้ำเข้าทุ่งถึงจุดสูงสุด ค่าใช้จ่ายในรูปงบประมาณเพื่อชดเชยเกษตรกรจะมีมูลค่าเป็นหลักหมื่นล้านไม่ใช่แสนล้านซึ่งเป็นความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม”
 
“ข้อสาม ตัวอย่างที่เห็นชัดในขณะนี้ก็คือ กรมชลประทานเพิ่งจะเปิดประตูน้ำเจ้าเจ็ดและประตูน้ำขนมจีนที่อ.เสนา จ.อยุธยา แต่ก็เป็นการเปิดอย่างไม่เต็มที่ ขออธิบายว่า ขณะนี้น้ำในแม่น้ำน้อยกับน้ำในทุ่งรับน้ำมีความสูงต่างกันถึง 3 เมตร หากมีการระบายน้ำลงทุ่งดังกล่าว ก็จะช่วยลดระดับน้ำในแม่น้ำน้อยลงได้เยอะซึ่งก็จะทำให้น้ำที่ไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาน้อยลงไปด้วย สำหรับการเปิดน้ำที่ประตูน้ำทั้งสองนี้เกิดจากความกดดันของประชาชนในท้องถิ่นที่เข้าใจสภาพภูมิประเทศดี พวกเขาได้กดดันให้นายอำเภอเสนาไปเป็นพยานในการเปิดประตูนำ้ทั้งสองเมื่อต้นบ่ายวันนี้เอง”
 
สำหรับกรณีน้ำท่วมฉับพลันแบบไม่มีการเตือนล่วงหน้าที่ อ.เมือง และ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ก็เกิดจากการวางแผนที่ผิดพลาดในการปล่อยน้ำมากเกินไปเข้ามาในแม่น้ำท่าจีนซึ่งเป็นแม่น้ำขนาดเล็กที่คดเคี้ยว และยังเป็นการปล่อยน้ำที่ไม่รอบคอบไม่ได้คำนึงถึงน้ำทะเลที่กำลังขึ้นสูงสุด พร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงลมจากลมตะวันออกมาเป็นลมตะวันตก
 
เรื่องทั้งหมดที่พูดมานี้ ขอรับรองว่า ไม่มีอะไรเป็นการเมือง เป็นเรื่องวิชาการแท้ ๆ เป็นความหวังดีของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งรู้เรื่องน้ำ จึงหวังว่า เสียงนี้จะได้สะท้อนไปยังผู้มีอำนาจตัดสินใจโดยเร็วที่สุด
 
https://www.facebook.com/dr.plodprasop/posts/pfbid02KNLbKMFi7DAd1UFgpu2SqLARoBUwmtxKGD8DBVNe1nZbx7H4xY663o9xwFYF6tdl
 

  
พิษน้ำท่วมทั่วประเทศ -เศรษฐกิจพัง 2 หมื่นล.
https://siamrath.co.th/n/390569
 
 พิษ"น้ำท่วม"! ทำ"เศรษฐกิจ"พัง 1.2-2 หมื่นล้าน ฉุด"จีดีพี"ร่วง 0.15% ด้าน ส.อ.ท.จี้รัฐบาลเร่งเยียวยา ปชช.-ธุรกิจ          
 
 เมื่อวันที่ 12 ต.ค.65 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยว่า ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดของประเทศ โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบราว 12,000-20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่เคยประเมินไว้ที่ 5,000 - 10,000 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมได้ขยายวงกว้างมาก และเข้าในพื้นที่อุตสาหกรรม และท่องเที่ยวที่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจมากขึ้นกว่าในช่วงแรก        
 
  "ผลกระทบจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ประเมินว่าจะสร้างความเสียหายประมาณ 12,000-20,000 ล้านบาท แยกเป็นภาคการเกษตร 6,000-8,000 ล้านบาท ภาคอุตสาหกรรม 6,000-12,000 ล้านบาท ซึ่งผลกระทบจากน้ำท่วมมีน้อย เนื่องจากความเสียหายกระทบเพียงในพื้นที่พืชไร ไม่ได้กระทบต่อปศุสัตว์มาก โดยภาพรวมความเสียหายจะกระทบจีดีพีเพียง 1-1.5% เท่านั้น เชื่อว่าจะไม่กระทบภาพรวมการฟื้นตัวเศรษฐกิจ เรายังคาดว่าปีนี้จะโตได้ในกรอบเดิม คือ 3.0-3.5%"           
 
ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อคมนาคมและขนส่งสินค้า ด้านการส่งออกอุปสงค์ในตลาดโลกเริ่มชะลอลง เนื่อง จากปัญหาเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยการสำรวจผู้ประกอบการ 1,274 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในเดือนกันยายน 2565 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก ร้อยละ 77.4 สถานการณ์การเมือง ร้อยละ 45.5 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 37.8 ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมัน ร้อยละ 60.3 เศรษฐกิจในประเทศ ร้อยละ 42.5 อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ร้อยละ 35.8 และสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ร้อยละ 34.2 ตามลำดับ จึงมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ คือ1.มาตรการบรรเทาผลกระทบปัญหาด้านต้นทุนการผลิตให้กับผู้ประกอบ การ อาทิ การดูแลราคาพลังงาน ค่าขนส่ง ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ตลอดจนเร่งแก้ไขปัญหาราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นและการขาดแคลนวัตถุดิบ 2.มาตรการดูแลและเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย อาทิ โครงการพักชำระหนี้กับสถาบันทางการเงินต่างๆ รวมทั้งสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อการฟื้นฟูกิจการหลังน้ำท่วม 3.ดูแลค่าเงินบาทให้มีความสมดุลมากขึ้น เพื่อประโยชน์ต่อทั้งผู้นำเข้าและผู้ส่งออก 4.ออกมาตรการรณรงค์ประหยัดการใช้ไฟฟ้าและพลังงาน อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม และ5.เร่งยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย (Competitiveness) เช่น การปฏิรูปกฎหมาย (Regulatory Guillotine) การปรับปรุงขั้นตอนการอนุมัติอนุญาตของราชการ การนำระบบ Digital มาใช้ และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นต้น        


  
ชาวบ้านระทม! ท่วม 2 เมตรนานนับเดือน ไร้น้ำดื่ม-ห้องสุขา ทางเข้า-ออกถูกตัดขาด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7314349
 
ชาวบ้านบางเคียน 200 ครัวเรือน ขาดน้ำดื่ม-ห้องสุขา หลังน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร นานนับเดือนแล้ว ถนนถูกตัดขาด เทศบาลนครเร่งพ่นสารอีเอ็มบำบัดน้ำเสีย
 
เมื่อวันที่ 13 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวออกสำรวจสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่นครสวรรค์ พบว่าชาวบ้านบางเคียน ต.บางเคียน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ กว่า 200 ครัวเรือน เริ่มขาดแคลนน้ำดื่มและห้องสุขา หลังคลองบางเคียนซึ่งเป็นคลองสาขาแม่น้ำยม ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนมานานนับเดือน ล่าสุดระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ถนนทางเข้าหมู่บ้านทุกเส้นทางถูกตัดขาด ชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะหลักเท่านั้น
 
นางบุญสืบ กลิ่นนิ่มนวล ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 14 ต.บางเคียน อ.ชุมแสง บอกว่า น้ำท่วมภายในหมู่บ้านมานานนับเดือน ถนนภายในหมู่บ้านถูกน้ำท่วมทั้งหมดไม่สามารถเดินทางออกไปไหนตามปกติได้ ส่วนการเดินทางก็จะต้องใช้เรือเป็นพาหนะหลักเพียงชนิดเดียวเท่านั้น หากบ้านไหนไม่มีเรือเครื่องก็ไม่สามารถไปไหนได้ เนื่องจากรัศมีน้ำท่วมมีระยะทางหลายกิโลเมตร ในขณะที่บ้านของตนนั้นมีเด็กอ่อน มีความต้องการใช้น้ำอาบสำหรับหลาน จึงเดือดร้องเรื่องน้ำเป็นอย่างมาก
 
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสอบถามคนในหมู่บ้าน พบว่าเริ่มขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มกันแล้ว ถึงแม้ว่าหน่วยงานองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น จะนำน้ำดื่มมาให้บ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอ ส่วนห้องสุขาที่เคยมีมาตั้งตามจุดต่างๆ ช่วงน้ำท่วมปีนี้ยังไม่มีเข้ามาในพื้นที่ จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ ซึ่งคาดว่าจะต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานมากกว่า 1 เดือน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครสวรรค์ นำทีมเจ้าหน้าที่สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครนครสวรรค์ ลงพื้นที่ตระเวนฉีดพ่นน้ำยา EM บริเวณชุมชนที่น้ำท่วมขัง เพื่อบรรเทาปัญหามลภาวะจากกลิ่นน้ำเน่าเสีย หลังพื้นที่ดังกล่าวถูกน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง หลังในบางพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังนานนับสัปดาห์ และน้ำเริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็นแล้ว
 
นายจิตตเกษมณ์ ยังสั่งการให้ประธานชุมชนและเจ้าหน้าที่สำนักการสาธารณสุข และสิ่งแวดล้อมเทศบาลนครนครสวรรค์ คอยตรวจสอบพื้นที่น้ำท่วมขังตามจุดต่างๆ เนื่องจากในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์บล็อคท่อระบายน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำแม่น้ำไหลย้อนเข้ามา จึงทำให้เกิดการชะลอตัวในการระบายน้ำ ถึงแม้จะใช้ระบบเครื่องสูบน้ำใต้ดิน และเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งเพิ่มเติมช่วยในการระบายน้ำแล้ว

แต่ก็ยังอาจมีปัญหาน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ จึงต้องจัดทีมเจ้าหน้าที่ตระเวนสับเปลี่ยนเข้าไปฉีดพ่นสาร EM ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ที่อยู่ในน้ำทำให้คุณภาพน้ำดีขึ้น และกำจัดกลิ่นเหม็นได้ดี เพื่อป้องกันน้ำเสียในเบื้องต้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่