บทที่19 แผนซ้อนแผน 2
ช่วงเวลาบ่ายของวันเดียวกัน เกือบสองชั่วโมงแล้วที่สตู๊ดเก๋งคันนั้นได้แอบตามเฟี้ยตเก๋งสีเทาอันเป็นรถคู่ใจของเอกภพ เขาขับออกไปตามถนนรามคำแหงเพื่อเดินทางไปพบกับใครคนหนึ่ง
“ แกแน่ใจนะว่ามันจะไม่รู้ตัวก่อนแล้วก็ชิ่งหนีเราไปอีกน่ะ ” ชายรูปร่างท้วมเอ่ยถามเพื่อนเกลอของเขา
“ ทิ้งห่างตั้งสองช่วงคันรถขนาดนี้ ถ้ายังรู้ตัวได้อีกอั้วก็คงต้องยอมซูฮกในความเก่งกาจของมันแล้วล่ะว่ะ ”
ขับมาได้สักระยะเอกภพก็ชะลอรถก่อนจะจอดที่หน้าบ้านคหบดีหลังหนึ่ง
“ มันจอดรถแล้วจะเอายังไงต่อดี ”
“ แกเฝ้าดูมันอยู่ตรงนี้แหละ ฉันจะออกไปใช้โทรศัพท์สักเดี้ยว ”
ชายรูปร่างผอมเกร็งรีบก้าวลงจากรถแล้วเดินมุ่งหน้าตรงไปยังร้านอาหารแถวนั้นเพื่อขอใช้โทรศัพท์
ผ่านไปราวสิบนาทีชายรูปร่างท้วมยังคงนั่งรออยู่ในรถ เขาหยิบเอานิตยสารออกมาอ่านไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ฝั่งด้านข้างคนขับ ชายคนนั้นรีบลดกระจกลงทันทีเมื่อได้เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างรถคือสาวสวย
“ สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วยไหม ” เขาทักทายออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หญิงแปลกหน้าคนนี้มีหน้าตาที่สะสวย หล่อนแต่งกายนำสมัยด้วยชุดมินิสเกิร์ตสีส้มตัดกับถุงมือสีดำและสวมรองเท้าส้นสูงสีขาว ดูเป็นสาวที่สวยแบบจัดจ้านคนหนึ่ง
“ ค่ะ คือรถของดิฉันจอดเสียอยู่ที่หัวมุมตรงนู้นน่ะค่ะ ”
“ อ้อ ครับ งั้นเดี้ยวผมออกไปดูให้ก็ได้ ผมพอมีความรู้เรื่องซ่อมรถอยู่บ้าง ”
“ อุ้ย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รบกวนเวลาคุณเปล่าๆแค่ออกไปส่งดิฉันที่ตรอกข้างหน้านี้ก็พอ เดี้ยวดิฉันจะตามช่างไปซ่อมเอง ”
“ เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ เชิญขึ้นมาเลย ”
ชายรูปร่างท้วมขยับไปนั่งที่เบาะคนขับ แล้วให้หล่อนเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งหนึ่งโดยเปิดระตูรถให้จากด้านใน
“ คุณเป็นคนแถวนี้เหรอครับ ” เขาเริ่มชวนคุยทันทีเมื่อเห็นหล่อนนั่งเสร็จเรียบร้อย
“ ค่ะ อยู่ถัดไปอีกตรอกข้างหน้านี้แหละ ดิฉันเพิ่งเดินทางกลับมาจากโรงเรียนกวดวิชา ”
สตู๊ดเก๋งแล่นออกจากหน้าบ้านหลังนั้นอย่างช้าๆโดยหันหัวออกไปทางถนนใหญ่ ค่อยๆผ่านชายรูปร่างผอมเกร็งเพื่อนของเขา ซึ่งยืนอยู่ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง สายตาของเขาจ้องมองไปที่สตู๊ดเก๋งคันนั้นแบบตาไม่กระพริบ เขาวิ่งออกมาโบกไม้โบกมือก่อนจะเขวี้ยงหมวกลงพื้นด้วยอาการหัวเสีย
“ นั้นเพื่อนของคุณหรือเปล่าคะ ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะ ” หญิงสาวแปลกหน้าหันกลับไปมองอย่างแปลกใจ
