คนไทยติดโควิด รักษาใน รพ.เพิ่ม 811 ราย ป่วยปอดอักเสบ 483 คน โรคร้ายคร่าอีก 9 ชีวิต
https://www.matichon.co.th/covid19/news_3586595
คนไทยติดโควิด รักษาใน รพ.เพิ่ม 811 ราย ป่วยปอดอักเสบ 483 คน โรคร้ายคร่าอีก 9 ชีวิต
เมื่อวันที่ 28 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพุธที่ 28 กันยายน 2565 พบผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 811 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 811 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย ผู้ป่วยสะสม 2,456,398 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 674 ราย หายป่วยสะสม 2,472,066 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 4,537 ราย
เสียชีวิต 9 ราย เสียชีวิตสะสม 11,047 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 483 ราย
*เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย.65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสมมีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม
เงินบาทอ่อนค่า ทะลุ 38 บาท/ดอลลาร์แล้ว
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/312833
ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (28 ก.ย.) ที่ระดับ 37.99 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่า” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.97 บาทต่อดอลลาร์
ล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น. เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์ ที่ 38.03 บาทต่อดอลลาร์แล้ว
มองกรอบเงินบาทวันนี้อยู่ที่ระดับ 37.90-38.20 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.00น.) เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์ ที่ 38.03 บาทต่อดอลลาร์ และแนวโน้มค่าเงินบาท ประเมินว่า จุดกลับตัวของเงินดอลลาร์ยังคงไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ หากตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ทำให้เงินบาทมีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่า มีโอกาสที่ในวันนี้ เงินบาทอาจอ่อนค่าทะลุระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ ขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 38.20 บาทต่อดอลลาร์ได้ หาก กนง. มีมติขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามที่เราคาด ในขณะที่ผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดหวังให้ กนง. เร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท
นอกจากนี้ แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าของเงินบาท จากการขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติอาจยังดำเนินต่อไปในช่วงนี้ หลังจากที่ดัชนี SET ได้ปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญลงมา (จับตาโซนแนวรับที่ 1,600 จุด ว่าดัชนี SET จะสามารถรีบาวด์ขึ้นมาได้หรือไม่) ขณะเดียวกัน บอนด์ยีลด์ระยะยาวของไทยก็ปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์ในตลาดโลก ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติเดินหน้าเทขายบอนด์ระยะยาวต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 กว่า 8.4 พันล้านบาท
สำหรับไฮไลท์สำคัญวันนี้ คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยประเมินว่า กนง. อาจขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป +0.25% สู่ระดับ 1.00% เพื่อประคองการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ทว่า อาจมีกรรมการ 1-2 ท่านที่อาจสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า +0.50% ด้วยเหตุผล เช่น เพื่อลดแรงกดดันต่อเงินบาทจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและเศรษฐกิจก็มีโมเมนตัมการฟื้นตัวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เงินบาทอาจผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้ หาก กนง. ไม่ได้เร่งขึ้นดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดหวัง หรือ กนง. ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงโอกาสที่จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท
รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด Powell เพื่อประเมินมุมมองของเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย
“สงคราม” ติงรบ.ภูมิใจตรงไหนหลังคนจนเพิ่มขึ้น 20 ล้านคน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_418358/
“สงคราม” ติงรัฐบาลภูมิใจตรงไหนหลังคนจนเพิ่มขึ้น 20 ล้านคน อัดบริหารพลาดทำกฟผ. ติดลบ 1 แสนล้านบาท โยนภาระให้คนไทยร่วมรับผิดชอบ
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีตรัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลปล่อยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือกฟผ. ปรับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ เอฟทีขึ้นมากกว่า 2 เท่าส่งผลกระทบกับประชาชน เพราะค่าไฟฟ้าเพิ่ม ขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 เท่าจากราคาที่เคยจ่ายกระทบกับการ ทำมาหากิน ของประชาชนโดยตรง
ซึ่งการปรับค่าไฟฟ้าครั้งนี้เกิดมาจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งผลกระทบกับกระแสเงินสด ของ กฟผ.ติดลบไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท เพราะหากรัฐบาลปล่อยให้ปรับค่าไฟตามปกติจะไม่กระทบกับประชาชนอย่างปัจจุบัน แต่รัฐบาลกลัวเสียความนิยมจึงไม่ยอมให้มีการปรับค่าไฟฟ้า ดังนั้นจึงส่งผลกระทบกับการบริหารของกฟผ.
