เริ่มต้นเลย คือตอนนี้เราจบปริญญาตรี(อายุ23)แล้วแล้วเลือกกลับมาทำงานที่บ้าน ย้อนกลับไปตอนม.6ที่เริ่มเลือกเข้ามหาลัยตอนนั้นคือเราเลือกที่จะเรียนผู้ช่วยพยาบาลที่กทม.เพราะคิดว่ามันทำงานเร็วได้เงินส่งตัวเองเรียนเพราะพ่อแม่เราจนเราเลยตัดสินใจไปเรียนโดยมีเพื่อนไปด้วย4คน
ตอนที่เรียนตอนนั้นก็มีปัญหากับเพื่อนตลอดด้วยเรื่องที่ว่าตัวเราเองไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับเพื่อนเพราะเราไม่มีเงินมากพอที่จะไปเที่ยวได้ก็เลยเหมือนจะเข้ากันตอนนั้นไม่ได้ทั้งๆที่ตอนม.ปลายเราสนิทกันมากๆจากนั้นก็เกิดการทะเลาะกันเล็กน้อยแต่ก็ยังพอสานสัมพันธ์ไปต่อได้
ต่อมาพวกเราได้เรียนจบหลักสูตรแล้วสมัครเข้าทำงานที่เดียวกันผลปรากฎว่ากลุ่มเราสอบผ่านทั้งหมดยกเว้นเพื่อนอีก1คน จึงทำให้เราทุกคนเริ่มห่างจากเพื่อนคนนั้นไป พอเริ่มทำงานต่างคนก็ต่างอยู่คนละแผนกไปตามปกติ (พวกเราเรียนต่อปริญญาตรีแบบออนไลน์ไปด้วยระหว่างทำงานก็จะได้แบ่งเวลาไปเรียนด้วย) แตาเราจะเป็นคนที่ว่าจะวันไหนแผนกเราว่างเราจะวิ่งไปช่วยแผนกอื่นเพราะอยากได้ความรู้จะได้ทำทุกอย่างเป็น ปรากฏว่าเราโดนเพื่อนว่าว่าเราจะทำไปเพื่ออะไรเงินเดือนก็เท่าเดิมแถมโดนนินทาลับหลังแบบที่เราแอบได้ยิน(รู้สึกเหมือนนางเอกโดนรังแกปานในหนัง) แต่นี่คือเรื่องจริง ณ ตอนนั้นเราก็พูดตลกๆปนขำไปว่า อยากทำเองแหละที่แผนกว่างไงง
อยากทำเป็นด้วยไหนแผนกเมิงทำไงน้าาขอช่วยเมิงจะได้ไม่เหนื่อยไงงง ตอบแบบนี้ตลอด เรื่องก็เคลียร์ไป
จนวันนึงถือว่าเป็นวันที่เปลี่ยนทุกอย่างไปเลยก็ได้ คือทางองค์กรได้ปรับโครงสร้างใหม่ก็คือเราได้มีหัวหน้าคนใหม่มาบริหาร แล้วนี้แหละที่เปลี่ยนชะตาเรา ก็คือจู่ๆหัวหน้าคนใหม่ก็เลื่อนขั้นให้เราแบบไม่บอกกล่าวด้วยเหตุผลว่าถูกชะตากับเราแล้วเขาคิดว่าเราทำงานได้ดี เราก็อึ้งๆ แต่ก็ขอบคุณที่ให้โอกาสนี้ แตาเพื่อนเราไม่เลย เพื่อนเราบอกว่าเราไปประจบเขา ทำงานเยอะเพื่อหวังผลแบบนี้สินะ เราก็มีปากเสียงกันเพราะตอนนั้นเราก็เหมือนจะหมดความอดทนมากๆแล้วที่ชอบมาพูดใส่กันแบบนี้ แต่ทีนี้พวกเขาเริ่มมีพวกก็คือทุกคนในทุกแผนกที่ทำทุกคนคือไม่ชอบเราหมดเพราะพวกเขาไม่พอมจกับหัวหน้าคนใหมาเหมือนกัน แต่เราต้องยอมรับเลยว่าเราเองก็เหนื่อยกับหัวหน้าคนใหม่เหมือนกัน เพราะเขาชอบใช้เเต่เราคนเดียวอะไรๆก็เราคนเดียวเท่านั้น