กราบเท้าคุณแม่ ผมสัญญา Mazda คันนี้ จะเป็นคันสุดท้ายในชีวิตผม

Mazda คันนี้ ไม่ใช่รถยนต์ป้ายแดงคันแรกของผม ชีวิตผมผ่านป้ายแดงมาทั้งหมด 3 คัน
คันแรกคือ Toyota Soluna คุณแม่ซื้อให้ขับไปเรียน บ้านเราไม่ได้ร่ำรวย แต่ผมไปสอบได้มหาวิทยาลัยไกลบ้าน
ปีแรกผมนั่งรถเมล์ประมาณหนึ่งชั่วโมงสำหรับขาไปและอีกหนึ่งชั่วโมงสำหรับขากลับ
คุณแม่เลยตัดสินใจซื้อรถยนต์ให้ ที่เลือกป้ายแดงเพราะขับไกลบ้านทุกวัน City Car น่าจะเหมาะ
 
คันที่สองคือ Nissan March ซื้อให้ภรรยาขับส่งลูกไปโรงเรียน ซื้อเพราะช่วงนั้นนายกปูออกโครงการรถคันแรก
เพิ่มเงินอีกหน่อยได้ป้ายแดงแล้วเมื่อเทียบกับราคามือสอง ค่าบำรุงรักษาสบายๆ
จนมาถึงคันสุดท้าย เป็นคันที่ทำให้ผมจำคำพูดแม่จนวันตาย

"ทำไมซื้อ Mazda หละลูก ไม่เอา Toyota เหรอ คนรุ่นแม่ไม่มีใครใช้ Mazda กันเลยนะ"

ท้าวความสักนิด ผมมีอาชีพเหมือนคนปกติทั่วๆไป ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ไม่ได้เป็นเศรษฐี ฐานะปานกลาง
กว่าจะซื้อรถแต่ละคัน ถามทั้งครอบครัว ถามแม่ ถามเมีย ถามเพื่อน ถ้าตอนนั้นลูกพอรู้ความ ผมคงถามลูกด้วย
แต่ตอนซื้อคันนี้ ลูกผม 2 ขวบเอง เดินขึ้นรถเองได้ก็เก่งแล้ว

ประโยคที่แม่เตือนมานี้ ในตอนนั้นลูกชายวัย 36 ไม่ฟัง ถึงจะฟังก็หูซ้ายทะลุหูขวา ยิ่งถูกเป่าหูมาว่า ใช้ Toyota ดูแก่ ดูโบราณ
เด็ดสุดคือโดนเพื่อนล้ออยู่บ่อยๆเวลารับเพื่อนไปเที่ยวคือ เอ้า แท็กซี่มาแล้ว ฮ่าๆผมไม่คิดไรมากหรอกเพื่อนฝูงแซวๆหยอกๆกัน
ด้วยเหตุนี้รถยนต์คู่เทียบอย่าง Honda CRV ผมไม่ชายตามองเลย Mazda ดูโฉบเฉี่ยว ดูวัยรุ่น ขับก็ดี เข้าโค้งดี

ภาพลักษณ์ดูเหมือนคนที่ขับ ดูฉลาด ดูวัยรุ่น ดูกล้าลองของใหม่
จัดไปครับ 1,670,000 ถ้วน



ดาวน์ไป 500,000 ได้ Mazda CX-5 2.2 Diesel AWD สมใจอยาก ราคานี้รวม Mazda Care ด้วยนะ
ขับปลอดภัย ดีใจทั้งบ้าน มีแม่ผมคนเดียวแหละ ที่นั่งไปบ่นไปตามประสาคนแก่ 

"มันก็เหมือนๆยี่ห้ออื่นแหละลูก ไม่เห็นจะดีกว่าตรงไหน"
"นั่งๆไปเหอะแม่ นี่เงินผม ... ไม่ใช่เงินแม่ ผมผ่อนเอง ดาวน์เอง แม่นั่งอย่างเดียวก็พอ อย่าบ่น !!!"

