อยากเตือนทุกคนว่าสุขภาพจิตไม่ไหวไปหาหมอค่ะ อย่าเผลอทำตัว Toxic ใส่คนอื่น เพื่อนรับฟังได้แต่ไม่ใช่ถังขยะ //INFJ

*****ถ้าคนปกติมาอ่านกระทู้นี้น่าจะรู้สึกแปลกๆแต่ถ้า INFJ คนแปลกเหมือนกัน มาอ่านน่าจะเข้าใจ555555 

สวัสดีค่ะวันนี้หลังจากที่เราตั้งสติได้แล้วก็อยากตั้งกระทู้เพื่อเล่าประสบการณ์หาเพื่อนแลกเปลี่ยนความคิดสำหรับบางคนที่อาจจะกำลังเจอเหตุการณ์ที่เราเจอมาหรือเผลอไปทำตัวแบบนี้กับใครค่ะ

เล่าให้ฟังก่อนว่าเรากับเพื่อนเป็นคนเพื่อนน้อย จริงจังซีเรียสชีวิตตั้งแต่เด็ก ถูกกดดัน เครียดตั้งแต่เด็กเรียกว่าอายุ 17 แต่สมองเครียดแบบคน 30 มองโลกมุมแปลกกว่าเด็กปกติ ส่วนตัวคิดว่าเพราะพื้นฐานครอบครัวมีปัญหาทำให้ถูกบังคับทางอ้อมให้มีความรับผิดชอบจริงจังตั้งแต่เก็ก ถ้าสมัยนี้ก็เรียกว่าคนแบบ Introvert แถมนิสัย INFJ โลกถึงเหวี่ยงมาเจอกัน55555

อะไรๆในตัวเราเหมือนกันมากเช่นปัญหาครอบครัว เรื่องพี่น้องที่ไม่ดีจนเราต้องมาแบกความหวังพ่อแม่แทนตั้งแต่เด็ก เด็กแบบ มิสเตอร์เซเยส ไม่เคยทำครอบครัวผิดหวัง อยู่ในกรอบที่พ่อแม่คิดว่าดีก็ทำตาม ทำให้ค่อนข้างคุยกันภาษาเดียวกันกลับบ้านทางเดียวกันอีกเลยเป็นเพื่อนสนิทกันค่ะ (เรียกได้ว่าเด็กมีปัญหา)

จนหลังๆพอเราเช้ามหาลัยได้เจอคนมากขึ้น เข้าสังคมมากขึ้น เข้าใจว่าคนมีหลากหลาย ศึกษาพื้นฐานเรื่องจิตวิทยาเข้าใจคน เข้าใจโลกมากขึ้น เข้าใจกระบวนการสมอง เลิกมองโลกแง่ร้าย ความเป็น INFJ ชอบ Judge คนอื่นค่อยๆจางลง ทำให้เริ่มอยู่ในสังคมได้ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น ปลงเรื่องครอบครัวได้เยอะเลย รู้สึกว่าคนเป็นโรคจากความเครียดเยอะมากเลยคิดได้ว่ากูเครียดมา20กว่าปี ใช้เวลาสุขภาพอนาคตไปเยอะมาก พอๆไม่เครียดแล้ว

ปกติก็ยังทักแชทคุยกัน บ่นๆชีวิตเหมือนตอนม.ปลาย เป็นแชทที่ไม่ค่อยอัพเดทชีวิตเรื่องดีๆมีแต่บ่น บ่น บ่น แต่พอเรียนจบทำงานชีวิตการทำงานช่วงโควิดสุดจะบัดซบ เครียด เหนื่อยสะสม การคุยแชทกับเพื่อนที่บ่นๆชีวิตกันมันก็เริ่มทวีคูณแชทความรู้สึก Negative แบบสุดๆ ชีวิตจริงทำงานก็จะตายแล้วยังมาเจอแบบนี้อีก เพื่อนชอบมาทิ้งข้อความระบายไว้ 2 3 ประโยค เช่น เหนื่อยยิ้ม จะตาย บลาๆ
เรากับเพื่อนคนอื่นก็บ่นกันะคะส่วนมากบ่นก็คุยปรึกษาว่าทำไงดี แก้ไขยังไงดี แต่เพื่อนคนนี้เค้าเหมือนมาแค่ระบายออก มาคุยมาระบายแต่ไม่เคยรับคำปรึกษาไปฟัง หรือ ปรับใช้ จนเราเหมือนทำซ้ำๆๆๆๆๆๆ จนสมองมันคิดว่าสำคัญทำให้มีช่วงนึงในหัวเรามีแต่เรื่องเพื่อน เราที่ก้าวออกมาจาก Negative ได้ 1 สเตปอยากให้เพื่อนออกมาเจอสิ่งดีๆบ้างมันทุกข์ใจ เพราะนิสัยคน INFJ ไม่มีตรงกลางคนอื่นก็คือไม่ค่อยไปสุงสิงแต่ถ้าคนที่ให้ความสำคัญจะสนใจมาก จะแคร์จนเกินตัวนี้คือข้อเสียของเราเองด้วยที่ทำให้เราไม่ได้พร้อมจะรับขยะตอนเวลา เราเข้าใจบริบทเพื่อนนะคะว่ามันทำไม่ได้ มันไม่กล้าทำ เรียกได้ว่าพยามเข้าไปนั่งจุดแทนเพื่อนแต่สุดท้ายปัญหามันจะไม่มีทางหายไปถ้าเราไม่แก้ไข

มีช่วงนึงเราได้ไปสนิทกับพี่ที่ทำงานคนนึงเค้าสอนเรามาเรื่องนึง เราว่ามันเอามาปรับใช้ดีมากสำหรับเด็กที่เครียดตั้งแต่เด็กเลยมีสภาวะขึ้กังวล คือการใช้ตรรกะ มันอาจจะดูแข็งไปในบางครั้งแต่เชื่อเถอะคนที่ผ่านการคิดมาก คิดวนนนๆๆๆๆในหัวจนกลัวอนาคตที่ยังไม่เกิดเวิร์คมาก

คือพอเกิดปัญหา เครียด คิดมาก กังวลได้แต่ปัญหาจะไม่หายหรือดีขึ้น สิ่งที่ต้องทำคือแก้ปัญหา คิดหลายๆช้อยแล้วคิดถึงผลของมันแล้วก็เลือกทำสักช้อย
สุดท้าย อย่าบ่น เราเลือกทางเราเองอย่าบ่น
สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การแก้ปัญหาวิธีเดิมซึ่งมันได้ผลที่ไม่ได้เวิร์ค รอบต่อไปมันก็จะได้ผลเท่าเดิม

ตอนนั้นหลังจากได้ข้อคิดนี้มาเหมือนแตกฉาน เอามาปรับใช้เรื่องงาน คือถ้างานมันแย่ ทนไหวไหม ทนได้ก็ทนไปเงินคุ้มกับสุขภาพจิต คุ้มกับสุขภาพทนทำได้ทน แต่ถ้าปากบ่นว่าไม่ไหสก็ต้องหาทางออก ช้อยคือลาออกเลยเพราะไม่ไหวแล้วกับรีบหางานใหม่ แต่ที่แน่ๆบ่นไม่ช่วยอะไรเพราะเลือกจะทนทำเอง 

หลังจากรับขยะจากเพื่อนมาเยอะ จนเอาไปนั่งคิดเครียดแทนมันทั้งๆที่มันมาบ่นๆก็รู้สึกดีขึ้นแล้วก็กลับไปนั่งดู ยูปทูป เน็ตฟริก แต่ข้อความความเครียด ความทุกข์ของมันยังคงตีอยู่ในหัวเรา เพราะเราเป็นคนคิดมาก จนเราเอาข้อคิดนี้ไปให้เพื่อนแล้วแต่เพื่อนก็ยังทำตัวแบบเดิม บ่นเหมือนเดิม เพิ่ม Negative เราพูดจริงๆว่ามันเยอะจนมันวนในหัวเราตอนอาบน้ำ ตอนกินข้าว จนสุดท้าย INFJ ปล่อยวาง แคร์แค่ไหนก็ต้องปล่อย ชีวิตเราก็เครียดเราต้องรักตัวเองมากกว่าคนอื่นมาปล่อยให้ 10%ของความเครียดเป็นของคนอื่นมาแบกไว้ทำไม เราแบกไว้เองทั้งๆที่ไม่มีใครขอ เพราะแค่รู้สึกว่าเราเจออะไรเหมือนๆกันกูเข้าใจจนเป็นคนเดียวที่มันกล้าเล่าทุกอย่างให้ฟัง กลัวมันเป็นซึมด้วยก็บอกไปหาหมอประมานล้านรอบแล้วแต่ก็ไม่ไป จนสุดท้ายเราไม่ค่อยตอบมันไม่คุยยืดยาเพราะมันคือเรื่องเดิมๆ ได้แต่แนะนำว่าให้ไปหาหมอ บางคนเกินเยียวยาก็ต้องปล่อยให้เค้ามีประสบการณ์ด้วยตัวเองจริงๆ

เพื่อนสนิทที่เผลอทำตัว Toxic ใส่เราเราไม่ได้โกรธหรือคิดว่าตัวเองดีกว่าเค้านะคะ เพราะบางครั้งเราเองก็อาจจะเผลอไปทำกับคนอื่น แต่ด้วยช่วงเวลานั้นเราก็เจองานที่หนัก ปัญหาครอบครัวที่วุ่นวายจนสุขภาพจิตเราไม่ไหวยิ่งมาเจอแบบนี้พูดเลยค่ะว่าเกือบพบหมอเองเพราะปัญหาคนอื่น555 ตอนนี้เราเลยห่างๆจากแชทเพื่อนมาถึงจะรู้สึกผิดที่เหมือนทิ้งเพื่อน แต่เราเริ่มรู้จักการรักตัวเองมากขึ้น เลือกรับสิ่งดีๆเข้าชีวิต คิด positive ให้เมฆหมอกดำๆรอบตัวมันจางหายไป
ตอนนั้นเกือบพบหมอแล้วแน่คิวยาวเป็นเดือนเลยหายเองก่อน แนะนำทุกคนนะคะว่าาการหาหมอจิตแพทย์เป็นเรื่องปกติอย่าไปกลัว
จิตวิทยาบอกว่าการเขียน เล่าออกไปจะรู้สึกดีขึ้นจะได้ไม่ต้องไปสนใจมันเราไม่รู้จะไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยขอมาตั้งกระทู้ทิ้งไว้หน่อยค่ะ

สุดท้ายฝากเช็คตัวเองว่า
-เราเอาเปรียบคนที่เราชอบไปคุยปรึกษากับเค้าไหม เอาแต่ปัญหาไปให้ เคยเอาเรื่องดีๆไปแชร์ไปเล่า ไปแบ่งให้เค้าไหม?
-ปรึกษาแทบตายตัวเองไม่ทำสักอย่าง มันเสียทรัพยากรทั้ง ความคิด ค่าไฟ เวลา ความเครียด ของคนที่ให้คำปรึกษา ถ้าเกรงใจเค้าเลือกคำแนะนำดีๆมาปรับใช้ด้วยนะคะ
-จะปรึกษาอะไรใครเช็คคนฝั่งนั้นด้วยว่าสภาวะเค้าโอเคไหม บางคนเค้าไม่ได้โพสต์บอกใครแต่ถ้าจริงๆสุนัขเค้าตายเค้าเศร้าอยู่เหมือนกันแต่ต้องแบ่งเวลาแบ่งมารับความทุกข์ของคนอื่นเพิ่มก็น่าเห็นใจนะคะ
-โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเอง คนอื่นเค้าก็ทุกข์เหมือนเราแต่คนละปัญหา ทุกคนมีความทุกข์เหมือนๆกัน
-ถ้าอยากเปลี่ยนดีขึ้นก็ต้องเปลี่ยนการกระทำ อยู่ตรงนั้นทุกข์แสดงว่าถ้าทำแบบเดิมก็ทุกข์ เดินออกมา คนอื่นช่วยตะโกนยังไงถ้าไม่ก้าวขาเองก็จมอยู่แบบนั้น
-คนที่รับผิดชอบตัวเราคือตัวเรา ทุกการตัดสินใจ ยอมรับมัน อย่าบ่น ถ้าผลมันแย่ก็เปลี่ยนแก้ไขอีกรอบ อย่าบ่นเอา Negative  ไปให้คนอื่น
-คนเราแชทหากัน คิดถึงกันไม่ควรแค่ตอนเดือดร้อน ตอนทุกข์

*****ถ้าคนปกติมาอ่านกระทู้นี้น่าจะรู้สึกแปลกๆแต่ถ้า INFJ คนแปลกเหมือนกัน มาอ่านน่าจะเข้าใจ555555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่