สถานการณ์แบบนี้ แม่เลี้ยงเดี่ยว เรียกร้องอะไรจากอดีตสามีได้บ้าง

ปัจจุบันเราเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ตัดสินใจแยกทางกับสามีออกมาได้ตั้งแต่ ลูกอายุ 5 เดือน โดยการแยกทางกันนี้ ไม่ได้เกิดการพูดคุย หรือตกลงกันเป็นกิจะลักษณะ เรียกได้ว่าเป็นการตัดสินใจของเราเองฝ่ายเดียวมากกว่า เพราะตลอดเวลาหลังจากที่พ่อของน้องย้ายออกจากบ้านไป เขาได้พยายามติดต่อมา ด่าทอ ใส่ร้าย พูดจาไม่เป็นความจริง ด้วยคำหยาบคาย ดูหมิ่น แบบที่ผู้หญิงคนหนึ่งเกินจะรับได้ อีกทั้งยังแต่งเรื่องขึ้นเอง เพื่อให้ร้ายเราและครอบครัว ยกตัวอย่างนะคะ เช่น หาว่าเรามีชู้ และเรากับครอบครัวรวมหัวกันหลอกให้เขามาแต่งด้วย เพื่อเอาเงินสินสอด และหาทางไล่เขาออกจากบ้าน บางคำเป็นคำพูดที่ร้ายแรงมาก เช่น ไม่น่าปล่อยให้เด็กเกิดมา น่าจะสั่งให้ทำแท้งตั้งแต่แรก ด่าพ่อแม่เราเสียๆ หายๆ ขึ้นกู  ไอ้อี กับพ่อแม่ บุพการีของเรา หลายครั้งเราพยายามคิดว่า เค้าคงฝังใจกับเรื่องอะไรก็ตามในอดีต เลยทำให้แสดงออกแบบนี้ หลายครั้งเราอ่านแล้วเสียใจ สับสน หลายครั้งเราแคปข้อความเหล่านี้ส่งไปให้แม่สามี เพราะไม่รู้จะพูดกับใคร จะปรึกษาใคร แต่ก็ได้คำตอบกลับมาแค่ว่า อยู่เฉยๆ ไปเถอะ แล้วอะไรมันจะดีเอง … จากนั้นเราก็พยายามไม่กดอ่าน ไม่ตอบ ไม่รับสาย คือพยายามแสดงออกให้เค้ารู้ว่า เราไม่ต้องการติดต่อกับเค้า แต่เหมือนว่ายิ่งเราเงียบ ยิ่งเค้าติดต่อไม่ได้ เค้าก็ยิ่งอาละวาด จนครั้งหนึ่ง เค้าติดต่อมาว่า เค้าได้มาดักรออยู่ที่บ้านเรา เค้าต้องการพบลูกเดี๋ยวนี้ ซึ่งเค้าไม่ได้นัดเราล่วงหน้า วันนั้นเราพาลูกออกไปหาหมอตามนัด เพื่อฉีดวัคซีน และน้องมีไข้อ่อนๆ พ่อของน้องก็พยายามติดต่อ ทั้งโทร ทั้งไลน์ ตั้งแต่บ่าย ยันค่ำ บอกว่าต้องการเจอลูก ให้พาลูกออกมาหาเค้าเดี๋ยวนี้ ซึ่งเรารู้สึกไม่ปลอดภัย และถ้าหากอยากเจอลูกจริง ถึงเค้าจะเกลียดพ่อตา แม่ยายแค่ไหน เราเข้าใจได้ แต่ก็ควรเข้ามาพบ มาสวัสดีตามมารยาท 

ตลอดเวลาตั้งแต่ท้อง จนคลอด จนลูกโต (ปัจจุบันอายุ 11 เดือน) ทางฝ่ายสามีไม่เคยช่วยเหลือจุนเจือค่าใช้จ่ายใดๆ เลย ตั้งแต่ฝากครรภ์ ค่าทำคลอด ค่าของใช้ลูก แม้กระทั่ง ค่าวัคซีนลูก ซึ่งทางบ้านเราเข้าใจ ว่าเขาไม่มีงานทำ จนลูกอายุ 4-5 เดือน ทางแม่เรา(คุณยาย) มองว่า เด็กเริ่มเข้าที่เข้าทาง กินนอนเป็นเวลาแล้ว สามีเราควรออกไปหางานทำ เล็กๆ น้อยๆ เพื่อเลี้ยงตัวเอง จนเกิดปัญหากระทบกระทั่งกัน และจบที่แยกทางกันในที่สุด จนล่าสุดตอนที่น้องอายุครบ 10 เดือน  เค้าได้ติดต่อมา แจ้งว่าอยากช่วยรับผิดชอบค่าวัคซีนลูกในรอบบิลนี้ เราก็เลยแจ้งไปว่า เหลือค่าวัคซีนเสริมอีกแค่ 2,500 บาท เพราะเราซื้อแพ็คเกจไว้ เราจ่ายยอดใหญ่ๆ ไปหมดแล้ว เป็นเงินรวมประมาณ 15,000 บาท ที่เราได้จ่ายไป (คือการจ่ายล่วงหน้าเป็นแพ็คเกจของโรงพยาบาลเอกชน) เราเห็นว่าเขาแยกทางไปคงเพิ่งเริ่มทำงาน เลยแจ้งยอดไปแค่ 2,000 ว่าถ้าอยากช่วยก็เอาเท่าที่พอมีกำลัง คนละ 1,000 ก็ได้ เราไม่ได้ซีเรียสเรื่องเงินแล้ว ไม่ใช่เพราะรวยหรืออะไร  แต่เพราะเคยมีปัญหาเรื่องเงินกันมามากจนไม่หวังอะไรแล้ว แค่อยากให้เขาแสดงความรับผิดชอบต่อลูกบ้าง ช่วยเหลือจุนเจือแสดงน้ำใจ ตามกำลังที่มีบ้าง และยอดเงินนี้ พอถึงเวลาตัดรอบบัตรเครดิต เราจึงได้ไลน์ไปแจ้งว่า ทางเราชำระให้ก่อนแล้ว จะช่วยเท่าไหร่ก็ตามสะดวกนะ จากนั้นเขาก็อาละวาดหนัก ด่าเรา ว่าเราไปหลอก-เขา หวังแต่ได้ จะหลอกเอาเงินเค้า จนถึงขั้น โทรไปหาแม่เรา ว่าเราไปหลอกเอาเงินเค้า 2,500 บาท จนแม่เราต้องตัดความรำคาญว่า งั้นเดี๋ยวแม่จ่ายให้เอง แต่สุดท้ายเราก็อธิบายให้แม่ฟัง เงินนั้นก็คือเงินเราที่ชำระให้กับโรงพยาบาลไป เรื่องเงินก็จบไป ทางพ่อน้องพิมพ์ไลน์มาด่าว่าเราเรื่องนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 65 ถึงวันที่ 18 ส.ค. 65 เป็นระยะเวลา 17 คืน 18 วัน พิมพ์วกวนอยู่ซ้ำๆ เรื่องเดิม เราไม่ได้กดอ่าน แต่ก็แคปจากหน้า Noti ส่งไปแจ้งทางแม่สามีว่า ทางหนูจบเรื่องแล้ว ขอให้ทางเขาหยุดการกระทำนี้ แต่ก็ไม่เป็นผลอะไร และเงียบไปเองในที่สุด ต่อมาไม่นาน พ่อน้องได้ติดต่อมาว่า ขอ Access ในการเข้าดูกล้องที่ติดอยู่ในห้องนอนของเรา เพื่อที่จะดูลูก เพราะคิดถึงลูก และไม่อยากรบกวนเรา ในการส่งรูป หรือวีดีโอของลูกผ่านทางไลน์ ซึ่งเราไม่สะดวก เพราะเราถือว่าลดสถานะสามีภรรยากันแล้ว เหลือเพียงความเป็นพ่อ-แม่ จึงได้ปฏิเสธไป และเขาก็อาละวาดเช่นเคย ด่าว่าเราเสียๆ หายๆ เหมือนหนังม้วนเดิมฉายซ้ำๆ จากที่เราเคยเจ็บใจ เสียใจ ซึมเศร้า กับคำพูดพวกนั้น มีอยู่หนึ่งคำ ที่ทำให้เราเสียความรู้สึกมากคือ เค้าถามว่า เราแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นลูกของเค้า  