ไม่รู้ว่าเป็นบาปกรรมหรือความซวย ยังไม่ได้ทันได้เช็คระยะรอบแรก งานงอกเลย
"คุณลูกค้าไม่ได้มี Mazda Care ในระบบนะคะ" นี่คือคำที่ Mazda Sale ใหญ่ตอบผมมา
เพราะผมอยากจะนำรถเข้าศูนย์ครั้งแรกที่จังหวัดพังงา

หลายคนอาจจะงงว่า Mazda Care คืออะไร มันคือโปรแกรมเช็คระยะฟรี 6 ครั้งแรก โปรแกรมนี้ราคา 20,000 บาท
ถ้าไม่ซื้อเพิ่ม จะได้ฟรีแค่ 3 ครั้งแรก ครั้งต่อไปต้องจ่ายค่าแรงค่าอะไหล่เอง โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่าเข้าศูนย์ได้ทุกที่ทั่วประเทศ
ผมจึงตัดสินใจซื้อโปรแกรมนี้เพราะบ้านภรรยาผมอยู่พังงา เราไปกันปีละหลายครั้ง 

แต่ไม่มีโปรแกรม Mazda Care ของรถผมในระบบ

ผมคิดว่าปัญหานี้เกิดจากศูนย์ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรภายใน ศูนย์แก้ปัญหาให้ผมโดยการออก Mazda Care ปลอมๆ
โดยมีเงื่อนไขคือ ผมเข้าได้แต่ศูนย์ Mazda วงเวียนพระราม 5 เท่านั้น แน่นอนว่าเงื่อนไขแบบนี้ ผมไม่อาจยอมรับได้ สุดท้ายศูนย์จึงตกลง
ให้ผมนำรถเข้าศูนย์อื่นได้ โดยที่ผมจะต้องแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้ทางบัญชีของศูนย์ได้ติดต่อและเครียลเงินกันเอง

มาถึงตรงนี้ผมยอมรับนะว่า ผมได้รับบริการเหมือนๆลูกค้าท่านอื่นที่ซื้อ Mazda Care แหละ แต่ผมน้อยใจ ทำไมผมจ่ายเท่าคนอื่น
แต่ผมได้ของปลอม แม้ว่ามันจะทำงานได้เหมือนของจริง แต่ยังไง มันก็คือ Mazda Care ที่ไม่ได้คูปอง ไม่ได้อยู่ในระบบเหมือนลูกค้าท่านอื่นๆ

เรื่องนี้ผมไม่ได้บอกแม่ ผมไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ มันเป็นเรื่องเล็กๆ แต่กว่าจะเครียลกับศูนย์ได้ ผมบอกได้คำเดียว
เรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ช่างมันเถอะ แล้วก็แล้วกันไป และนี่คือโฉมหน้า Mazda Care แบบฉบับศูนย์พระราม 5
ใครที่ทำงาน Mazda และรู้จัก Mazda Care คุณอาจจะงงว่า นี่มัน Mazda Care รุ่นไหน ปกติมันต้องเป็นคูปองมิใช่รึ



หลายคนอาจจะงง นี่เหรอคูปอง Mazda Care มันเป็นใบอนุมัติขายไม่ใช่เหรอ
ใช่แล้วครับ ศูนย์นี้เอาใบอนุมัติขายมาเขียนว่า "ใช้แทน Mazda Care" แค่นี้ปัญหาจบฟริ้ง ง่ายจัง
ไม่ต้องไปลงทะเบียนกับ Mazda ประเทศไทยเหมือนลูกค้าคนอื่น 
แต่ตังค์เก็บเท่าคนอื่นนะ ไม่คืน ไม่ลด อยากได้เงินคืน ไปฟ้องเอา !!!

พอเหอะ ไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวแม่รู้แม่จะไม่สบายใจ ใช้รถวัยรุ่นต่อดีกว่า
รถวัยรุ่นมันต้องมีปัญหาแบบวัยรุ่นบ้างเป็นธรรมดา

ผมใช้รถเรื่อยมา หนึ่งปี กับ สี่เดือน อะไหล่นอกรายการชิ้นแรกมาแล้วครับ .... แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของรถรุ่นนี้เป็นรุ่นไฟแรงสูง ใช้สำหรับระบบดับเครื่องเวลารถติด ผมชอบนะ ดูประหยัดน้ำมันดี แต่เดี๋ยวก่อน
ลูกละ 7,776 บาท ไม่รวมค่าแรง ไม่รวมภาษี

