‘อุ๊งอิ๊ง’ขึ้นเวทีเพื่อไทยเปิดหน้าชนปลุกแลนด์สไลด์เอาชนะ 3 ป.-250 ส.ว.!
https://www.dailynews.co.th/news/1454831/
อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเวทีเพื่อไทย ปลุกแลนด์สไลด์ เอาชนะ 3 ป.-250 ส.ว. ซัดรัฐบาลทำให้เรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เปิด 2 นโยบายเติมเงินในกระเป๋า ปชช. ยัน 'หญิงอ้อ' ไม่ลงเล่นการเมือง
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จ.เชียงใหม่ ครอบครัวเพื่อไทยจัดกิจกรรม
“สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” โดย น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาปราศรัยที่เชียงใหม่ เพราะเป็นบ้านเกิดของ นาย
ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอนเด็กมาฟังนายทักษิณ แต่ตอนนี้มาปราศรัยเองรู้สึกตื่นเต้นมาก การพัฒนาเชียงใหม่และภาคเหนือเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำมาตลอด เพราะต้องการให้ภาพเหนือมีความเจริญ
น.ส.
แพทองธาร กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะดำเนินการตามเจตนารมณ์นี้ ตนเลือดเนื้อเชื้อไขคนเมือง ไม่มีทางลืมภาคเหนือแน่นอน อยากให้คนทั่วประเทศมั่นใจว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้ทำงานให้ จะสร้างความกินดีอยู่ดี เอาหนี้ออกจากประชาชน เติมเงินใส่กระเป๋า ภาคเหนือพรรคเพื่อไทยมาเหนือสุด เรารู้จักภาคเหนือดีกว่าทุกพรรค วันนี้พรรคเพื่อไทยพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง เราอยากให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์กำหนดวันเลือกตั้งเมื่อไหร่ ขอให้กาเพื่อไทยทั้งหมด เพราะเราต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตประชาชน 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนลำบากแต่ 4 ปีใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย เราจะทำให้ชีวิตประชาชนอยู่ดีกันดี เราจะทำตามสัญญาภายเวลาไม่นานเราจะทำได้ เราเคยทำสำเร็จมาแล้วและจะทำได้อีกแน่นอน
“วันนี้ตื่นเต้นที่ได้มาปราศรัยที่นี่ และมีครอบครัวมาให้กำลังใจครอบถ้วน โดยเฉพาะคุณหญิงคุณแม่ ขอบคุณกำลังใจที่ทุกคนมีให้ ศึกข้างหน้าหนักหนา พรรคเพื่อไทยจะลั่นกลองสะบัดชัยไปทั่วแผ่นดินให้รู้แล้วว่า เราพร้อมไม่ว่าการเลือกตั้งเมื่อไหร่ เรามีผู้สมัครมีนโยบายตอบสนองประชาชนทุกกลุ่ม หลายคนบอกรวมถึงนายกฯ ทักษิณ ว่าใครมาเป็นรัฐบาลต่อไป จะต้องทำงานหนัก เพราะรัฐบาลนี้ทำให้เรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก รัฐบาลต่อไปต้องรู้จริงทำเป็น ตนมั่นใจการทำงานจากผู้มีประสบการพรรคเพื่อไทย และคนใหม่ๆทุกคนตั้งใจเราจะพัฒนา ถ้ามีโอกาสจากประชาชนเลือกให้เรามาทำงานแบบแลนด์สไลด์ เราจะเดินหน้าสะสางทุกปัญหา พี่น้องจะต้องมีชีวิตดีขึ้นกว่านี้แน่นอน” น.ส.
แพทองธาร กล่าว
น.ส.
แพทองธาร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นคำตอบของทุกปัญหา ระยะสั้นต้องลดรายจ่ายของประชาชน ระบบราชการต้องเข้าถึงได้ง่าย กระจายความเจริญไปทุกจังหวัด ต้องเข้าถึงโอกาสสร้างเงินในกระเป๋า ประเทศต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ วันนี้ตนขอเสนอนโยบายสองข้อหลักคือ เรื่องการเกษตร ต้องเอาตลาดนำ ตนมีที่ปรึกษาสำคัญที่พี่น้องก็รู้ว่าใคร และขอรับอาสาเป็นเซลส์แมนขายสินค้าให้เกษตรกรที่ต่างประเทศ โดยใช้นวัตนกรรมเพื่อคาดคะเนสภาพอากาศให้รู้ว่าในปีนั้นๆ ปลูกอะไรได้ไม่ได้ เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรจากเดิม 1 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี เป็น 3 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี, นโยบายที่สอง หนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟต์เพาเวอร์ เราเชื่อในศักยภาพของคนไทย แต่ขาดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพอย่างเป็นระบบ โลกต่อสู้กันด้วยพลังของซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งจะนำมาด้วยคุณค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
“เชิญชวนให้ประชาชนกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ขอพรรคเพื่อไทยได้ทันที หากเราได้เป็นรัฐบบาล ก็จะดำเนินการผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ทันที ขอเพื่อไทยแลนด์สไลด์ เอาชนะ 3 ป. เอาชนะ 250 ส.ว. เอาชนะสิ่งที่เขาร่างมาเพื่อตัวเอง เราจะเอาชนะวิกฤติไปด้วยกัน” น.ส.
แพทองธาร กล่าว
จากนั้น น.ส.
แพทองธาร ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณีที่คุณหญิง
พจมาน ดามาพงศ์ และครอบครัวเดินทางมาร่วมงานในวันนี้ว่า ทุกคนทราบกันดีว่า ปกติคุณแม่จะไม่ออกงาน คุณแม่เห็นว่าตนไปลงพื้นที่หลายงาน จึงแสดงความเป็นห่วง เขาก็จะถามว่าเหนื่อยไหม เครียดไหม พูดแล้วตนรู้สึกซึ้ง รู้สึกดีใจมาก ระหว่างที่อยู่บนเวทีแอบอมยิ้มที่เห็นคุณแม่และครอบครัว ตนไม่ได้ไปบังคับคุณแม่ หากคุณแม่ว่างก็มาได้ เพราะตนอยากให้คุณแม่มา ซึ่งไม่ได้ไปกดดัน เพราะคุณแม่ไม่ชอบมาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า มีโอกาสที่คุณหญิงพจมานจะเล่นลงการเมืองหรือไม่ น.ส.
แพทองธาร กล่าวว่า คุณแม่ไม่มาการเมืองแน่นอน แต่คุณแม่จะเป็นกำลังใจให้ที่บ้าน และเป็นกำลังใจที่สำคัญ และเป็นความมั่นคงทางจิตใจของตน
เมื่อถามว่า ที่กล่าวบนเวทีถึงเรื่อง 3 ป. และ 250 ส.ว. แสดงว่านี่คือวิกฤติของประเทศชาติหรือไม่ น.ส.
แพทองธาร กล่าวว่า หลายๆ อย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่า ต้องการการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เราต้องการบอกพี่น้องประชาชนว่า ทำไมต้องแลนด์สไลด์ ซึ่งเรามีนโยบายดีๆ อีกมากมายรอพี่น้องประชาชนอยู่ เราต้องการแลนด์สไลด์เพื่อผลักดันจะอยู่ไปแล้วนั้น โดยที่ไม่ต้องมีอุปสรรคอะไรที่ไม่ควรจะเกิด อันนี้เป็นจุดหมายหลักของเราเลย
เมื่อถามย้ำว่า เป้าหมายในการปิดสวิตช์ ส.ว. จะทำอย่างแน่นอนและชัดเจนหรือไม่ น.ส.
แพทองธาร กล่าวว่า เราจะเดินทางหาเสียงพบปะพี่น้องประชาชน เอาปัญหาพี่น้องประชาชนมาทำนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง ปัญหาสังคมทุกระดับที่ทุกคนกำลังเจออยู่ เราต้องการแก้ไขปัญหาตรงนั้น นี่คือเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย.