ตอนนี้… กลายเป็นความคับแค้นใจ แต่ไม่สามารถบอกใครได้ บอกเพื่อนก็อับอาย บอกพ่อแม่ก็ไม่ได้ เพราะไม่อยากให้ท่านเครียด เลยได้แจ้งไปทางแม่สามี ว่าขอให้ทางเขาหยุดการกระทำแบบนี้ เพราะทางเรายังอยาก keep relationship ครอบครัวให้กับลูกอยู่ อยากให้ลูกรู้ว่าตัวเองมีพ่อ มีปู่ มีย่า ที่คอยส่งความรักความห่วงใยอยู่ห่างๆ อยากให้อนาคต ลูกมีครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่น มีผู้ใหญ่เมตตา ค้ำจุน (เพราะแม่มีปมในวัยเด็ก) แต่ก็ได้แต่พิมพ์อธิบายไปในข้อความ ทางแม่สามีไม่ได้ตอบกลับข้อความใดๆ จนถึงปัจจุบัน พ่อของน้องก็ยังส่งข้อความมาด่าแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ตลอดเวลา

คำถามตอนนี้ที่เราอยากปรึกษา คือ
1. เราสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ทางกฎหมาย เพื่อให้เขาหยุดก่อกวนเรา และครอบครัว เพราะอันที่จริงการที่เขาด่าเรามา ก็เป็นแค่ทางไลน์ส่วนตัว ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย แต่เราก็ไม่อยากบล็อคเค้าไปโดยถาวร เพราะยังเห็นแก่ความเป็นพ่อ และไม่อยากกีดกันเขาออกจากลูก ในอนาคต
หลายท่านคงคาดเดาว่าคุณพ่อน้องอาจเป็นโรคทางจิตเวช ซึ่งจุดนี้เราและแม่สามีเคยได้ปรึกษากัน และแพลนว่าจะพากันไปพบแพทย์ตั้งแต่หลังแต่งงานใหม่ๆ แต่สุดท้ายก็โดนอาละวาดใส่และเขาได้ไล่ให้เราไปหาหมอคนเดียว
2. เราคิดไว้อีกทางคือ เมื่อลูกเข้าโรงเรียน จะดำเนินการเรื่องฟ้องร้องขอเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร ตามกำลังที่เขามี คือไม่ได้ใจร้ายใจดำกับเขา เพราะค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาตั้งแต่คลอดจนปัจจุบัน กำลังจะครบ 1 ปี เราเป็นฝ่ายรับผิดชอบคนเดียวมาตลอด  เราทำใจแล้วว่ายอดเงินที่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับศาลพิจารณาตามกำลังของเขาในตอนนั้นๆ มากน้อยไม่สำคัญ​ สำคัญที่การแสดงความรับผิดชอบ หากใครพอมีประสบการณ์ อยากรบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ
3. ทางที่คิดว่าอาจจะดีที่สุด คือติดต่อทางพ่อแม่ฝ่ายสามีไป เพื่อขอให้ทางเขาชำระค่าใช้จ่ายรายเดือนตามตกลงกัน คือเป็นการขอความร่วมมือ โดยที่ทั้ง 2 ครอบครัว ไม่เกิดความบาดหมาง (ส่วนตัวมองว่าเหมาะสมที่สุด แต่ก็นั่นแหละค่ะ มันเหมือนว่าเราเป็นฝ่ายไปขอเรียกร้องเค้า ทั้งที่เราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด)
4. ตัดขาดความสัมพันธ์ไปเลย คือไม่ติดต่อกันอีก และก็ไม่ต้องมารับผิดชอบส่งเสียอะไร เอาตามตรงเราเองคนเดียวตอนนี้ยังเลี้ยงครอบครัวไหวค่ะ แต่อนาคตเด็กต้องมีค่าใช้จ่ายอีกมาก อีกทั้งเราเองก็ยังมีพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดู​ก็ไม่รู้ว่าจะมีเหตุฉุกเฉินอะไรมั้ยในอนาคตค่ะ 

ทั้งหมดนี้ เรื่องอาจจะยาวไปมากหน่อย แต่อยากให้ทุกคนได้เห็นในหลายมุมมองค่ะ หากท่านใดอยากทราบข้อมูล เพื่อประกอบการให้คำแนะนำเพิ่มเติม เรายินดีให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมานะคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เรื่องแบบนี้ เรามีแนวคิดง่ายๆ ค่ะ
แค่ดูว่า ใครคือ คู่เวร ใครคือ คู่บุญ … แล้วพยายามหนีสุดฝีเท้า หากต้องเจอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย

เขากับคุณ มองมุมไหน ก็ตัดสินใจได้ง่ายๆเลย ว่านี่คือ คู่เวรคู่กรรมขนานแท้
ชดใช้ให้ไปแล้ว / เสียน้ำตาให้แล้ว / ถูกใส่ร้าย ด่าทอ แต่ละคำอ่านแล้วจิตตก ไปหลายรอบแล้ว

ทางออกเรื่องนี้ ถ้ามองให้ง่าย มันจะง่ายสุดๆเลยค่ะ

แค่ ตัดบ่วงเวร นี้ออกไปจากชีวิตเสีย … ทำได้ไหม  ? …

จะไปคิดมากทำไม ว่าเขาคือ พ่อเด็ก  
ก็เขาไม่เคย ช่วยค่าใช้จ่ายอะไรเลย แถม ดูหมิ่นด้วยว่า นี่คือ ลูกชู้บ้าง ไม่แน่ใจว่าใช่ลูกเขาหรือไม่บ้าง

ลูกน่ะ มีคุณแม่ คุณตา คุณยาย และญาติฝ่ายคุณให้ความรัก ก็ล้นเหลือแล้วค่ะ
อย่าไปโลภ อยากได้รักจาก ญาติฝ่ายพ่อเพิ่มเลย
ที่เราใช้คำนี้ ไม่ได้คิดจะกีดกัน พ่อลูก  แต่เราชี้ให้เห็นมุมมองที่คุณเป็นแม่ของเด็กคนนี้

คุณมีหน้าที่ ที่จะต้องปกป้อง และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก
ได้น้ำเชื้อ เขามาเป็นพ่อเด็ก นั่นก็แล้วไปเถิด อดีต มันเปลี่ยนไม่ได้

แต่ถามจริงๆ เถอะ คนไร้ความสามารถแบบนี้ ตอนนี้ คุณเลือกได้นะคะ
ว่าจะให้เข้ามาในชีวิตลูกไหม

ย้ำอีกที เราไม่ได้กีดกันพ่อลูก
แต่ คำว่าพ่อ ควรมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ไม่ใช่จู่ๆ จะมาสั่งอย่างเอาแต่ใจว่าคิดถึงลูก
ให้พาลูกออกไปหา อยากจะดูวีดีโอในห้องลูก แต่ไม่เคยช่วยค่านมลูกสักบาท

เด็กนะคะ ไม่ใช้ตุ๊กตา ที่มีไว้เพื่ออุ้มเล่นขำๆ

ให้เขาพิสูจน์ตนเอง
มีความสามารถ พร้อมรับผิดชอบลูก ในฐานะพ่อ ค่อยติดต่อมา
โดยมีแม่สามีเป็นคนกลาง

ระหว่างนี้บล็อคเขาไปเลย
จะปล่อยให้เขาส่งไลน์มาด่าคุณเนืองๆเพื่ออะไร ?

เรื่องจะไป ฟ้องศาลเรียกค่าเลี้ยงดูอะไรนั่นน่ะ
ถ้าเป็นเราทเราจะไม่ทำ เงินเรามี ลูกเรา เราเลี้ยงได้ หากไม่มีปัญญาช่วยค่าใช้จ่าย เรายิ่งดีใจ
จะได้พูดได้เต็มปาก ว่าเราเลี้ยงลูกมาคนเดียว  จะได้บอกลูกได้เต็มคำ ตอนลูกโตขึ้นมา

สรุปคือ จบกันไปแล้ว อย่า อนุญาต ให้เขามามีอิทธิพลทางใจ หรือ มีอะไรที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตคุณไม่จบไม่สิ้นค่ะ
จบแบบลาขาด ให้ขาดจากใจ แล้วลืมกันไปเลย เป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการรับมือ กับ คู่เวร ค่ะ

เทียน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่