แต่ก็นั้นแหละค่ะเราก็รักเขา(หัวหน้าเป็นผู้หญิง)รักในแบบพี่สาวที่ใช้ยังไงให้เรามีความรู้ สอนงานทุกอย่างที่เราทำไม่เป็น จากเด็กที่เป็นผู้ช่วย ผันตัวมาเป็นเด็กเขียนเว็บไซต์มหาลัย ทำแอพพลิเคชันใช้ในองค์กร และทำคลินิกความงามด้วยกัน จัดซื้อ ยกให้เป็นหัวหน้าแผนกนู้นนี่นั้น เพราะด้วยความที่ขยันทำงาน และทำได้ และทำได้ดี แล้วก็นั้นแหละค่ะ เหมือนหลังจากที่เราได้พิสูจน์ตัวเองว่าเราทำได้ เพื่อนเราก็ลาออกไปเลยค่ะ แถมไปพูดจาใส่ร้ายเราให้เพื่อนที่อยู่นอกทำงานฟังจนไม่มีใครคบเรา ส่วนเพื่อนในที่ทำงาน เราใช้เวลาพิสูจน์ให้เขาได้เห็นทุกคนก็เริ่มดีกับเราพูดจาดีกับเราทุกคนแล้วค่ะ แล้วเราก็ตัดสินใจลาออกจากที่นี่เพื่อกลับบ้าน เพราะเรียนจบและเริ่มรู้สึกได้ว่าเรายังต้องไปต่อได้อีก วันที่เราลาออกคือวุ่นวายมากค่ะเพราะงานอยู่ที่เราเราเป็นคนทำทั้งหมดตอนนั้นรู้สึกได้ว่าทุกคนที่นั่นรักเรามากเลยค่ะ555(รักงานเรา)
พอเราได้กลับมาประจำที่ทำงานใหม่ที่บ้านเกิดในเงอนเดือน 25000+ คือได้เยอะจากที่เดิมมาก เพราะเรามีประสบการณ์ทำงาน เราก็ซื้อบ้านซื้อรถพร้อมเลยค่ะ สรุปเราก็มาเจอเรื่องเดิมกับเพื่อนแก็งค์เดิมอีกเหมือนต่มจิกกัดเราว่าซื้อบ้านซื้อรถผ่อนไหวเหรอไหนบอกไม่มีตัง ใช่ค่ะตอนนั้นเราไม่มีเพราะเราอยู่ต่างที่ต่างทางแล้วเงอนที่เราซื้อก็คือเงินบางส่วนที่เราเก็บด้วยซ้ำแถมเรากู้ผ่านเราก็กู้เรากะกลับมาสร้างฐานะที่บ้านด้วยสิ่งแวดล้อมมันเอื้อเช่นค่สครองชีพที่ต่ำ ค่าอาหารถูกมาก ต่างจังหวัดรถก็ไม่ติด แล้วได้เงินเดือนขนาดนี้เราเลี้ยงพ่อแม่เราได้เลยค่ะ ปต่เราก็โดนเพื่อนกลุ่มนี้ว่าอีก (เพื่อนเราเรียนไมาจบเพราะไม่ส่งงานนะคะ ในรุ่นที่จบเพราะเราที่ลาออกไปคือไม่จบ แลเวก็ไม่ได้กลับมาทำงานที่บ้านยังวนเวียนเที่ยวอยู่ในกทม.แต่คือเห็นชีวิตเราในไอจีคนอื่นก็คือเอาของคนอื่นมาส่องค่ะ เพราะเราบล็อคหมดเลยคือเราไม่อยากคิดมากเลยบล็อค)
#คือเราไมาได้โลกสวยหรือสร้างเรื่องขึ้นมานะคะ คือมันเป็นแบบนี้จริงๆ แล้วเราก็อยากจะหลุดกับอะไรแบบนี้คือรู้สึกว่ามันเยอะมันมากเกินไป บางทีเราก็อยากมีเพื่อนแบบคนอื่นเขา อยากไปนั่งดื่ม นั่งเที่ยว ในเวลาที่เราพร้อมมีเงินใช้ในตอนนี้บาง แต่คือไม่มีเลย เราเลยสงสัยว่าเราผิดหรือแปลกมั้ยที่ไม่มีคนคบหรือเราแผลกตรงไหนมั้ยที่เพื่อนไม่คบเรา
เรื่องยาวหน่อยนะคะ แต่เราอัดอั้นใจจริงๆค่ะ อันที่จริงเราโดนมามากกว่านี้แต่พิมพ์เหนื่อยมากค่ะ555
อยากรู้ว่าเราแปลกมั้ย ที่ไม่มีเพื่อนคบ
ตอนที่เรียนตอนนั้นก็มีปัญหากับเพื่อนตลอดด้วยเรื่องที่ว่าตัวเราเองไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับเพื่อนเพราะเราไม่มีเงินมากพอที่จะไปเที่ยวได้ก็เลยเหมือนจะเข้ากันตอนนั้นไม่ได้ทั้งๆที่ตอนม.ปลายเราสนิทกันมากๆจากนั้นก็เกิดการทะเลาะกันเล็กน้อยแต่ก็ยังพอสานสัมพันธ์ไปต่อได้
ต่อมาพวกเราได้เรียนจบหลักสูตรแล้วสมัครเข้าทำงานที่เดียวกันผลปรากฎว่ากลุ่มเราสอบผ่านทั้งหมดยกเว้นเพื่อนอีก1คน จึงทำให้เราทุกคนเริ่มห่างจากเพื่อนคนนั้นไป พอเริ่มทำงานต่างคนก็ต่างอยู่คนละแผนกไปตามปกติ (พวกเราเรียนต่อปริญญาตรีแบบออนไลน์ไปด้วยระหว่างทำงานก็จะได้แบ่งเวลาไปเรียนด้วย) แตาเราจะเป็นคนที่ว่าจะวันไหนแผนกเราว่างเราจะวิ่งไปช่วยแผนกอื่นเพราะอยากได้ความรู้จะได้ทำทุกอย่างเป็น ปรากฏว่าเราโดนเพื่อนว่าว่าเราจะทำไปเพื่ออะไรเงินเดือนก็เท่าเดิมแถมโดนนินทาลับหลังแบบที่เราแอบได้ยิน(รู้สึกเหมือนนางเอกโดนรังแกปานในหนัง) แต่นี่คือเรื่องจริง ณ ตอนนั้นเราก็พูดตลกๆปนขำไปว่า อยากทำเองแหละที่แผนกว่างไงง อยากทำเป็นด้วยไหนแผนกเมิงทำไงน้าาขอช่วยเมิงจะได้ไม่เหนื่อยไงงง ตอบแบบนี้ตลอด เรื่องก็เคลียร์ไป
จนวันนึงถือว่าเป็นวันที่เปลี่ยนทุกอย่างไปเลยก็ได้ คือทางองค์กรได้ปรับโครงสร้างใหม่ก็คือเราได้มีหัวหน้าคนใหม่มาบริหาร แล้วนี้แหละที่เปลี่ยนชะตาเรา ก็คือจู่ๆหัวหน้าคนใหม่ก็เลื่อนขั้นให้เราแบบไม่บอกกล่าวด้วยเหตุผลว่าถูกชะตากับเราแล้วเขาคิดว่าเราทำงานได้ดี เราก็อึ้งๆ แต่ก็ขอบคุณที่ให้โอกาสนี้ แตาเพื่อนเราไม่เลย เพื่อนเราบอกว่าเราไปประจบเขา ทำงานเยอะเพื่อหวังผลแบบนี้สินะ เราก็มีปากเสียงกันเพราะตอนนั้นเราก็เหมือนจะหมดความอดทนมากๆแล้วที่ชอบมาพูดใส่กันแบบนี้ แต่ทีนี้พวกเขาเริ่มมีพวกก็คือทุกคนในทุกแผนกที่ทำทุกคนคือไม่ชอบเราหมดเพราะพวกเขาไม่พอมจกับหัวหน้าคนใหมาเหมือนกัน แต่เราต้องยอมรับเลยว่าเราเองก็เหนื่อยกับหัวหน้าคนใหม่เหมือนกัน เพราะเขาชอบใช้เเต่เราคนเดียวอะไรๆก็เราคนเดียวเท่านั้น แต่ก็นั้นแหละค่ะเราก็รักเขา(หัวหน้าเป็นผู้หญิง)รักในแบบพี่สาวที่ใช้ยังไงให้เรามีความรู้ สอนงานทุกอย่างที่เราทำไม่เป็น จากเด็กที่เป็นผู้ช่วย ผันตัวมาเป็นเด็กเขียนเว็บไซต์มหาลัย ทำแอพพลิเคชันใช้ในองค์กร และทำคลินิกความงามด้วยกัน จัดซื้อ ยกให้เป็นหัวหน้าแผนกนู้นนี่นั้น เพราะด้วยความที่ขยันทำงาน และทำได้ และทำได้ดี แล้วก็นั้นแหละค่ะ เหมือนหลังจากที่เราได้พิสูจน์ตัวเองว่าเราทำได้ เพื่อนเราก็ลาออกไปเลยค่ะ แถมไปพูดจาใส่ร้ายเราให้เพื่อนที่อยู่นอกทำงานฟังจนไม่มีใครคบเรา ส่วนเพื่อนในที่ทำงาน เราใช้เวลาพิสูจน์ให้เขาได้เห็นทุกคนก็เริ่มดีกับเราพูดจาดีกับเราทุกคนแล้วค่ะ แล้วเราก็ตัดสินใจลาออกจากที่นี่เพื่อกลับบ้าน เพราะเรียนจบและเริ่มรู้สึกได้ว่าเรายังต้องไปต่อได้อีก วันที่เราลาออกคือวุ่นวายมากค่ะเพราะงานอยู่ที่เราเราเป็นคนทำทั้งหมดตอนนั้นรู้สึกได้ว่าทุกคนที่นั่นรักเรามากเลยค่ะ555(รักงานเรา)
พอเราได้กลับมาประจำที่ทำงานใหม่ที่บ้านเกิดในเงอนเดือน 25000+ คือได้เยอะจากที่เดิมมาก เพราะเรามีประสบการณ์ทำงาน เราก็ซื้อบ้านซื้อรถพร้อมเลยค่ะ สรุปเราก็มาเจอเรื่องเดิมกับเพื่อนแก็งค์เดิมอีกเหมือนต่มจิกกัดเราว่าซื้อบ้านซื้อรถผ่อนไหวเหรอไหนบอกไม่มีตัง ใช่ค่ะตอนนั้นเราไม่มีเพราะเราอยู่ต่างที่ต่างทางแล้วเงอนที่เราซื้อก็คือเงินบางส่วนที่เราเก็บด้วยซ้ำแถมเรากู้ผ่านเราก็กู้เรากะกลับมาสร้างฐานะที่บ้านด้วยสิ่งแวดล้อมมันเอื้อเช่นค่สครองชีพที่ต่ำ ค่าอาหารถูกมาก ต่างจังหวัดรถก็ไม่ติด แล้วได้เงินเดือนขนาดนี้เราเลี้ยงพ่อแม่เราได้เลยค่ะ ปต่เราก็โดนเพื่อนกลุ่มนี้ว่าอีก (เพื่อนเราเรียนไมาจบเพราะไม่ส่งงานนะคะ ในรุ่นที่จบเพราะเราที่ลาออกไปคือไม่จบ แลเวก็ไม่ได้กลับมาทำงานที่บ้านยังวนเวียนเที่ยวอยู่ในกทม.แต่คือเห็นชีวิตเราในไอจีคนอื่นก็คือเอาของคนอื่นมาส่องค่ะ เพราะเราบล็อคหมดเลยคือเราไม่อยากคิดมากเลยบล็อค)
#คือเราไมาได้โลกสวยหรือสร้างเรื่องขึ้นมานะคะ คือมันเป็นแบบนี้จริงๆ แล้วเราก็อยากจะหลุดกับอะไรแบบนี้คือรู้สึกว่ามันเยอะมันมากเกินไป บางทีเราก็อยากมีเพื่อนแบบคนอื่นเขา อยากไปนั่งดื่ม นั่งเที่ยว ในเวลาที่เราพร้อมมีเงินใช้ในตอนนี้บาง แต่คือไม่มีเลย เราเลยสงสัยว่าเราผิดหรือแปลกมั้ยที่ไม่มีคนคบหรือเราแผลกตรงไหนมั้ยที่เพื่อนไม่คบเรา
เรื่องยาวหน่อยนะคะ แต่เราอัดอั้นใจจริงๆค่ะ อันที่จริงเราโดนมามากกว่านี้แต่พิมพ์เหนื่อยมากค่ะ555