‘โรม’ ชี้ หลักฐานชัด ‘ประยุทธ์’ เป็นนายกฯครบ 8 ปี หวั่น เทคนิค กม.ช่วยต่ออายุให้อยู่ในอำนาจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3555620
‘โรม’ ชี้ หลักฐานชัด ‘ประยุทธ์’ เป็นนายกฯครบ 8 ปี หวั่น เทคนิค กม.ช่วยต่ออายุให้อยู่ในอำนาจ ระบุ จดชวเลขตาม ‘มีชัย’ สั่ง ทำเจตนารมณ์ รธน.เพี้ยน
เมื่อวันที่ 10 กันยายน นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำความเห็นยืนยันต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าวาระตำแหน่งนายกฯไม่ได้เริ่มนับปี 2557 ว่า โดยข้อเท็จจริง พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นนายกฯ 8 ปีแล้ว ส่วนขณะนี้เป็นเรื่องของเทคนิคทางกฎหมายว่า จะตีความอย่างไร ทั้งนี้สำหรับหลักฐานและบันทึกการประชุมกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ทั้งครั้งที่ 500 และครั้งที่ 501 มีความชัดเจนว่าร่องรอยในการตีความเรื่องนี้จะตีความในลักษณะใด โดยเมื่อไปดูเจตนารมณ์ก็พบว่าเป็นไปเพื่อป้องกันการผูกขาดอำนาจ ประเด็นปัญหาคือ สิ่งที่เรากังวลอาจจะไม่ใช่เรื่องข้อกฎหมาย แต่เป็นเรื่องความพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ พล.อ.
ประยุทธ์อยู่เกิน 8 ปี ตั้งแต่การมีความเห็นของนาย
มีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน กรธ. หลุดออกมา การที่นาย
มีชัยไม่ปฏิเสธหรือคอนเฟิร์มว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ ก็น่าคิดว่า เอกสารฉบับนี้มีน้ำหนัก การที่นาย
มีชัยเปลี่ยนคำพูดที่ตัวเองเคยให้ความเห็นเอาไว้ในบันทึกการประชุมครั้ง 500 ตนจึงคิดว่าอาจจะมีกระบวนการบางอย่างที่ทำให้ พล.อ.
ประยุทธ์อยู่ต่อไปได้
นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า ทั้งที่ มีความชัดเจนว่า พล.อ.
ประยุทธ์ อยู่ครบ 8 ปี แต่เรากลับได้ยินเสียงอีกกระแสหนึ่งว่าอาจจะมีการพลิก และมีพลังบางอย่างที่ทำให้ พล.อ.
ประยุทธ์อยู่ได้มากกว่า 8 ปี ดังนั้น สิ่งที่เราต้องพูดกันต่อไปคือ ตกลงแล้วศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยให้ พล.อ.
ประยุทธ์เป็นนายกฯมากกว่า 8 ปีหรือไม่
เมื่อถามถึง การจดบันทึกการประชุม กรธ.ครั้งที่ 500 ที่มีแค่จุดมุ่งหมาย โดยมีรายงานข่าวว่า นาย
มีชัยสั่งว่าไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่ชวเลขบันทึกละเอียด ตามกระบวนการแล้วเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ และจะกระทบต่อคำร้องของฝ่ายค้านที่ยื่นไปหรือไม่ นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า ปกติชวเลขจะจดตามคำพูด และถอดเทปมาตามนั้น ส่วนการสั่งให้จดหรือไม่จด จากประสบการณ์ของตน เต็มที่ก็สั่งไม่บันทึก แต่การสั่งให้จดชวเลขอย่างไร ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นสภาทำ หาก กรธ.ทำได้จะยิ่งไปกันใหญ่ เพราะจะเท่ากับทำให้เกิดการประชุมผิดเพี้ยน หากเกิดขึ้นในการประชุมที่เกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะทำให้สืบหาเจตนารมณ์ของแต่ละมาตรายากขึ้น
“พิชาย”ชี้ปม8ปีนายกฯ ทำให้“มีชัย”สูญเสียต้นทุนทางสังคมจนแทบไม่เหลือเกียรติภูมิ
https://www.dailynews.co.th/news/1454306/
“พิชาย” ระบุปม 8 ปีนายกฯ ชี้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ “ประยุทธ์” หลุดจากตำแหน่ง ขณะที่ “มีชัย” สูญเสียต้นทุนทางสังคมมากสุดแทบไม่เหลือเกียรติภูมิ และจับตา “ศาล รธน.” ว่าการวินิจฉัยครั้งนี้ จะสามารถฟื้นฟูต้นทางทางสังคมกลับคืนมาได้หรือไม่
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. รองศาสตราจารย์ ดร.
พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
หากประเมินความเห็นของประชาชนที่ส่งเสียงผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งโพลของหลายสำนัก เกือบทั้งหมดต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่ง มีเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่ยังสนับสนุน สรุปได้ชัดเจนว่า ในเวลานี้ จึงกล่าวได้ว่า พลเมืองไทยเกือบทั้งหมดที่สนใจและติดตามข่าวสารการเมืองเป็นประจำ ไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
แต่จากการประเมินท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์เห็นได้ชัดว่า เขายังคงอยากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ดังสะท้อนออกมาจากคำชี้แจงที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
1 มีการเตรียมการต่อสู้เรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว เห็นได้จากการแต่งตั้งคณะกฤษฎีกาชุดพิเศษ ที่ประกอบด้วยอดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ความเห็นประเด็นนี้เป็นการเฉพาะ
2 ใช้ตรรกะเหตุผลสารพัดทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นเพื่อโน้มน้าวจูงใจ เช่น สาธยายคุณความดีของตนเองอย่างล้นเหลือ และลงทุนหยิบประเด็นว่าตนเองเป็นนายกฯขาดตอนมาต่อสู้ เพื่อไม่ให้นับรวมเวลาการเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนปี 2560
3 มีการจัดทำสื่อหลายๆ รูปแบบออกมาเชียร์ เช่น ทำเป็นเพลงเชียร์เผยแพร่อย่างกว้างขวาง
4 ฉวยจังหวะการปรากฏตัวในงานบางอย่างในหน่วยงานของรัฐ เช่น วปอ. ในการสร้างภาพว่ายังมีผู้สนับสนุน เช่น ให้นักศึกษาร่วมร้องเพลงสนับสนุนอย่างสนั่นหวั่นไหว
บทเรียนคือ เมื่อมีอำนาจแล้ว จะงัดเอาทุกวิธีการมาใช้เพื่อรักษาอำนาจ
ความอยากอยู่ในอำนาจต่อไปของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแลกด้วยต้นทุนราคาแพงของบุคคลบางคนและบางองค์กร
คนที่สูญเสียต้นทุนทางสังคมมากที่สุดจนแทบไม่หลงเหลือเกียรติภูมิอยู่เลย เห็นจะเป็นนายมีชัย ฤชุพันธ์ุ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพราะ
1) การมีความเห็นที่ประเด็นที่ใหญ่และมีผลกระทบต่อประเทศสูงอย่างการนับวาระแปดปีของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแบบกลับไปกลับมา ถ้าใช้สำนวนโบราณคือ เป็นดังไม้หลักปักขี้เลน ความเห็นในช่วงที่ยังไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจ หรือยังไม่ทราบว่าบุคคลใดมีโอกาสเข้าเงื่อนไขนายกฯ 8 ปี ดูเหมือนจะยึดหลักการตามเจตนารมณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญอย่างเข้มงวด นั้นคือ “นับอายุการดำรงตำแหน่งก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญได้” แต่ความเห็นพลิกไปอีกแบบเมื่อรู้แล้วว่าใครต้องเข้าเงื่อนไขนี้ ความเห็นจึงกลายเป็น “ให้นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้”
2) การพยายามด้อยค่าเอกสารบันทึกการประชุม กรธ.ครั้งที่ 500 ทั้งด้อยค่าตัวผู้บันทึกการประชุมและความถูกต้องชอบธรรมของบันทึก โดยอ้างในคำให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญในทำนองว่า ไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องและรับรองการประชุมเกี่ยวกับบันทึกครั้งนั้น ผู้ใดเอาเอกสารนั้นไปอ้างก็รับผิดชอบกันเอาเอง แต่เมื่อความจริงปรากฏออกมาภายหลัง กลับตรงข้ามกับสิ่งที่นายมีชัยให้การทั้งสิ้น นายมีชัยจึงถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง
JJNY : 5in1 ‘อุ๊งอิ๊ง’เปิดหน้าชน 3ป.│‘โรม’ชี้ชัดครบ8ปี│“พิชาย”ชี้“มีชัย”เสีย│แม่ค้าหวยโอด ระบบล่ม│พรุ่งนี้ยังหนัก! 63จว.