“ ครับ นั่นเพื่อนผมเองแหละ แต่อย่าไปสนใจเลย เขามักจะขี้หงุดหงิดอย่างนี้เป็นประจำ ”
หญิงสาวคนนั้นคว้ากระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาไว้บนตัก ก่อนจะเอามือเข้าไปข้างในล้วงควานหาอะไรอยู่สักครู่ ก่อนจะหยิบห่อพลาสติกห่อหนึ่งออกมาวางด้านหลังตัวเองโดยที่ชายคนขับรถไม่ทันสังเกต
“ คุณชื่ออะไรเหรอครับ ” เขาหันมาถามเมื่อเห็นหล่อนเงียบ
“ ดิฉันชื่อว่าสันธิณีค่ะ ” หล่อนตอบแบบเขินอาย
“ แหม คล้องจองกับชื่อผมเลยนะครับ ผมชื่อวิทูรย์ ” เขาเริ่มส่งสายตาเจ้าชู้ให้หล่อน
ความจริงแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเธอคือเยาวภานั่นเอง หล่อนชวนชายคนนั้นคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย ขณะเดียวกันก็ใช้มือขวาค่อยๆแกะปืนพก .38 ออกมาจากห่อพลาสติกแล้วทำทีเป็นก้มลงเก็บของ ก่อนจะวางมันเอาไว้ที่ข้างเท้าอย่างแผ่วเบา
ปืนพกที่อยู่กับหล่อนนั้นคือปืนกระบอกเดียวกัน กับปืนที่นายสนั่นใช้สังหารภริยาตัวเองและทำร่วงเอาไว้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเอกภพได้ใช้ให้บรรจงย้อนกลับไปเอามาเมื่อเช้านี้ หลังจากนั้นเขาก็วางแผนกับเยาวภา เพื่อจะสับเปลื่ยนปืนพกและยัดเยียดข้อหาฆาตกรรมให้กับคนพวกนี้
“ อ่า บุหรี่หน่อยไหมคะ ” หล่อนจุดบุหรี่สูบแล้วยื่นที่เหลือให้เขา ก่อนจะไอแค่กๆเพราะสำลักควัน หล่อนคงลืมไปว่าตัวเองสูบไม่เป็น
“ ดูคุณไม่เหมือนคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำเลยนะครับ ”
“ จะให้เหมือนได้ยังไงล่ะคะ ก็เพิ่งหัดสูบเมื่อสักครู่นี้เอง ” หล่อนตอบแบบหน้าตาเฉย
ความจริงสตู๊ดเก๋งขับมาถึงจุดที่ควรจะลงตั้งนานแล้ว แต่เยาวภารู้สึกว่าเวลามันกระชั้นชิดไปหน่อย หล่อนจึงทำท่าอิดออดไม่ยอมลง โดยให้เหตุผลว่ารู้สีกร้อนจึงยังไม่อยากเข้าบ้าน พร้อมกับอ้อนให้เขาพาไปเดินห้างซึ่งเขาก็ยอมตกลงแต่โดยดี
“ เมื่อตะกี้นี้ดิฉันแอบเห็นปืนพกเหน็บอยู่ในเสื้อของคุณด้วย ไม่ทราบว่าเป็นตำรวจหรือว่าผู้ร้ายคะช่วยบอกให้ดิฉันรู้หน่อยเถอะค่ะจะได้ทำตัวถูก ”
“ อ้อ เป็นตำรวจครับผมมาทำหน้าที่ ไม่ใช่โจรผู้ร้ายที่ไหนหรอกคุณ อย่ากังวลไปเลยครับ ”
“ จริงหรือคะ ดีจังเลยดิฉันใฝ่ฝันมานานแล้ว ว่าสักวันหนึ่งจะต้องหาสามีที่เป็นโปลิศให้ได้ ” หล่อนแสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า
โปลิศหนุ่มแสยะยิ้มแล้วยืดอกอย่างผึ่งผาย ทำท่าทางให้เข้มแข็งสมกับคำเยินยอ
“ ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณมากจนเกินไป ดิฉันอยากจะขอชมปืนพกกระบอกนั้นสักหน่อยจะได้ไหมคะ ”
“ จะดีเหรอครับ เกิดมันลั่นเปรี้ยงปร้างขึ้นมาเดี้ยวก็จะซวยกันหมดเท่านั้น ” เขาหันมามองแบบไม่ค่อยจะเชื่อใจเท่าไหร่นัก
“ น่า นะคะ ดิฉันแค่ลูบๆคลำๆเฉยๆ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับไกปืนหรอกค่ะ ” หล่อนทำตาออดอ้อนจนเขาอดที่จะใจอ่อนไม่ได้
“ อ่ะ ได้ๆ ให้ดูแค่แปปเดียวนะ ”
เขายื่นปืนพกลูกโม่ขนาด .38 ส่งให้กับเยาวภา ปืนพกรุ่นนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มตำรวจ และยังเป็นรุ่นเดียวกันกับของนายสนั่นด้วย
“ ระวังรถข้างหน้าด้วยค่ะ ! "
หล่อนแกล้งร้องเสียงดัง ทำให้คนขับตกใจเหยียบเบรคกระทันหัน จนหล่อนหน้าทิ่มลงไปกับพื้น เพื่อไม่ให้เสียโอกาสเยาวภาใช้จังหวะนั้นสับเปลื่ยนปืนพกทันที
“ เป็นอะไรมากไหมครับ ”
“ เป็นสิคะ ถามมาได้ อู้ย หน้าผากแตกหมดแล้วมั้งเนื่ย ”
หล่อนส่งปืนพกกลับคืนให้เค้าพร้อมกับวางกระเป๋าลงโดยทำให้ปากกระเป๋าราบลงกับพื้น ก่อนจะใช้เท้าเตะปืนอีกกระบอกเข้ากระเป๋านั้นไป
“ มาครับเดี้ยวผมจะช่วยประคบให้ ”
“ ไม่ต้องมายุ่งกับดิฉันหรอกค่ะ แผลแค่นี้ทำเองได้ อ้อ แล้วถ้าขับรถห่วยแตกแบบนี้ก็ไม่ต้องไปส่งฉันหรอกนะ ขอเดินไปเองดีกว่า ”
พูดจบเยาวภาก็ก้าวลงจากรถแล้วปิดประตูเสียงดัง ก่อนจะรีบเดินออกไปโดยทำเป็นไม่สนใจเสียงตะโกนที่ดังไล่หลัง
“ กลับมาก่อนสิคุณ เห็นเมื่อกี้บอกว่าอยากจะไปกับผมไม่ใช่เหรอ ”
ตัดกับมาที่ฝั่งเอกภพ เขาเดินทางมาตามที่อยู่เก่าของอรสาซึ่งได้มาจากประทีป มันพาเขามาที่บ้านของคหบดีหลังหนึ่งย่านบางกะปิ สาวใช้คนหนึ่งรีบวิ่งออกมาเปิดประตูหน้าบ้านเพราะได้ยินเสียงกริ่ง
“ มาพบใครคะ ” หล่อนเปิดประตูทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ อ่า คือไม่ทราบว่าเจ้านายบ้านนี้อยู่ไหมครับ ”
“ มีธุระอะไรไม่ทราบคะ ” หล่อนถามห้วนๆพร้อมกับหยุดยิ้มทันทีเนื่องจากเข้าใจว่าเอกภพเป็นพวกขายของเร่
“ คือมีเรื่องอยากจะสอบถามท่านหน่อยน่ะ ”
“ ให้เขาเข้ามาเถอะนังแจ้ว ”
ชายสูงอายุศีรษะล้านคนหนึ่งที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ด้านหลัง ร้องตะโกนบอกกับสาวใช้ของเขา หล่อนจึงเปิดประตูให้เขาเข้ามาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ มีอะไรเหรอพ่อหนุ่ม ดูเหมือนฉันจะไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนเลยนะ ”
เขารีบพนมมือไหว้ชายสูงอายุอย่างนอบน้อม
“ ถูกล่ะครับ ก็ผมกับคุณท่านไม่เคยพบกันมาก่อนจะไปรู้จักกันได้ยังไง ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะมีอะไรบางอย่างอยากจะเรียนถามท่านเจ้าคุณหน่อยน่ะครับ ”
“ เจ้าคงเจ้าคุณอะไรกันฉันไม่ได้มียศมีตำแหน่งอะไรกับเค้าหรอก มาเถอะ เข้ามาคุยกันในบ้านดีกว่า นี่นังแจ้วไปเอาน้ำกับบุหรี่มารับรองแขกหน่อยไป้ "
สักครู่ชายสูงอายุก็พาเอกภพเดินเข้ามายังห้องรับแขกอันโอ่อ่า
“ ตกลงแล้วคุณท่านไม่ได้เป็นเจ้าพระยาหรอกเหรอครับ ”
“ แล้วกัน บอกว่าไม่ได้เป็นก็ไม่ได้เป็นสิ ฉันรณสิทธิ์เป็นเจ้าของห้างขายยารณสิทธิ์เภสัชยังไงล่ะ เคยได้ยินหรือเปล่า ” ท่านตอบยิ้มๆ
เอกภพพยักหน้าช้าๆก่อนจะหยิบรูปถ่ายออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้นายห้างขายยาดู
“ ไม่ทราบว่าท่านเคยเห็นผู้หญิงในรูปนี้หรือเปล่าครับ ”
นายห้างรณสิทธิ์มองดูรูปอยู่สักครู่ก็ส่ายหัวหนักๆ
“ ไม่เคยเห็นเลยพ่อหนุ่ม ”
“ แน่ใจนะครับ ลองนึกดูใหม่เธอชื่อว่าอรสาเผื่อคุณท่านจะคุ้น ”
นายห้างขายยายังคงส่ายหัวเหมือนเดิม พร้อมกับส่งรูปคืนให้เขา
“ ฉันมีลูกสาวรุ่นราวคราวกับผู้หญิงในรูปนี้ตั้งสามคน แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าเธอมีเพื่อนๆที่ชื่อว่าอรสาเลยแม้แต่คนเดียว ”
“ แล้วบ้านหลังนี้ท่านปลูกเองหรือเปล่าครับ หรือว่าซื้อต่อมาอีกที ”
“ เอ้ะยังไงกัน บ้านหลังนี้ฉันอยู่มากว่าห้าสิบปีแล้ว ฉันสร้างของฉันมาตั้งแต่ยังเป็นที่ดินรกร้างอยู่เลย ”
“ อ่า ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอตัวลากลับก่อนล่ะครับ ”
“ อ้าว แล้วจะไม่อยู่กินน้ำกินท่าก่อนเหรอ ”
“ ไม่ล่ะครับ เด็กรับใช้ของท่านดุเหลือเกิน ขืนอยู่ต่อผมคงต้องโดนลงแส้ลงหวายแน่ๆล่ะ ”
เอกภพรีบเดินออกไปจากบ้านทันทีโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะของนายห้างขายยาที่ดังไล่หลัง
พิษสวาท อำพราง ( บทที่19 )
ช่วงเวลาบ่ายของวันเดียวกัน เกือบสองชั่วโมงแล้วที่สตู๊ดเก๋งคันนั้นได้แอบตามเฟี้ยตเก๋งสีเทาอันเป็นรถคู่ใจของเอกภพ เขาขับออกไปตามถนนรามคำแหงเพื่อเดินทางไปพบกับใครคนหนึ่ง
“ แกแน่ใจนะว่ามันจะไม่รู้ตัวก่อนแล้วก็ชิ่งหนีเราไปอีกน่ะ ” ชายรูปร่างท้วมเอ่ยถามเพื่อนเกลอของเขา
“ ทิ้งห่างตั้งสองช่วงคันรถขนาดนี้ ถ้ายังรู้ตัวได้อีกอั้วก็คงต้องยอมซูฮกในความเก่งกาจของมันแล้วล่ะว่ะ ”
ขับมาได้สักระยะเอกภพก็ชะลอรถก่อนจะจอดที่หน้าบ้านคหบดีหลังหนึ่ง
“ มันจอดรถแล้วจะเอายังไงต่อดี ”
“ แกเฝ้าดูมันอยู่ตรงนี้แหละ ฉันจะออกไปใช้โทรศัพท์สักเดี้ยว ”
ชายรูปร่างผอมเกร็งรีบก้าวลงจากรถแล้วเดินมุ่งหน้าตรงไปยังร้านอาหารแถวนั้นเพื่อขอใช้โทรศัพท์
ผ่านไปราวสิบนาทีชายรูปร่างท้วมยังคงนั่งรออยู่ในรถ เขาหยิบเอานิตยสารออกมาอ่านไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ฝั่งด้านข้างคนขับ ชายคนนั้นรีบลดกระจกลงทันทีเมื่อได้เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างรถคือสาวสวย
“ สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วยไหม ” เขาทักทายออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หญิงแปลกหน้าคนนี้มีหน้าตาที่สะสวย หล่อนแต่งกายนำสมัยด้วยชุดมินิสเกิร์ตสีส้มตัดกับถุงมือสีดำและสวมรองเท้าส้นสูงสีขาว ดูเป็นสาวที่สวยแบบจัดจ้านคนหนึ่ง
“ ค่ะ คือรถของดิฉันจอดเสียอยู่ที่หัวมุมตรงนู้นน่ะค่ะ ”
“ อ้อ ครับ งั้นเดี้ยวผมออกไปดูให้ก็ได้ ผมพอมีความรู้เรื่องซ่อมรถอยู่บ้าง ”
“ อุ้ย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รบกวนเวลาคุณเปล่าๆแค่ออกไปส่งดิฉันที่ตรอกข้างหน้านี้ก็พอ เดี้ยวดิฉันจะตามช่างไปซ่อมเอง ”
“ เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ เชิญขึ้นมาเลย ”
ชายรูปร่างท้วมขยับไปนั่งที่เบาะคนขับ แล้วให้หล่อนเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งหนึ่งโดยเปิดระตูรถให้จากด้านใน
“ คุณเป็นคนแถวนี้เหรอครับ ” เขาเริ่มชวนคุยทันทีเมื่อเห็นหล่อนนั่งเสร็จเรียบร้อย
“ ค่ะ อยู่ถัดไปอีกตรอกข้างหน้านี้แหละ ดิฉันเพิ่งเดินทางกลับมาจากโรงเรียนกวดวิชา ”
สตู๊ดเก๋งแล่นออกจากหน้าบ้านหลังนั้นอย่างช้าๆโดยหันหัวออกไปทางถนนใหญ่ ค่อยๆผ่านชายรูปร่างผอมเกร็งเพื่อนของเขา ซึ่งยืนอยู่ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง สายตาของเขาจ้องมองไปที่สตู๊ดเก๋งคันนั้นแบบตาไม่กระพริบ เขาวิ่งออกมาโบกไม้โบกมือก่อนจะเขวี้ยงหมวกลงพื้นด้วยอาการหัวเสีย
“ นั้นเพื่อนของคุณหรือเปล่าคะ ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะ ” หญิงสาวแปลกหน้าหันกลับไปมองอย่างแปลกใจ
“ ครับ นั่นเพื่อนผมเองแหละ แต่อย่าไปสนใจเลย เขามักจะขี้หงุดหงิดอย่างนี้เป็นประจำ ”
หญิงสาวคนนั้นคว้ากระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาไว้บนตัก ก่อนจะเอามือเข้าไปข้างในล้วงควานหาอะไรอยู่สักครู่ ก่อนจะหยิบห่อพลาสติกห่อหนึ่งออกมาวางด้านหลังตัวเองโดยที่ชายคนขับรถไม่ทันสังเกต
“ คุณชื่ออะไรเหรอครับ ” เขาหันมาถามเมื่อเห็นหล่อนเงียบ
“ ดิฉันชื่อว่าสันธิณีค่ะ ” หล่อนตอบแบบเขินอาย
“ แหม คล้องจองกับชื่อผมเลยนะครับ ผมชื่อวิทูรย์ ” เขาเริ่มส่งสายตาเจ้าชู้ให้หล่อน
ความจริงแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเธอคือเยาวภานั่นเอง หล่อนชวนชายคนนั้นคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย ขณะเดียวกันก็ใช้มือขวาค่อยๆแกะปืนพก .38 ออกมาจากห่อพลาสติกแล้วทำทีเป็นก้มลงเก็บของ ก่อนจะวางมันเอาไว้ที่ข้างเท้าอย่างแผ่วเบา
ปืนพกที่อยู่กับหล่อนนั้นคือปืนกระบอกเดียวกัน กับปืนที่นายสนั่นใช้สังหารภริยาตัวเองและทำร่วงเอาไว้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเอกภพได้ใช้ให้บรรจงย้อนกลับไปเอามาเมื่อเช้านี้ หลังจากนั้นเขาก็วางแผนกับเยาวภา เพื่อจะสับเปลื่ยนปืนพกและยัดเยียดข้อหาฆาตกรรมให้กับคนพวกนี้
“ อ่า บุหรี่หน่อยไหมคะ ” หล่อนจุดบุหรี่สูบแล้วยื่นที่เหลือให้เขา ก่อนจะไอแค่กๆเพราะสำลักควัน หล่อนคงลืมไปว่าตัวเองสูบไม่เป็น