ผมไม่รอช้า ต่อสายร้านแบตข้างนอกครับ ได้ความว่า Spec เดียวกัน ค่า CCA ใกล้เคียงกัน ราคา ไม่เกิน 3,000 
โอเค เปลี่ยนข้างนอกดีกว่าประหยัดกว่าเยอะ ยุคนี้ยุคออนไลน์ จะมาขายของไม่สมเหตุ ลูกค้าเขาไม่ได้โง่ เขาเช็ค เขาตรวจ 
ดีที่ยังไม่ได้สั่งซื้อแบตกับอาเฮียร้านแบต ผมไปแจ้งศูนย์ก่อนดีกว่าว่าเราอยากใช้แบตตามงบของเรา

"เปลี่ยนแบตข้างนอก ประกันระบบไฟฟ้าขาดนะครับพี่"

ผมนี่เหมือนสายฟ้าฟาดกลางหลังเลย นี่มันปล้นกันรึเปล่า คิดค่าอะไหล่มากกว่าสามเท่าตัวโดยเอาประกันระบบไฟเป็นตัวประกัน
คือง่ายๆไม่ซื้อของชั้นก็ได้ แต่ระบบไฟพัง ชั้นถือว่าเกิดจากแบตแกนะ 

อ่านถึงตรงนี้ ผมพิมพ์ไปเจ็บใจไป นี่หากินกันแบบนี้เหรอ เย็นวันนั้นผมกลับไปบ้าน บอกแม่ตรงๆ
แม่ผมไม่รอช้า "เห็นมั้ย บอกแล้ว ไม่เคยเชื่อ" ผมได้แต่เงียบ แล้วยื่นบิลให้แม่เก็บเพราะแม่ชอบเก็บเอกสารไว้ทุกอย่างเป็นนิสัย

"เดี๋ยวแม่ไปค้นดูให้ไหมว่ารถแกสองคันก่อนหน้านี้แบตลูกเท่าไหร่" ผมรีบบอก "ไม่ต้องเลย จ่ายเงินไปแล้ว จบๆไป"
คือแบต Soluna กับ March ลูกละพันต้นๆอะครับ รถ Mazda คันใหญ่ย่อนแพงกว่าตรงนี้ผมรับได้ครับ
แต่ในของคุณภาพ CCA เท่าๆกัน ราวๆสามพันรวมค่าแรง เทียบกับแบต Mazda เบ็ดเสร็จ 8 พันกลางๆ
ปีกว่าเปลี่ยนที รู้ชะตากรรมตัวเองเลย ที่เขาล่ำลือกันว่า Mazda อะไหล่แพงนั้น สมคำล่ำลือ 

ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าแพงขนาดนี้ แพงไม่ว่าบังคับซื้อโดยผูกกับประกันระบบไฟฟ้าอีก 
ไม่คิดไปลูกละหมื่นเลยหละครับพี่ พี่จะได้รวยไวๆ ยังไงผมก็ต้องซื้อกับพี่อยู่แล้วนี่นา



8,448.72 บาท สำหรับค่าแบตเตอรี่หนึ่งลูกที่ต้องเปลี่ยนทุกปีครึ่ง ถ้าไม่จ่ายราคานี้ ประกันระบบไฟจะขาด
ผมรู้ได้ทันทีว่า ผมไม่ควรตัดสินใจซื้อรถจากความชอบเพียงชั่วครู่ อย่างน้อยๆ ผมควรตรวจสอบราคาอะไหล่สิ้นเปลืองเสียก่อน
หรือไม่ ผมก็ควรฟังแม่ผมบ้าง ว่าที่คนรุ่นก่อนๆเขาไม่นิยมยี่ห้อนี้เพราะอะไร 

ของใหม่ๆมันเย้ายวนใจวัยรุ่นเสมอ ทำให้ไม่คิดหน้าคิดหลัง ผมได้แต่ภาวนาให้อะไหล่อื่นไม่เสีย
เพราะผมไม่สามารถใช้ของยี่ห้ออื่นได้ เขาผูกกับประกันของเขา แน่นอนไม่ใช่แค่แบต
ค่าน้ำมันเครื่อง ค่าแรง ล้วนถูกผูกกับประกันระบบเครื่องยนต์ของเขาด้วย ถ้าคุณไม่ยอมจ่ายค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกับเขา
เขาจะไม่รับประกันอะไรเลย

เขาวางเงื่อนการตลาดมาค่อนข้างดี นี่ถือว่าปราณีเพราะต่อให้คิดค่าแบตลูกละหมื่น น้ำมันเครื่องแกลลอนละห้าพัน
ผู้บริโภคตัวเล็กๆก็ต้องจ่าย ทำอะไรไม่ได้ หรือมีใครจะยอมเสี่ยงประหยัดค่าอะไหล่แลกกับประกันเครื่องพังและระบบไฟขาด

มาถึงตรงนี้แม่ผมแกไม่ซ้ำเติมผม แกได้บอกแต่ว่า เป็นประสบการณ์นะลูกนะ
คำผู้ใหญ่มีเหตุมีผล อาจจะไม่ถูกทั้งหมด แต่เอ็งควรฟังไว้
ปัญหาทั้งหมดข้างบน ถามว่าเหนื่อยใจไหม ผมบอกเลยผมเหนื่อย แต่ไม่เท่าปัญหาที่จะเจอหลังจากนี้ครับ

ผมใช้รถจนถึง 80,000 กิโล หมดเงินหมดทองค่าอะไหล่ที่แสนแพง ค่าบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ค่าแรง
ที่ถูกผูกไว้กับประกันเครื่องยนต์ที่ผมต้องทน เปลี่ยนข้างนอกก็ไม่ได้เพราะถ้าเครื่องพังเขาโยนทันที
ที่ 82,000 อายุเครื่องยนต์ 4 ปีกว่าๆ ช่วงเดือนตุลาคม ปี 20 หลังจากเพิ่งไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ระยะ 80,000 และใช้ต่อเพียง 2,000 กิโล
อาการน้ำดันของรถยนต์รุ่นนี้เริ่มปรากฎ กล่าวคือน้ำมันเครื่องโดยปกติมันต้องอยู่ระหว่าง O ==== O แต่ไม่เกิน X
ถ้าเกิน O จุดบนคือน้ำมันเครื่องท่วม ระดับน้ำมันเครื่องของผม อยู่ระหว่าง O บน เกือบๆ ถึง X 



ผมไม่รอช้า รีบโทรไปแจ้งความผิดปกตินี้กับศูนย์ Mazda พระราม 5 เพื่อเปลี่ยนเครื่องยนต์เพราะยังไม่หมดระยะประกัน
ความอดทนที่เรายอมใช้อะไหล่ศูนย์แพงๆน่าส่งผลบุญกับเราบ้าง ผลปรากฎว่า

"พี่ต้องนำรถมาถ่ายน้ำมันเครื่องออกใหม่ด้วยค่าใช้จ่ายพี่เองครับ ส่วนเรื่องเคลมเครื่องทำไม่ได้ครับ ต้องรอน้ำดันก่อน"

เดี๋ยวๆ น้ำมันเครื่องเกิน คุณให้ผมใช้รถต่อ ผมเพิ่งใช้รถไป 2,000 กิโล น้ำมันดีเซลมันลงมาผสมกับน้ำมันเครื่อง
จนน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ คุณให้ผมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องด้วยเงินตัวเองทุก 2,000 กิโล โดยให้เหตุผลว่าเครื่องมันยังไม่พัง
แค่ต้องจ่ายเงินให้ศูนย์ทุก 2,000 กิโลเนี่ยนะ พูดง่ายจัง 

ผมตัดสินใจไม่ถ่ายน้ำมันเครื่องออก ให้มันท่วมแบบนั้นแหละ เพราะในเมื่อศูนย์ต้องการให้มันพัง
โดยไม่สนว่าจะพังตอนขับรถขึ้นเขา ลงห้วย ลูกป่วย กลางค่ำกลางคืน ขออย่างเดียวให้พังคาเท้า
เขาต้องการแบบนั้น

ผมทนใช้รถเรื่อยมาด้วยความทุกข์ใจ จะไปไหนกลางคืนก็ไม่กล้า ปกติขับรถลงใต้อยู่บ่อยๆ
ตอนนี้เลี่ยงได้ผมเลี่ยง ผมใช้รถแค่เท่าที่จำเป็นจริงๆ จะตัดใจขาย ผมบอกตรงๆสงสารคนซื้อต่อ
อีกอย่างบ้านผมเป็นคนใช้รถนาน ไม่ค่อยเปลี่ยนรถ 

ระหว่างนี้ผมติดตามข่าวสารจากเพื่อนๆที่พบปัญหาเดียวกัน น่าตกใจมาก รถรุ่นนี้มีการแจ้งเปลี่ยนเครื่องมาแล้วกว่า
888 เครื่อง อ้างอิงจาก คดีดำเลขที่ 894/2564 แดงที่ 2889/65

นั่นย่อมหมายความว่าไม่ว่าพฤติกรรมการขับรถคุณจะเป็นอย่างไร สิ่งที่คุณต้องเจอ
ไม่ช้าไม่เร็วรถยนต์รุ่นนี้ต้องแบตเตอรี่เสื่อมเร็ว (ผมเจอในปีที่สอง)
น้ำมันเครื่องเกิน (ซึ่งผมเจอในปีที่ 4 ครึ่ง) และสุดท้ายน้ำดันจนเกิดความร้อนทำให้เครื่องยนต์พังในช่วงระยะ 100,000 กิโลเมตร

ผมยังจำคำพูดของ Mazda ที่ออกสื่อได้ดีว่า ต่อให้เครื่องพังน้ำดันเมื่อเกิน 6 ปี ทาง Mazda ก็จะดูแลต่อ โดยมีเงื่อนไขว่า
ลูกค้าต้องมีไมตรีจิตที่ดี ผมบอกตรงๆผมฟังแล้ว งง มีไมตรีจิตที่ดี แปลว่าอะไร แปลว่าไม่บอกต่อ เงียบเข้าไว้ อย่าพูดปัญหานี้ให้ใครฟัง 
ให้คนรุ่นต่อๆไปซื้อมาใช้ต่อ ... แปลแบบนี้ใช่หรือไม่ 

และแล้วรถยนต์ของผมก็น้ำดันจนได้



ผมไม่รอช้ารีบนำรถยนต์เข้าศูนย์ด้วยไมตรีจิตที่ดีวันที่ 3 เดือน 5 ปี 65 (ผมซื้อรถวันที่ 1 เดือน 3 ปี 59)
อายุรถ 6 ปี กับ 2 เดือน ศูนย์นำรถไปตรวจสอบและยืนยันว่าน้ำดันจริง 



เอาน่า ทาง Mazda คงมีไมตรีจิตที่ดี เกินไป 2 เดือน น่าจะช่วยกันบ้าง และนี่คือสิ่งที่ผมได้รับ



นั่นแหละครับค่าซ่อมทั้งหมด แสนสาม มีส่วนลดนะ แต่ต้องทำเรื่อง เค้าว่ามาแบบนี้
โถ่ว ... ถ้าผมขับรถแบบ ตะบี้ตะบัน บุกน้ำลุยไป ขึ้นเขาลงห้วย ลุยป่าลุยเขา ไม่เข้าศูนย์
ใช้นำมันเครื่องปลอม ไม่เป็นเด็กดียอมจ่ายแพงๆยอมโดนโขกสับ ผมจะไม่ว่าเลย

เมื่อหกปีที่แล้ว ผมเคยเอ็ดแม่ไปว่า แม่ไม่รู้อะไร เครื่องดีเซลนั้นแข็งแรงทนทาน วิ่งกันเป็นล้านโล ใช้กันเป็นสิบปี
มาบัดนี้ ความมั่นใจผมไม่เหลือ ขอยอมคลานเข้าไปกราบเท้าแม่ ขอให้อโหสิกรรมให้กับลูกชายคนนี้
ที่ไม่เชื่อ ไม่ฟังตำผู้ใหญ่ อวดรู้ อวดดี อยากเป็นวัยรุ่น ไม่อยากใช้รถแบบคนปกติที่มีเงินเก็บ
ผมหมดเงินหมดใจไปกับรถคันนี้และยี่ห้อนี้จนไม่เหลืออะไรจะบรรยายอีกแล้ว  

มีหนึ่งอย่างที่ผมรอและมีหนึ่งอย่างที่ผมจะไม่รอ
ที่ผมรอคือความยุติธรรมที่กำลังเดินทางอยู่ อยากให้คดีนี้เป็นตัวอย่างที่ดีกับผู้ผลิตรถที่ควรมีต่อสังคม
ส่วนที่ผมจะไม่รอเลยคือ

ผมกราบขอโทษแม่ครับที่ตัดสินใจผิด
และผมสัญญาครับ ... ชีวิตนี้ผมจะไม่ทำผิดซ้ำอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่