https://www.dailynews.co.th/news/1454831/
อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเวทีเพื่อไทย ปลุกแลนด์สไลด์ เอาชนะ 3 ป.-250 ส.ว. ซัดรัฐบาลทำให้เรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เปิด 2 นโยบายเติมเงินในกระเป๋า ปชช. ยัน 'หญิงอ้อ' ไม่ลงเล่นการเมือง
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จ.เชียงใหม่ ครอบครัวเพื่อไทยจัดกิจกรรม “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาปราศรัยที่เชียงใหม่ เพราะเป็นบ้านเกิดของ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอนเด็กมาฟังนายทักษิณ แต่ตอนนี้มาปราศรัยเองรู้สึกตื่นเต้นมาก การพัฒนาเชียงใหม่และภาคเหนือเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำมาตลอด เพราะต้องการให้ภาพเหนือมีความเจริญ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะดำเนินการตามเจตนารมณ์นี้ ตนเลือดเนื้อเชื้อไขคนเมือง ไม่มีทางลืมภาคเหนือแน่นอน อยากให้คนทั่วประเทศมั่นใจว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้ทำงานให้ จะสร้างความกินดีอยู่ดี เอาหนี้ออกจากประชาชน เติมเงินใส่กระเป๋า ภาคเหนือพรรคเพื่อไทยมาเหนือสุด เรารู้จักภาคเหนือดีกว่าทุกพรรค วันนี้พรรคเพื่อไทยพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง เราอยากให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์กำหนดวันเลือกตั้งเมื่อไหร่ ขอให้กาเพื่อไทยทั้งหมด เพราะเราต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตประชาชน 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนลำบากแต่ 4 ปีใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย เราจะทำให้ชีวิตประชาชนอยู่ดีกันดี เราจะทำตามสัญญาภายเวลาไม่นานเราจะทำได้ เราเคยทำสำเร็จมาแล้วและจะทำได้อีกแน่นอน
“วันนี้ตื่นเต้นที่ได้มาปราศรัยที่นี่ และมีครอบครัวมาให้กำลังใจครอบถ้วน โดยเฉพาะคุณหญิงคุณแม่ ขอบคุณกำลังใจที่ทุกคนมีให้ ศึกข้างหน้าหนักหนา พรรคเพื่อไทยจะลั่นกลองสะบัดชัยไปทั่วแผ่นดินให้รู้แล้วว่า เราพร้อมไม่ว่าการเลือกตั้งเมื่อไหร่ เรามีผู้สมัครมีนโยบายตอบสนองประชาชนทุกกลุ่ม หลายคนบอกรวมถึงนายกฯ ทักษิณ ว่าใครมาเป็นรัฐบาลต่อไป จะต้องทำงานหนัก เพราะรัฐบาลนี้ทำให้เรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก รัฐบาลต่อไปต้องรู้จริงทำเป็น ตนมั่นใจการทำงานจากผู้มีประสบการพรรคเพื่อไทย และคนใหม่ๆทุกคนตั้งใจเราจะพัฒนา ถ้ามีโอกาสจากประชาชนเลือกให้เรามาทำงานแบบแลนด์สไลด์ เราจะเดินหน้าสะสางทุกปัญหา พี่น้องจะต้องมีชีวิตดีขึ้นกว่านี้แน่นอน” น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นคำตอบของทุกปัญหา ระยะสั้นต้องลดรายจ่ายของประชาชน ระบบราชการต้องเข้าถึงได้ง่าย กระจายความเจริญไปทุกจังหวัด ต้องเข้าถึงโอกาสสร้างเงินในกระเป๋า ประเทศต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ วันนี้ตนขอเสนอนโยบายสองข้อหลักคือ เรื่องการเกษตร ต้องเอาตลาดนำ ตนมีที่ปรึกษาสำคัญที่พี่น้องก็รู้ว่าใคร