โดยนายสงคราม กล่าวว่า จากการปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าจะปรับเท่าไหร่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ก็ไม่กระทบเพราะอยู่บ้านหลวง ฟรีทุกค่าใช้จ่าย ไม่ต้องวิ่งหาเงินจ่ายค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าน้ำมัน เหมือนประชาชน ที่ต้องแบกรับภาระหนัก
ทั้งนี้นายสงคราม ระบุว่า น่าเสียใจที่รัฐบาลกล้าประกาศความสำเร็จที่ 8 ปี ที่สามารถเพิ่ม บัตรคนจนจาก 13 ล้านคนเป็น 20 ล้านคน สะท้อนว่าประเทศไทยแน่แค่ไหน จนถึงวันนี้เหลือเวลาอีก 4 วันที่รัฐบาลประกาศว่าวันที่ 30 ก.ย.65 คนจนจะหมดไป รัฐบาลล้มเหลวอย่างมาก เพราะไม่สามารถช่วย ประชาชน ออกจากกับดักความยากจนได้ยิ่งอยู่คนจนยิ่งเพิ่มขึ้นแล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไร
JJNY : ติดโควิด 811 คร่าอีก 9│บาทอ่อนทะลุ 38│“สงคราม”ติงรบ.ภูมิใจคนจนเพิ่มขึ้น 20 ล.คน│‘กิตติกร’ อัดรักษาการนายกฯ
https://www.matichon.co.th/covid19/news_3586595
คนไทยติดโควิด รักษาใน รพ.เพิ่ม 811 ราย ป่วยปอดอักเสบ 483 คน โรคร้ายคร่าอีก 9 ชีวิต
เมื่อวันที่ 28 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพุธที่ 28 กันยายน 2565 พบผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 811 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 811 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย ผู้ป่วยสะสม 2,456,398 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 674 ราย หายป่วยสะสม 2,472,066 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 4,537 ราย
เสียชีวิต 9 ราย เสียชีวิตสะสม 11,047 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 483 ราย
*เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย.65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสมมีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม
เงินบาทอ่อนค่า ทะลุ 38 บาท/ดอลลาร์แล้ว
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/312833
ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (28 ก.ย.) ที่ระดับ 37.99 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่า” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.97 บาทต่อดอลลาร์
ล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น. เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์ ที่ 38.03 บาทต่อดอลลาร์แล้ว
มองกรอบเงินบาทวันนี้อยู่ที่ระดับ 37.90-38.20 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.00น.) เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์ ที่ 38.03 บาทต่อดอลลาร์ และแนวโน้มค่าเงินบาท ประเมินว่า จุดกลับตัวของเงินดอลลาร์ยังคงไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ หากตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ทำให้เงินบาทมีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่า มีโอกาสที่ในวันนี้ เงินบาทอาจอ่อนค่าทะลุระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ ขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 38.20 บาทต่อดอลลาร์ได้ หาก กนง. มีมติขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามที่เราคาด ในขณะที่ผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดหวังให้ กนง. เร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท
นอกจากนี้ แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าของเงินบาท จากการขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติอาจยังดำเนินต่อไปในช่วงนี้ หลังจากที่ดัชนี SET ได้ปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญลงมา (จับตาโซนแนวรับที่ 1,600 จุด ว่าดัชนี SET จะสามารถรีบาวด์ขึ้นมาได้หรือไม่) ขณะเดียวกัน บอนด์ยีลด์ระยะยาวของไทยก็ปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์ในตลาดโลก ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติเดินหน้าเทขายบอนด์ระยะยาวต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 กว่า 8.4 พันล้านบาท
สำหรับไฮไลท์สำคัญวันนี้ คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยประเมินว่า กนง. อาจขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป +0.25% สู่ระดับ 1.00% เพื่อประคองการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ทว่า อาจมีกรรมการ 1-2 ท่านที่อาจสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า +0.50% ด้วยเหตุผล เช่น เพื่อลดแรงกดดันต่อเงินบาทจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและเศรษฐกิจก็มีโมเมนตัมการฟื้นตัวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เงินบาทอาจผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้ หาก กนง. ไม่ได้เร่งขึ้นดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดหวัง หรือ กนง. ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงโอกาสที่จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท
รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด Powell เพื่อประเมินมุมมองของเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย
“สงคราม” ติงรบ.ภูมิใจตรงไหนหลังคนจนเพิ่มขึ้น 20 ล้านคน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_418358/
“สงคราม” ติงรัฐบาลภูมิใจตรงไหนหลังคนจนเพิ่มขึ้น 20 ล้านคน อัดบริหารพลาดทำกฟผ. ติดลบ 1 แสนล้านบาท โยนภาระให้คนไทยร่วมรับผิดชอบ
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีตรัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลปล่อยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือกฟผ. ปรับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ เอฟทีขึ้นมากกว่า 2 เท่าส่งผลกระทบกับประชาชน เพราะค่าไฟฟ้าเพิ่ม ขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 เท่าจากราคาที่เคยจ่ายกระทบกับการ ทำมาหากิน ของประชาชนโดยตรง
ซึ่งการปรับค่าไฟฟ้าครั้งนี้เกิดมาจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งผลกระทบกับกระแสเงินสด ของ กฟผ.ติดลบไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท เพราะหากรัฐบาลปล่อยให้ปรับค่าไฟตามปกติจะไม่กระทบกับประชาชนอย่างปัจจุบัน แต่รัฐบาลกลัวเสียความนิยมจึงไม่ยอมให้มีการปรับค่าไฟฟ้า ดังนั้นจึงส่งผลกระทบกับการบริหารของกฟผ.
โดยนายสงคราม กล่าวว่า จากการปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าจะปรับเท่าไหร่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ก็ไม่กระทบเพราะอยู่บ้านหลวง ฟรีทุกค่าใช้จ่าย ไม่ต้องวิ่งหาเงินจ่ายค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าน้ำมัน เหมือนประชาชน ที่ต้องแบกรับภาระหนัก
ทั้งนี้นายสงคราม ระบุว่า น่าเสียใจที่รัฐบาลกล้าประกาศความสำเร็จที่ 8 ปี ที่สามารถเพิ่ม บัตรคนจนจาก 13 ล้านคนเป็น 20 ล้านคน สะท้อนว่าประเทศไทยแน่แค่ไหน จนถึงวันนี้เหลือเวลาอีก 4 วันที่รัฐบาลประกาศว่าวันที่ 30 ก.ย.65 คนจนจะหมดไป รัฐบาลล้มเหลวอย่างมาก เพราะไม่สามารถช่วย ประชาชน ออกจากกับดักความยากจนได้ยิ่งอยู่คนจนยิ่งเพิ่มขึ้นแล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไร