JJNY : 5in1 สมชัยโชว์บันทึกกรธ.│‘เพื่อไทย’อัดกฎเหล็กกกต.│อำนาจเจริญอ่วม│‘เศรษฐา’มองลต.จุดเปลี่ยนปท.│ประณามโสมแดง

จบแล้วครับเจ้านาย! สมชัย โชว์บันทึก กรธ. ‘มีชัย-สุพจน์’ ความเห็นวาระนายกฯ 8 ปี
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7291722
 
 
สมชัย ลั่นขอมาเห็นด้วยตาตัวเอง โชว์บันทึก กรธ. ความเห็น มีชัย ฤชุพันธุ์ และ สุพจน์ ไข่มุกด์ ในการประชุมครั้งที่ 500 เกี่ยวกับวาระนายกฯ 8 ปี
 
เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2565 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงบันทึกการประชุมของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ว่า 
 
มาค้นบันทึกการประชุม กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ให้เห็นกับตาตัวเอง
 
หอสมุดรัฐสภา อยู่ที่ชั้น 9 อาคารกลาง ของรัฐสภา ยังไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการนัก เนื่องจากทางเข้าซับซ้อนและประชาชนทั่วไปอาจไม่สะดวกในการเข้าพื้นที่รัฐสภาใหม่
 
เอกสารบันทึกการประชุม กรธ. มี copy เดียว เย็บปกแข็ง จำนวน 11 เล่ม เป็นบันทึกครั้งที่ 1- ครั้งที่ 485 หนักเล่มละ ราว 3 กิโล
ส่วนเล่มที่อยากดูเป็นปกอ่อนสีเหลือง ของการประชุมครั้งที่ 486-501 ที่แยกออกมาต่างหาก
 
บันทึกการประชุมครั้งที่ 500 วันที่ 7 ก.ย. 2561 เริ่มประชุมเวลา 13.40 น. มีกรรมการเข้าประชุม 19 คน ในวาระที่ 3 เป็นเรื่องเพื่อพิจารณา มีมาตราที่นำเข้าสู่การพิจารณา คือ มาตรา 158, 161, 171, 174, 175, 176, 177, 179, 180, 182 และ 183
 
ในส่วนมาตรา 158 ที่ว่าด้วยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ห้ามเกิน 8 ปีนั้น อยู่ในหน้า 2-6 มีผู้อภิปรายและการมีมติดังนี้
 
“หากนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันที่รัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้บังคับ เมื่อประเทศไทยยังคงมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ควรนับระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวรวมเข้ากับระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วย”
สุพจน์ ไข่มุกด์ รองประธานกรรมาธิการคนที่หนึ่ง (หน้า 3)
 
“เมื่อพิจารณาบทเฉพาะกาลในมาตรา 264 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนหน้าประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่ และให้นำความในมาตรา 263 วรรคสาม มาใช้บังคับแก่การดำรงตำแหน่งด้วยโดยอนุโลม” การบัญญัติในลักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า แม้จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ก่อนวันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับก็สามารถนับรวมระยะเวลาดังกล่าวรวมกับระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ ซึ่งเมื่อนับรวมระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 8 ปี”
มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. (หน้า 3-4)
 
“ได้กำหนดหลักการใหม่เกี่ยวกับการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการนับระยะเวลา กล่าวคือ การนับระยะเวลาแปดปีนั้น แม้บุคคลดังกล่าวจะมิได้มีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีติดต่อกันก็ตาม แต่หากรวมระยะเวลาทั้งหมดที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของบุคคลดังกล่าวแล้วเกินแปดปี ก็ต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตาม ได้กำหนดข้อยกเว้นไว้ว่า การนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีในระหว่างรักษาการภายหลังจากการพ้นตำแหน่ง จะไม่นำมานับรวมกับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีดังกล่าว การกำหนดระยะเวลาแปดปีไว้ก็เพื่อมิให้เกิดการผูกขาดอำนาจในทางการเมืองยาวนานเกินไปอันจะเป็นต้นเหตุเกิดวิกฤตทางการเมืองได้”
มติที่ประชุม กรธ. (หน้า 6)
 
เลิกประชุมเวลา 16.40 น.
 
บันทึกการประชุมครั้งที่ 501 วันอังคารที่ 11 ก.ย. 2561 เริ่มประชุมเวลา 14.05 น. มีกรรมการเข้าประชุม 18 คน
ระเบียบวาระที่สอง รับรองบันทึกการประชุม
 
“คณะกรรมการมีมติรับรองบันทึกการประชุมครั้งที่ 497 วันอังคารที่ 28 ส.ค.2561 ถึงครั้งที่ 500 วันศุกร์ที่ 7 ก.ย.2561 ที่คณะอนุกรรมการพิจารณาตรวจบันทึกการประชุมและรายงานการประชุมตรวจทานแล้ว โดยไม่มีการแก้ไข”
(หน้า 2)
 
เลิกประชุมเวลา 16.05 น.
 
จบแล้วครับเจ้านาย
 
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid07Vaa6DbtgicZ3wGBZXPjUK8MzbhrpUbzi3ApYMeEYtnyBNANywUGEkuVexExMGanl
 

 
‘เพื่อไทย’ แถลงการณ์ อัดกฎเหล็ก กกต. ลักลั่น-ไม่ชัดเจน ไม่สอดคล้องสามัญสำนึก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3589216

“เพื่อไทย” แถลงการณ์กรณีกฎเหล็ก กกต. คุมเข้ม 180 วันก่อนวันครบอายุสภาฯ กังวลความเท่าเทียม ลั่น พร้อมเสนอแนวทางปรับปรุงให้ กม.ดีขึ้น
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 กันยายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกระเบียบตามมาตรา 64, 65 และ 68 กฎหมายเลือกตั้งว่า ภายในระยะเวลา 180 วันนับตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2565 ไปถึงการเลือกตั้งทั่วไป ผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องรวมนับค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง และมีข้อห้ามอื่นๆ เรื่องการแจกสิ่งของและวิธีการหาเสียงนั้น
 
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวต่อว่า พรรค พท. มีความเห็นว่า กฎหมายเลือกตั้งต้องทำให้การเลือกตั้งสุจริต เสรีและเป็นธรรม ใช้บังคับกับนักการเมือง พรรคการเมือง และว่าที่ผู้สมัครอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะมีตำแหน่งอยู่ในฝ่ายบริหารหรือไม่ก็ตาม โดยมีความเห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าวอาจมีปัญหาว่าขัดกับหลักสามัญสำนึก หลักนิติธรรมและหลักปฏิบัติที่ใช้กันมาดังนี้ 1. บทบัญญัติในกฎหมายเลือกตั้งทำนองนี้ ไม่เคยมีมาก่อน แต่เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหารและพิจารณาโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่สมาชิกไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่กลับเป็นผู้พิจารณาเรื่องการเลือกตั้ง
 
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวต่อว่า 2. ข้อจำกัด 180 วันนี้มีความลักลั่น เนื่องจากถ้าในการเลือกตั้งภายหลังการยุบสภา จะต้องใช้บทบัญญัติอื่นที่ระยะเวลาในการคำนวณค่าใช้จ่าย และห้ามกระทำบางเรื่องจะสั้นกว่า ตามปกติประมาณ 60 วัน สะท้อนว่าการห้ามเป็นระยะเวลา 180 วันนั้นไม่มีตรรกะที่ดีในการร่างกฎหมาย 3.เงื่อนไข 180 วันนั้น เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนนานเกินควรที่จะได้รับทราบนโยบายของนักการเมืองในบางสถานที่และเวทีที่มีข้อห้ามและประชาชนมาชุมนุมกันจำนวนมาก เช่น ในเวทีที่มีมหรสพ อีกทั้งยังทำให้นักการเมืองไม่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติประเพณีได้ในช่วงเวลานั้น เช่น การใส่ซองในงานประเพณีต่างๆ นอกจากนั้นข้อห้ามที่ค่อนข้างนานกระทบต่อการดูแลช่วยเหลือประชาชนถ้ามีกรณีภัยพิบัติต่างๆ เช่น น้ำท่วม เป็นต้น
 
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวต่อว่า 4. เงื่อนไขในลักษณะนี้มีปัญหาเรื่องความชัดเจน ก่อให้เกิดความกังวลว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ซึ่งแม้ กกต.จะได้ชี้แจง แต่ข้อกังวลยังคงอยู่ เพราะยังมีช่องในการตีความและใช้ดุลพินิจ กฎหมายที่ดีควรชัดเจน และไม่ควรเปิดช่องให้ต้องตีความ และ 5.ข้อที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ ความเป็นธรรมและความเท่าเทียม ถ้าบทบัญญัติและระเบียบห้ามนักการเมืองทั่วไปว่าทำไม่ได้ แต่ผู้มีตำแหน่งทางฝ่ายบริหารในรัฐบาลเช่นรัฐมนตรีทำได้ อาจรู้สึกว่าลักลั่นกัน มีปัญหาเรื่องความเท่าเทียมเป็นธรรมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองก่อนเข้าสู่การเลือกตั้ง พรรคมีความเห็นว่าบทบัญญัติกฎหมายต้องไม่ทำให้ฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ
 
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวด้วยว่า พรรค พท.เห็นว่า โจทย์สำคัญของการเลือกตั้งคือ ต้องสุจริต เสรีและเป็นธรรม ดังนั้น กฎหมายเลือกตั้งต้องตอบโจทย์นี้ให้ได้ ถ้าบทบัญญัติเรื่องค่าใช้จ่าย และการห้ามทำกิจกรรมในบางเรื่องในช่วงเวลา 180 วันก่อนสภาผู้แทนราษฎรครบวาระ ไม่ตอบโจทย์ และไม่ได้ทำให้การเลือกตั้งสุจริต เสรีและเป็นธรรมมากขึ้น เราก็ต้องช่วยกันพิจารณาหาทางแก้ไข และพรรค พท.พร้อมที่จะพิจารณาเสนอแนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ร่วมกับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อปรับปรุงกฎหมายให้ดียิ่งขี้น เนื่องจากกฎหมายที่ดีต้องชัดเจน ปฏิบัติตามได้ สอดคล้องกับสามัญสำนึก และหลักนิติธรรม



พิษโนรู อำนาจเจริญอ่วม น้ำทะลักท่วมบ้าน ถนนบายพาส จมบาดาล
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7292175

พิษโนรู อำนาจเจริญอ่วม น้ำทะลักท่วมบ้านประชาชน เร่งขนของขึ้นที่สูง ขณะที่ถนนบายพาส ยังจมบาดาล น้ำเอ่อท่วม ต้องเจาะเปิดทางระบาย
 
อำนาจเจริญ – วันที่ 29 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์อิทธิพลของพายุโนรูที่พัดผ่านจังหวัดเมื่อช่วงเช้าที่มา แม้ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว แต่ยังมีหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุในครั้งนี้
 
โดยบริเวณถนนบายพาสอำนาจเจริญ-อุบลราชธานี ยังคงจมบาดาล ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมเมื่อช่วงเช้า 50 เซนติเมตร ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาเกือบเท่าตัว เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทางดังกล่าวไม่ให้ประชาชนสัญจรไปมาเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ และได้มีการนำรถแบคโฮเจาะเกาะทางถนน เพิ่มให้น้ำที่ท่วมขังอยู่ระบายลงลำห้วย พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่อง
 
ปภ.อำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ด้วยอิทธิพลของพายุโนรู ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตกหนักสะสม 143 มิลลิตร ทำให้มวลน้ำในล้ำห้วยปลา-มีปริมาณสูง ประกอบกับมีการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน ทำให้มีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมชุมชนบุ่งพัฒนา และมวลน้ำได้ไหลมากันที่ถนนเลี่ยงเมือง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังที่จุดนี้ ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการเร่งระบายน้ำแล้ว พร้อมกับนำแนวปิดกั้นมากั้นแจ้งเตือนประชาชนไม่ให้ใช้ถนนเส้นดังกล่าว
ส่วนสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน นายมนตรี สีหมงคลสกุล ผอ.โครงการชลประทานอำนาเจริญตอนนี้ระดับน้ำลดเหลือเหลือ 115% แล้ว และมีแนวโน้มที่ระดับน้ำจะลดลงเรื่อยๆ หากไม่มีฝนเข้ามาเติมอีกหลังจากนี้ ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ ว่าจะไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มอีกแล้วในช่วง 2-3 วัน แต่อย่างไรก็ตามชลประทานได้ระบายน้ำ เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน
 
ขณะที่บ้านเรือนของประชาชนในเขตชุมชนหลักพัฒนา ที่อยู่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน ตอนนี้มวลน้ำที่ระบายจากอ่างเก็บน้ำพุทธอุทยานลงมาลำห้วย ได้เอ่อล้มเข้าท่วมชุมชนดังกล่าวแล้ว บ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ติดลำห้วยเกือบ 10 หลังตอนนี้ถูกน้ำไหลเข้าท่วม ชาวบ้านต้องพากันยกของขึ้นไว้ที่สูง
 
ทาง นายณัฐพงษ์ ตั้งสกุล นายกเทศมนตรีเมืองอำนาจเจริญ ได้ลงพื้นที่พร้อมทั้งนำกระสอบทรายมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับลำห้วย  และจะได้มีการนำถุงยังชีพมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมในครั้งนี้อีกด้วย พร้อมทั้งได้มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือไว้ค่อยประสานงานกับพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลตลอด 24 ชั่วโมง



‘เศรษฐา’ มองเลือกตั้งจุดเปลี่ยนประเทศ สะท้อนภาวะผู้นำ ไม่ต้องเก่งภาษา ขอหัวการค้า เข้าใจปชช.
https://www.matichon.co.th/economy/news_3590212

‘เศรษฐา’ มองเลือกตั้งจุดเปลี่ยนประเทศ สะท้อนภาวะผู้นำ ไม่ต้องเก่งภาษา ขอหัวการค้า เข้าใจปชช.
 
เมื่อวันที่ 29 กันยายน เวลา 11.20 น. ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ หนังสือพิมพ์มติชน จัดเสวนา หัวข้อ “ท้าชน PERFECT STORM ทางรอดเศรษฐกิจไทย” โดย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองหัวข้อ “จับทิศเศรษฐกิจ-สังคมไทย ในพายุวิกฤต” ว่า การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2565 ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี แต่ไม่แน่ใจว่าสายไปหรือไม่ แต่เรื่องการบ้านต้องทำไว้ก่อน เพราะเป็นประเทศเล็ก เราฝักใฝ่ประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยการที่เราค้าขายกับทุกคน ซึ่งเราทำมาดีโดยตลอด ฝากไว้กับท่านผู้นำ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำมาแค่เทคแคร์ เลี้ยงต้มยำกุ้งอย่างเดียว มันต้องมีประโยชน์ที่อื่นด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่