และขอรับอาสาเป็นเซลส์แมนขายสินค้าให้เกษตรกรที่ต่างประเทศ โดยใช้นวัตนกรรมเพื่อคาดคะเนสภาพอากาศให้รู้ว่าในปีนั้นๆ ปลูกอะไรได้ไม่ได้ เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรจากเดิม 1 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี เป็น 3 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี, นโยบายที่สอง หนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟต์เพาเวอร์ เราเชื่อในศักยภาพของคนไทย แต่ขาดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพอย่างเป็นระบบ โลกต่อสู้กันด้วยพลังของซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งจะนำมาด้วยคุณค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
“เชิญชวนให้ประชาชนกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ขอพรรคเพื่อไทยได้ทันที หากเราได้เป็นรัฐบบาล ก็จะดำเนินการผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ทันที ขอเพื่อไทยแลนด์สไลด์ เอาชนะ 3 ป. เอาชนะ 250 ส.ว. เอาชนะสิ่งที่เขาร่างมาเพื่อตัวเอง เราจะเอาชนะวิกฤติไปด้วยกัน” น.ส.แพทองธาร กล่าว
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณีที่คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และครอบครัวเดินทางมาร่วมงานในวันนี้ว่า ทุกคนทราบกันดีว่า ปกติคุณแม่จะไม่ออกงาน คุณแม่เห็นว่าตนไปลงพื้นที่หลายงาน จึงแสดงความเป็นห่วง เขาก็จะถามว่าเหนื่อยไหม เครียดไหม พูดแล้วตนรู้สึกซึ้ง รู้สึกดีใจมาก ระหว่างที่อยู่บนเวทีแอบอมยิ้มที่เห็นคุณแม่และครอบครัว ตนไม่ได้ไปบังคับคุณแม่ หากคุณแม่ว่างก็มาได้ เพราะตนอยากให้คุณแม่มา ซึ่งไม่ได้ไปกดดัน เพราะคุณแม่ไม่ชอบมาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า มีโอกาสที่คุณหญิงพจมานจะเล่นลงการเมืองหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คุณแม่ไม่มาการเมืองแน่นอน แต่คุณแม่จะเป็นกำลังใจให้ที่บ้าน และเป็นกำลังใจที่สำคัญ และเป็นความมั่นคงทางจิตใจของตน
เมื่อถามว่า ที่กล่าวบนเวทีถึงเรื่อง 3 ป. และ 250 ส.ว. แสดงว่านี่คือวิกฤติของประเทศชาติหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า หลายๆ อย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่า ต้องการการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เราต้องการบอกพี่น้องประชาชนว่า ทำไมต้องแลนด์สไลด์ ซึ่งเรามีนโยบายดีๆ อีกมากมายรอพี่น้องประชาชนอยู่ เราต้องการแลนด์สไลด์เพื่อผลักดันจะอยู่ไปแล้วนั้น โดยที่ไม่ต้องมีอุปสรรคอะไรที่ไม่ควรจะเกิด อันนี้เป็นจุดหมายหลักของเราเลย
เมื่อถามย้ำว่า เป้าหมายในการปิดสวิตช์ ส.ว. จะทำอย่างแน่นอนและชัดเจนหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราจะเดินทางหาเสียงพบปะพี่น้องประชาชน เอาปัญหาพี่น้องประชาชนมาทำนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง ปัญหาสังคมทุกระดับที่ทุกคนกำลังเจออยู่ เราต้องการแก้ไขปัญหาตรงนั้น นี่คือเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย.
‘โรม’ ชี้ หลักฐานชัด ‘ประยุทธ์’ เป็นนายกฯครบ 8 ปี หวั่น เทคนิค กม.ช่วยต่ออายุให้อยู่ในอำนาจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3555620
‘โรม’ ชี้ หลักฐานชัด ‘ประยุทธ์’ เป็นนายกฯครบ 8 ปี หวั่น เทคนิค กม.ช่วยต่ออายุให้อยู่ในอำนาจ ระบุ จดชวเลขตาม ‘มีชัย’ สั่ง ทำเจตนารมณ์ รธน.เพี้ยน
เมื่อวันที่ 10 กันยายน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำความเห็นยืนยันต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าวาระตำแหน่งนายกฯไม่ได้เริ่มนับปี 2557 ว่า โดยข้อเท็จจริง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ 8 ปีแล้ว ส่วนขณะนี้เป็นเรื่องของเทคนิคทางกฎหมายว่า จะตีความอย่างไร ทั้งนี้สำหรับหลักฐานและบันทึกการประชุมกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ทั้งครั้งที่ 500 และครั้งที่ 501 มีความชัดเจนว่าร่องรอยในการตีความเรื่องนี้จะตีความในลักษณะใด โดยเมื่อไปดูเจตนารมณ์ก็พบว่าเป็นไปเพื่อป้องกันการผูกขาดอำนาจ ประเด็นปัญหาคือ สิ่งที่เรากังวลอาจจะไม่ใช่เรื่องข้อกฎหมาย แต่เป็นเรื่องความพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่เกิน 8 ปี ตั้งแต่การมีความเห็นของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน กรธ. หลุดออกมา การที่นายมีชัยไม่ปฏิเสธหรือคอนเฟิร์มว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ ก็น่าคิดว่า เอกสารฉบับนี้มีน้ำหนัก การที่นายมีชัยเปลี่ยนคำพูดที่ตัวเองเคยให้ความเห็นเอาไว้ในบันทึกการประชุมครั้ง 500 ตนจึงคิดว่าอาจจะมีกระบวนการบางอย่างที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไปได้
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ทั้งที่ มีความชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ครบ 8 ปี แต่เรากลับได้ยินเสียงอีกกระแสหนึ่งว่าอาจจะมีการพลิก และมีพลังบางอย่างที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้มากกว่า 8 ปี ดังนั้น สิ่งที่เราต้องพูดกันต่อไปคือ ตกลงแล้วศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯมากกว่า 8 ปีหรือไม่
เมื่อถามถึง การจดบันทึกการประชุม กรธ.ครั้งที่ 500 ที่มีแค่จุดมุ่งหมาย โดยมีรายงานข่าวว่า นายมีชัยสั่งว่าไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่ชวเลขบันทึกละเอียด ตามกระบวนการแล้วเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ และจะกระทบต่อคำร้องของฝ่ายค้านที่ยื่นไปหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ปกติชวเลขจะจดตามคำพูด และถอดเทปมาตามนั้น ส่วนการสั่งให้จดหรือไม่จด จากประสบการณ์ของตน เต็มที่ก็สั่งไม่บันทึก แต่การสั่งให้จดชวเลขอย่างไร ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นสภาทำ หาก กรธ.ทำได้จะยิ่งไปกันใหญ่ เพราะจะเท่ากับทำให้เกิดการประชุมผิดเพี้ยน หากเกิดขึ้นในการประชุมที่เกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะทำให้สืบหาเจตนารมณ์ของแต่ละมาตรายากขึ้น
“พิชาย”ชี้ปม8ปีนายกฯ ทำให้“มีชัย”สูญเสียต้นทุนทางสังคมจนแทบไม่เหลือเกียรติภูมิ
https://www.dailynews.co.th/news/1454306/
“พิชาย” ระบุปม 8 ปีนายกฯ ชี้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ “ประยุทธ์” หลุดจากตำแหน่ง ขณะที่ “มีชัย” สูญเสียต้นทุนทางสังคมมากสุดแทบไม่เหลือเกียรติภูมิ และจับตา “ศาล รธน.” ว่าการวินิจฉัยครั้งนี้ จะสามารถฟื้นฟูต้นทางทางสังคมกลับคืนมาได้หรือไม่
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. รองศาสตราจารย์ ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
หากประเมินความเห็นของประชาชนที่ส่งเสียงผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งโพลของหลายสำนัก เกือบทั้งหมดต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่ง มีเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่ยังสนับสนุน สรุปได้ชัดเจนว่า ในเวลานี้ จึงกล่าวได้ว่า พลเมืองไทยเกือบทั้งหมดที่สนใจและติดตามข่าวสารการเมืองเป็นประจำ ไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
แต่จากการประเมินท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์เห็นได้ชัดว่า เขายังคงอยากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ดังสะท้อนออกมาจากคำชี้แจงที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
1 มีการเตรียมการต่อสู้เรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว เห็นได้จากการแต่งตั้งคณะกฤษฎีกาชุดพิเศษ ที่ประกอบด้วยอดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ความเห็นประเด็นนี้เป็นการเฉพาะ
2 ใช้ตรรกะเหตุผลสารพัดทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นเพื่อโน้มน้าวจูงใจ เช่น สาธยายคุณความดีของตนเองอย่างล้นเหลือ และลงทุนหยิบประเด็นว่าตนเองเป็นนายกฯขาดตอนมาต่อสู้ เพื่อไม่ให้นับรวมเวลาการเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนปี 2560
3 มีการจัดทำสื่อหลายๆ รูปแบบออกมาเชียร์ เช่น ทำเป็นเพลงเชียร์เผยแพร่อย่างกว้างขวาง
4 ฉวยจังหวะการปรากฏตัวในงานบางอย่างในหน่วยงานของรัฐ เช่น วปอ. ในการสร้างภาพว่ายังมีผู้สนับสนุน เช่น ให้นักศึกษาร่วมร้องเพลงสนับสนุนอย่างสนั่นหวั่นไหว
บทเรียนคือ เมื่อมีอำนาจแล้ว จะงัดเอาทุกวิธีการมาใช้เพื่อรักษาอำนาจ
ความอยากอยู่ในอำนาจต่อไปของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแลกด้วยต้นทุนราคาแพงของบุคคลบางคนและบางองค์กร
คนที่สูญเสียต้นทุนทางสังคมมากที่สุดจนแทบไม่หลงเหลือเกียรติภูมิอยู่เลย เห็นจะเป็นนายมีชัย ฤชุพันธ์ุ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพราะ
1) การมีความเห็นที่ประเด็นที่ใหญ่และมีผลกระทบต่อประเทศสูงอย่างการนับวาระแปดปีของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแบบกลับไปกลับมา ถ้าใช้สำนวนโบราณคือ เป็นดังไม้หลักปักขี้เลน ความเห็นในช่วงที่ยังไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจ หรือยังไม่ทราบว่าบุคคลใดมีโอกาสเข้าเงื่อนไขนายกฯ 8 ปี ดูเหมือนจะยึดหลักการตามเจตนารมณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญอย่างเข้มงวด นั้นคือ “นับอายุการดำรงตำแหน่งก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญได้” แต่ความเห็นพลิกไปอีกแบบเมื่อรู้แล้วว่าใครต้องเข้าเงื่อนไขนี้ ความเห็นจึงกลายเป็น “ให้นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้”
2) การพยายามด้อยค่าเอกสารบันทึกการประชุม กรธ.ครั้งที่ 500 ทั้งด้อยค่าตัวผู้บันทึกการประชุมและความถูกต้องชอบธรรมของบันทึก โดยอ้างในคำให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญในทำนองว่า ไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องและรับรองการประชุมเกี่ยวกับบันทึกครั้งนั้น ผู้ใดเอาเอกสารนั้นไปอ้างก็รับผิดชอบกันเอาเอง แต่เมื่อความจริงปรากฏออกมาภายหลัง กลับตรงข้ามกับสิ่งที่นายมีชัยให้การทั้งสิ้น นายมีชัยจึงถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง