บริษัทไม่ให้เซ็นสัญญาจ้าง สายนาทีละ7บาท ป่วยหักเงิน รบกวนขอความรู้ด้วยค่ะ

(อัพเดทลด้านล่างนะคะ)

เราเริ่มงานที่นึงประมาณ2เดือน งานด้าน Designer Graphic Design
ตอนแรกที่สัมภาษณ์ เค้าขอดูผลงาน และถามว่าเราเคยทำอะไรมาบ้าง
เค้าก็ถามว่า ทำตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเลยนะ แล้วพาดูสถานที่ มันเป็น Home Office มีกันอยู่ 2-3 คน
เราเรียกเงินไปตามความสามารถและอายุ เค้าก็ขอลดลง 
เริ่มงาน 09.00-18.00 พัก13.00 ทำงานจ-ส
วันหยุดตามรัฐบาล ปกสค.ส่งให้ตอนผ่านโปร
ไม่มีอุปกรณ์ใดๆให้ ใช้ Notebook Ipad เราเอง

ซึ่งตอนนั้น เป้าหมายเราคือ อยากทำงานออกแบบเสื้อผ้าอีกครั้ง และเงินเดือนที่เค้าขอลด ถึงแม้ว่ามันจะเยอะ เราคิดว่ามันแลกกับประสบการณ์ที่เราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

แล้วเราก็ถามถึงใบสมัคร สัญญาจ้าง
เค้าก็บอกว่าไม่มี ไม่ต้องเซ็นต์ เรายืนยันว่าต้องเซ็นต์นะคะ มันมีรายละเอียด กฏของบริษัท
เค้าก็โอเคๆ งั้นมาเซ็นต์วันเริ่มงาน

เราดีใจอยู่ราวๆ20นาที เค้าไลน์มาว่า สัญญาค่อยเซ็นตอนผ่านโปรนะ (3เดือน)
เราก็ตกใจ และเรายังย้ำกับเค้าว่า เค้าควรจะเขียนกฏเข้างาน วันลาป่วย ประกันสังคม บลาๆๆ
เค้าบอกว่า ขอหาก่อน แต่ไม่รับปากอะไรทั้งนั้น
ตอนนั้นใจเราแป้วไปแล้ว
แล้วเราก็โทรไปอีกรอบ เค้าบอกว่า ถ้าเรามีความสามารถก็ไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะโกง
....
เราคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี เราคิดได้ว่า ตอนนี้เรามีตัวเลือกเดียว มันเป็นโอกาสเดียวของเรา งั้นก็ทำแล้วทำให้ดีที่สุด

เริ่มงานด้วยการทำ Collection...มีโจทย์ ให้เราคิดเองหมดเลย Story จุดเด่นที่จะทำให้แบรนด์แตกต่างและลุกขึ้นมาอีกครั้ง Silhouette Gimmic Everything
แน่นอนว่า ต้องปรับ Style เข้าหากัน เรียนรู้กัน
ซึ่งเราก็เปิดรับทั้งคำวิจารย์และติ ทำไปจนสรุปแบบผลิต

ปัญหาที่เราเจอและเรารู้สึกว่าเกินไปมั้ยคือ
1.เค้าขอลดเงินเดือนเราลง7000.-บาท/เดือน เหตุผลคือ ความสามารถเราไม่สอดคล้องกับเงินที่เรียกมา เงินเดือนเราเหมือนเด็กเพิ่งจบทั้งที่อายุเลข3แล้ว
2.บางวันเราไม่ได้พักเลย และเค้าไม่สนว่าเราจะพักหรือไม่ ผลคือ อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน เสียค่าหาหมอค่ายา
2.สาย นาทีละ 7 บาท (เค้าบอกเราตอนสิ้นเดือน ซึ่งเราคิดว่า ทำไมไม่บอกแต่แรก เราถึงถามถึงสัญญาไง
3.มักมาคุยงานตอน17.30 เวลาเลิกงานคือ18.00 เรากลับบ้านเลทสุดคือ 19.30 
4.เงินเดือนออกวันที่1 1ก็แล้ว ยังไม่ออก ออกวันที่2 ตอน21.30 โดนหักไป500บาท เค้าบอกว่าเหมาให้ เดือนหน้าคิดจริง
5.ไม่มีอุปกรณ์ใดๆให้ Notebook เรา IPad เรา แม้แต่เก้าอี้ยังเป็นเก้าอี้นั่งกินข้าว เราต้องเอาเบาะรองนั่งไปเองและปวดบ่าเสียค่าแผ่นแปะตราเสืออีก
6. เดือนที่2 เราเริ่มไม่สบาย เพราะกลับดึก งานหนัก ตากฝน เครียด อาหารไม่ย่อย
ทำงาน6วัน ต้องมี Idea ความคิดสร้างสรรค์ มีความคิดใหม่ตลอดเวลา แต่ทำงาน 6 วัน เลิกไม่เคยตรง เลท1 ชม.ตลอด
ถามว่าเอาเวลาไหนไปหาไอเดีย
เราเริ่มลา เพราะมันเหนื่อยจนไม่ไหวจริงๆ พอเราลารอบที่3 เราเลยถามเค้าว่า "ลาป่วยเราโดนหักเงินมั้ย" เค้าตอบว่า "โดนจ่ะ"
เราถามเค้าต่อว่า "เราไม่ได้อยากป่วย แต่เราบังคับไม่ได้ เราต้องทำยังไง"
เค้าตอบมาว่า "ก่อนจะเรียกร้องอะไรรับผิดชอบส่งงานให้ตรงเวลาก่อน"

บอกจริงๆว่าเราอึ้งกับการทวงงานและไม่ถามเลยว่าเราป่วยหรือยังไง
แล้วเราเรียกร้องอะไร ในเมื่อ การลาป่วยมันคือสิทธิ์พื้นฐาน

เราไปหาข้อมูล ลาหักนาทีละ7บาท ป่วยหักเงินได้มั้ย
https://www.youtube.com/watch?v=phYzA9LXztY

เราอยากรู้ว่า เราควรทำยังไงต่อไปดี เราควรวางใจยังไง

-----------
03/10/2565 
ขออนุญาติอัพเดท แชร์ประสบการณ์นะคะ

วันนี้เราลาออกแล้ว แจ้งออกเสร็จภายใน 1 นาที
ที่เราออกวันที่3เพราะ เงินเดือนออกวันที่1 (วันเสาร์)
ตอนแรกเรายังลังเล ใจก็กลัวเพราะยังหาที่ใหม่ไม่ได้
วันเสาร์ที่ผ่านมา เราทำงานไป อาการไม่สบายของเรายังไม่หาย
เราไปทำงานทั้งที่ป่วย 3 วันติด เราไม่อยากโดนหักเงินไปมากกว่านี้เลยไป
วันเสาร์เราทำงานแล้วเครียดโดยไม่รู้ตัว ในหัวคิดหลายเรื่องจนทำให้อาหารไม่ย่อย อาเจียนไป2รอบ
เราทำงานและอาเจียนไปพร้อมๆกัน มีหัวหน้านั่งอยู่แต่ก็ไม่มีบทสนทนาใดๆ ไม่เป็นไร เรารู้แล้วว่าถึงแม้ว่าเราจะเป็นลมตรงนั้น ก็ต้องดูแลตัวเอง หาหมอโดยเข้าประกันสังคมไม่ได้เพราะเค้าไม่ส่ง 
เราเลยถามตัวเองว่า "กูทนทำไม ทนอะไรวะ ทำไมถึงทนขนาดได้นี้วะ"

พอเงินเดือนออก ประมาณ บ่ายสี่ ก็หักไป3วัน สายไป44นาที 
รวมแล้วหักไป 44*7 600*3
สิ่งที่เราได้จากการทำงานที่นี่คือ
1.ขอบคุณตัวเองที่ไม่หยาบคาย ที่ยังรักษามารยาทตลอดเวลาการทำงาน แม้ว่าจะเจอคำพูดแย่แค่ไหน เราก็ไม่หยาบคายกลับ
2.เรารับฟังความเห็น เรียนรู้และทำตาม ของคนที่เด็กกว่าเราหลายปี
3.เราขอบคุณที่เค้าสอนงานเรา ขอบคุณที่เค้าด่า ว่า ติ วิจารณ์งาน วิจารณ์เรา ทำให้เราได้รู้ข้อเสียของเราเพื่อเอามาปรับการทำงานในอนาคต
4.เรากลายเป็นคนที่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงความเห็น(มันเป็นกลไกลปกป้องตัวเอง เพราะเราเคยแสดงความเห็นไปแล้วมีคำพูดที่ใส่อารมณ์กลับมา ซึ่งมันไม่ตรงกับที่เค้าบอกไว้ตอนแรก เป็นคำพูด คำสั่งที่เปลี่ยนไปมาตลอด มันเลยทำให้เราไม่อยากพูด)
5.เราไม่มีวันรู้ว่าที่ทำงานนี้ เข้ากับเรามั้ย เราอยู่แล้วเติบโตมั้ย เราเข้ากับเค้าได้มั้ย ต่อเมื่อเราได้เข้าไปงานที่นั่นจริงๆ
6.การยอม ไม่ได้แปลว่า เรายอมรับผิด เรายอมเพราะไม่คุ้มที่จะแลก ยอมเพื่อให้เค้าแสดงตัวตนของเค้าออกมา เพื่อเรียนรู้เค้าเอามาป้องกันตัวเอง
7.เรามีความสุขที่ได้ออกแบบเสื้อผ้า เรารู้สึกดีที่ได้คิด ได้วาด งานเราได้ผลิด เราจะรอดูวันที่พรีวิวชุด วันที่วางขาย
เราอยากรู้ว่างานเราตอนที่เด็กใส่แล้วจะน่ารักแค่ไหน 
8.ขอบคุณแม่ที่เข้าใจว่าทำไมเราถึงลาออก ทำไมเราถึงไม่ทน ขอบคุณแฟนที่พร้อมบวกให้เสมอ

คำสอนของแม่ :
คนอื่นเค้าจะรู้มั้ยว่าเราเครียด เราร้อน เราทุกข์ ไม่มีใครรู้
แล้วไปใส่อารมณ์กับคนใกล้ตัว มันถูกหรอ
กับคนของเราก็พูดดีๆด้วยสิ ทำไมชอบหงุดหงิดใส่อารมณ์กับคนใกล้ตัว
ทีกับที่ทำงาน เค้าเอาเปรียบทำไมไม่กล้ากับเค้าหละ
(ประมาณว่า ไปเก่งให้ถูกคน อย่ามาพาลใส่คนที่ไม่รู้ คนที่หวังดี)
แม่พูดแทงใจตลอด แต่ก็ดีนะ รัก

สุดท้ายขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาแสดงความเห็น
ขอบคุณกรมแรงงานพื้นที่6ที่โทรมาอย่างไว
ขอบคุณ คำแนะนำคำสอนหลังไมค์

ทุกๆอย่างมันคือการเรียนรู้ ไม่มีใครผิดหรือถูกทุกอย่าง แค่เข้ากันได้หรือไม่ได้
รักษาใจของเราไว้ให้ดี รักษาสุขภาพด้วยนะ ยิ้มถ้าทำงานแล้วต้องเอาเงินไปหาหมออายุกรรม หมอจิตเวช ก็ไม่คุ้มกันนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่