“ ดูคุณไม่เหมือนคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำเลยนะครับ ”
“ จะให้เหมือนได้ยังไงล่ะคะ ก็เพิ่งหัดสูบเมื่อสักครู่นี้เอง ” หล่อนตอบแบบหน้าตาเฉย
ความจริงสตู๊ดเก๋งขับมาถึงจุดที่ควรจะลงตั้งนานแล้ว แต่เยาวภารู้สึกว่าเวลามันกระชั้นชิดไปหน่อย หล่อนจึงทำท่าอิดออดไม่ยอมลง โดยให้เหตุผลว่ารู้สีกร้อนจึงยังไม่อยากเข้าบ้าน พร้อมกับอ้อนให้เขาพาไปเดินห้างซึ่งเขาก็ยอมตกลงแต่โดยดี
“ เมื่อตะกี้นี้ดิฉันแอบเห็นปืนพกเหน็บอยู่ในเสื้อของคุณด้วย ไม่ทราบว่าเป็นตำรวจหรือว่าผู้ร้ายคะช่วยบอกให้ดิฉันรู้หน่อยเถอะค่ะจะได้ทำตัวถูก ”
“ อ้อ เป็นตำรวจครับผมมาทำหน้าที่ ไม่ใช่โจรผู้ร้ายที่ไหนหรอกคุณ อย่ากังวลไปเลยครับ ”
“ จริงหรือคะ ดีจังเลยดิฉันใฝ่ฝันมานานแล้ว ว่าสักวันหนึ่งจะต้องหาสามีที่เป็นโปลิศให้ได้ ” หล่อนแสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า
โปลิศหนุ่มแสยะยิ้มแล้วยืดอกอย่างผึ่งผาย ทำท่าทางให้เข้มแข็งสมกับคำเยินยอ
“ ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณมากจนเกินไป ดิฉันอยากจะขอชมปืนพกกระบอกนั้นสักหน่อยจะได้ไหมคะ ”
“ จะดีเหรอครับ เกิดมันลั่นเปรี้ยงปร้างขึ้นมาเดี้ยวก็จะซวยกันหมดเท่านั้น ” เขาหันมามองแบบไม่ค่อยจะเชื่อใจเท่าไหร่นัก
“ น่า นะคะ ดิฉันแค่ลูบๆคลำๆเฉยๆ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับไกปืนหรอกค่ะ ” หล่อนทำตาออดอ้อนจนเขาอดที่จะใจอ่อนไม่ได้
“ อ่ะ ได้ๆ ให้ดูแค่แปปเดียวนะ ”
เขายื่นปืนพกลูกโม่ขนาด .38 ส่งให้กับเยาวภา ปืนพกรุ่นนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มตำรวจ และยังเป็นรุ่นเดียวกันกับของนายสนั่นด้วย
“ ระวังรถข้างหน้าด้วยค่ะ ! "
หล่อนแกล้งร้องเสียงดัง ทำให้คนขับตกใจเหยียบเบรคกระทันหัน จนหล่อนหน้าทิ่มลงไปกับพื้น เพื่อไม่ให้เสียโอกาสเยาวภาใช้จังหวะนั้นสับเปลื่ยนปืนพกทันที
“ เป็นอะไรมากไหมครับ ”
“ เป็นสิคะ ถามมาได้ อู้ย หน้าผากแตกหมดแล้วมั้งเนื่ย ”
หล่อนส่งปืนพกกลับคืนให้เค้าพร้อมกับวางกระเป๋าลงโดยทำให้ปากกระเป๋าราบลงกับพื้น ก่อนจะใช้เท้าเตะปืนอีกกระบอกเข้ากระเป๋านั้นไป
“ มาครับเดี้ยวผมจะช่วยประคบให้ ”
“ ไม่ต้องมายุ่งกับดิฉันหรอกค่ะ แผลแค่นี้ทำเองได้ อ้อ แล้วถ้าขับรถห่วยแตกแบบนี้ก็ไม่ต้องไปส่งฉันหรอกนะ ขอเดินไปเองดีกว่า ”
พูดจบเยาวภาก็ก้าวลงจากรถแล้วปิดประตูเสียงดัง ก่อนจะรีบเดินออกไปโดยทำเป็นไม่สนใจเสียงตะโกนที่ดังไล่หลัง
“ กลับมาก่อนสิคุณ เห็นเมื่อกี้บอกว่าอยากจะไปกับผมไม่ใช่เหรอ ”
ตัดกับมาที่ฝั่งเอกภพ เขาเดินทางมาตามที่อยู่เก่าของอรสาซึ่งได้มาจากประทีป มันพาเขามาที่บ้านของคหบดีหลังหนึ่งย่านบางกะปิ สาวใช้คนหนึ่งรีบวิ่งออกมาเปิดประตูหน้าบ้านเพราะได้ยินเสียงกริ่ง
“ มาพบใครคะ ” หล่อนเปิดประตูทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ อ่า คือไม่ทราบว่าเจ้านายบ้านนี้อยู่ไหมครับ ”
“ มีธุระอะไรไม่ทราบคะ ” หล่อนถามห้วนๆพร้อมกับหยุดยิ้มทันทีเนื่องจากเข้าใจว่าเอกภพเป็นพวกขายของเร่
“ คือมีเรื่องอยากจะสอบถามท่านหน่อยน่ะ ”
“ ให้เขาเข้ามาเถอะนังแจ้ว ”
ชายสูงอายุศีรษะล้านคนหนึ่งที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ด้านหลัง ร้องตะโกนบอกกับสาวใช้ของเขา หล่อนจึงเปิดประตูให้เขาเข้ามาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ มีอะไรเหรอพ่อหนุ่ม ดูเหมือนฉันจะไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนเลยนะ ”
เขารีบพนมมือไหว้ชายสูงอายุอย่างนอบน้อม
“ ถูกล่ะครับ ก็ผมกับคุณท่านไม่เคยพบกันมาก่อนจะไปรู้จักกันได้ยังไง ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะมีอะไรบางอย่างอยากจะเรียนถามท่านเจ้าคุณหน่อยน่ะครับ ”
“ เจ้าคงเจ้าคุณอะไรกันฉันไม่ได้มียศมีตำแหน่งอะไรกับเค้าหรอก มาเถอะ เข้ามาคุยกันในบ้านดีกว่า นี่นังแจ้วไปเอาน้ำกับบุหรี่มารับรองแขกหน่อยไป้ "
สักครู่ชายสูงอายุก็พาเอกภพเดินเข้ามายังห้องรับแขกอันโอ่อ่า
“ ตกลงแล้วคุณท่านไม่ได้เป็นเจ้าพระยาหรอกเหรอครับ ”
“ แล้วกัน บอกว่าไม่ได้เป็นก็ไม่ได้เป็นสิ ฉันรณสิทธิ์เป็นเจ้าของห้างขายยารณสิทธิ์เภสัชยังไงล่ะ เคยได้ยินหรือเปล่า ” ท่านตอบยิ้มๆ
เอกภพพยักหน้าช้าๆก่อนจะหยิบรูปถ่ายออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้นายห้างขายยาดู
“ ไม่ทราบว่าท่านเคยเห็นผู้หญิงในรูปนี้หรือเปล่าครับ ”
นายห้างรณสิทธิ์มองดูรูปอยู่สักครู่ก็ส่ายหัวหนักๆ
“ ไม่เคยเห็นเลยพ่อหนุ่ม ”
“ แน่ใจนะครับ ลองนึกดูใหม่เธอชื่อว่าอรสาเผื่อคุณท่านจะคุ้น ”
นายห้างขายยายังคงส่ายหัวเหมือนเดิม พร้อมกับส่งรูปคืนให้เขา
“ ฉันมีลูกสาวรุ่นราวคราวกับผู้หญิงในรูปนี้ตั้งสามคน แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าเธอมีเพื่อนๆที่ชื่อว่าอรสาเลยแม้แต่คนเดียว ”
“ แล้วบ้านหลังนี้ท่านปลูกเองหรือเปล่าครับ หรือว่าซื้อต่อมาอีกที ”
“ เอ้ะยังไงกัน บ้านหลังนี้ฉันอยู่มากว่าห้าสิบปีแล้ว ฉันสร้างของฉันมาตั้งแต่ยังเป็นที่ดินรกร้างอยู่เลย ”
“ อ่า ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอตัวลากลับก่อนล่ะครับ ”
“ อ้าว แล้วจะไม่อยู่กินน้ำกินท่าก่อนเหรอ ”
“ ไม่ล่ะครับ เด็กรับใช้ของท่านดุเหลือเกิน ขืนอยู่ต่อผมคงต้องโดนลงแส้ลงหวายแน่ๆล่ะ ”
เอกภพรีบเดินออกไปจากบ้านทันทีโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะของนายห้างขายยาที่ดังไล่หลัง