โควิดวันนี้ ดับเพิ่ม 22ศพ ผู้ป่วยใหม่กว่า 1.3พัน เผย ปอดอักเสบ 731ราย
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_7248171
โควิดวันนี้ ศบค. รายงานสถานการณ์เบื้องต้นพบผู้ป่วยใหม่กว่า 1,300 ราย ติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่ม 22 ราย เผย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 731 ราย
วันที่ 5 ก.ย.2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ว่า เบื้องต้นมีผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) 1,360 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 1,360 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย ผู้ป่วยสะสม 2,436,467 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 2,106 ราย หายป่วยสะสม 2,443,568 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 15,418 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 22 ราย เสียชีวิตสะสม 10,724 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 731 ราย ติดเชื้อนอกโรงพยาบาล (ATK) (สัปดาห์ที่ 34 : 21-27 ส.ค.65) จำนวน 173,234 คน สะสม 7,701,375 คน
เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม
สรท.ห่วงความขัดแย้งทำตลาด EU ลดต่อเนื่อง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_403620/
ปธ.สรท.เผยห่วงความขัดแย้งทำตลาดอียูลดลงต่อเนื่อง แนะนำเข้าเครื่องจักรรับมือค่าแรง
นาย
ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า จากตัวเลขการส่งออกล่าสุดในเดือนกรกฎาคม มีความชัดเจนแล้วว่าตลาดหลักของไทยในสหภาพยุโรป หรือ อียู ชะลอตัวลงแน่นอนและมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
จากความขัดแย้งของสงครามรัสเซียยูเครนที่ยังยืดเยื้อส่งผลกระทบกับตลาดการค้าไทย และเพื่อเป็นการรักษาตลาดการส่งออกให้ยังขยายตัวอยู่ได้ ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตสินค้าเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น ขยายผลผลิต
ลดของเสีย ทดแทนต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างเช่นค่าแรง ซึ่งอาจต้องลงทุนในเรื่องของการนำเข้าเครื่องจักร ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดกำลังคนลง เพราะประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ปรับขึ้นค่าแรงด้วย
“รสนา” แนะ “สุมาอี้ป้อม” ใช้ใจบันดาลแรง ดึงประชาชนจากหุบเหวศก.ดีกว่าไหม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3544262
“รสนา” แนะ “สุมาอี้ป้อม” ใช้ใจบันดาลแรง ดึงประชาชนจากหุบเหวศก.ดีกว่าไหม
เมื่อวันที่ 4 ก.ย. นางสาว
รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง “
ใจบันดาลแรง” ของลุง
ป้อมจะใช้แรงเพื่ออะไร!? โดยมีรายละเอียดว่า
สื่อมวลชนตกตะลึงเมื่อเห็นลุงป้อม พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินปร๋อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยถูกมองว่าเป็นคนปวกเปียก เดินเองยังไม่ไหว จะพาบ้านเมืองไปรอดละหรือ ถามอะไรท่านก็ “ไม่รู้ ไม่รู้” ท่าเดียว แต่พอหลังวันที่24 สิงหาคม ที่พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี พลันพล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็กลายสภาพเป็นสุมาอี้ เดินเหินกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที พร้อมกล่าววาทะแห่งปีว่า “ใจบันดาลแรง”
ใคร่ถามต่อว่า “ใจบันดาลแรง” ของลุงป้อมนั้น เป็นแรงไว้เพื่อทำอะไร !?
ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ท่านย่อมเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช. ) ซึ่งมีอำนาจเทียบได้กับครม.ชุดเล็ก เลยทีเดียว สงสัยว่า ”ใจบันดาลแรง” ของลุงป้อมจะเป็นแรงอุ้มกลุ่มทุนพลังงานต่อไป หรือจะเป็นแรงผดุงธรรม มาช่วยดึงประชาชนออกจากหุบเหวแห่งการถูกเอารัดเอาเปรียบล้วงกระเป๋ากันแน่!?
หาก ”ใจบันดาลแรง” ของท่านพล.อ ประวิตรในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีจะมาแก้ไขเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานที่เป็นผลกระทบจากราคาพลังงานสูงเกินจริง ส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชน ส่งผลต่อเงินเฟ้อผสมเงินฝืดในประเทศ ประชาชนก็หวังจะเห็น “ใจบันดาลแรง” ของลุงป้อมเป็นแรงมาช่วยจัดการความไม่เป็นธรรมในราคาพลังงานที่กดทับหลังไหล่ของประชาชนมานานแสนนาน
ในฐานะประธานกพช.ท่านพล.อ ประวิตรสามารถกำหนดกติการาคาพลังงานทั้งก๊าซและน้ำมันที่เป็นธรรมให้ประชาชนได้
1. ประธาน กพช.สามารถใช้แรงบัญชาให้ยกเลิกสูตรนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ เปลี่ยนมาใช้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นในประเทศ ด้วยราคาส่งออกน้ำมันของโรงกลั่น +10สต./ลิตร (ประชาชนยินดี Top up เพิ่มราคาขายน้ำมันให้สูงกว่าที่ส่งออก 10สต./ลิตร) ประธานกพช.บัญชาให้กำกับกติกาค่าการตลาดที่เหมาะสมของแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ที่ราคา 1.85 บาท/ลิตร ดีเซล 1.40 บาท/ลิตรอย่างเคร่งครัด ไม่ให้เอาเปรียบประชาชน
2. ประธานกพช.สามารถใช้แรงบัญชาให้เปลี่ยนกติกาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและในประเทศว่าต้องจัดสรรให้ประชาชนได้ใช้ก่อนทั้งก๊าซหุงต้มและก๊าซในโรงไฟฟ้า ขอให้ยกเลิกกติกาอ้างราคานำเข้าก๊าซหุงต้ม (LPG)จากซาอุดิอารเบีย กลับไปใช้สูตรควบคุมราคาก๊าซหุงต้มในประเทศที่ 333 เหรียญ/ตัน+10 เหรียญ/ตัน เป็นราคาก๊าซหุงต้มสำหรับประชาชนในประเทศก่อนภาษีและค่าการตลาด ธุรกิจปิโตรเคมีที่ต้องการใช้ก๊าซในประเทศต้องใช้ในราคาPool Gas ที่เฉลี่ยราคาก๊าซรวม3แหล่ง จากก๊าซในประเทศ ก๊าซจากพม่า และ ก๊าซ LNG
ปัจจุบันธุรกิจปิโตรเคมีใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศด้วยราคาในประเทศ ไม่ใช่ราคาเฉลี่ยรวมของ Pool Gas
การให้ธุรกิจปิโตรเคมีใช้ราคาเฉลี่ยPool Gas จะสามารถประหยัดเงินค่า Ft ต่อปี ได้กว่า 40,000 ล้านบาท ใช้เวลาเพียง 2 ปี ก็สามารถใช้หนี้ กฟผ. ได้โดยที่ไม่กระทบต่อค่าไฟประชาชนเลย
3. ประธาน กพช.สามารถใช้แรงสั่งการให้มีการเจรจากับโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟที่รัฐต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายให้ถึง 25% ให้ลดการประกันกำไรนี้ลงไปให้มากที่สุด เพื่อลดภาระค่าไฟบนบ่าประชาชนได้อีกมาก
ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 6 โรง ที่ยังไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟ แต่ประเทศต้องจ่ายเงินเป็นค่าความพร้อมจ่ายเป็นเงินประมาณ 7,000ล้านบาทในช่วง4เดือน (พค.-สค.2565) ในเวลาหนึ่งปีประชาชนต้องจ่ายเงินให้โรงไฟฟ้าเหล่านี้ไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟ ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มสูงขึ้นโดยไม่เป็นธรรม
ท่านประธาน กพช.จึงควรยกเลิกกติกาประกันกำไรให้โรงไฟฟ้าเอกชนที่ทำสัญญาแล้ว แต่ยังไม่ได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้า และยุติการประกันกำไรให้โรงไฟฟ้าในการทำสัญญาซื้อไฟในอนาคตด้วย
4.ประธานกพช.สามารถใช้แรงสั่งแก้ไขแผนพัฒนาพลังงาน( PDP )ให้ยุติการเซ็นสัญญาซื้อไฟจากโรงไฟฟ้าเอกชน และต่างประเทศเมื่อมีไฟสำรองในประเทศเกิน 15-20% เนื่องจากปัจจุบันมีไฟฟ้าสำรองถึง 54% ซึ่งเกินการสำรองมาตรฐานถึงเกือบ40% แล้ว ไฟฟ้าที่ล้นเกินเป็นจำนวนมากนี้ เป็นภาระค่าไฟที่ประชาชนต้องต้องควักเนื้อจ่าย แบบเอาเนื้อหนูปะเนื้อช้าง
นอกจากนี้โรงไฟฟ้าที่ยังไม่เข้าระบบควรชะลอออกไปก่อนเนื่องจากปัจจุบันมีการสำรองไฟล้นเกินระบบอยู่แล้ว หากพล.อ ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ ใช้ “ใจบันดาลแรง” ให้แรงไปแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนคนไทยในเวลานี้ “แรง” ของท่านจึงมีค่าสมควรกับ “ใจ” ที่ทางพุทธศาสนากล่าวว่า “ใจ” เป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน และทุกสิ่งที่ดีงามสามารถถูกบันดาลด้วย “ใจ”เป็นใหญ่ และนี่จะเป็นหนทางเดียวที่พรรคของท่านจะได้
”แรงใจ”จากประชาชนในการเลือกตั้งสมัยหน้า
รสนา โตสิตระกูล
4 กย.2565
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02zNXntzZohgwmHbrTvvBFSTvSRWr9iHxTuwrDAki1mM5QEkEzHhwGcvX81wgSnCgPl&id=100044690642442
JJNY : ดับเพิ่ม 22 ผู้ป่วยใหม่กว่า 1.3พัน│สรท.ห่วงความขัดแย้ง│“รสนา”แนะ“ป้อม”ดึงปชช.จากหุบเหวศก.│วันนี้ ‘นิพนธ์’ ระทึก
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_7248171
โควิดวันนี้ ศบค. รายงานสถานการณ์เบื้องต้นพบผู้ป่วยใหม่กว่า 1,300 ราย ติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่ม 22 ราย เผย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 731 ราย
วันที่ 5 ก.ย.2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ว่า เบื้องต้นมีผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) 1,360 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 1,360 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย ผู้ป่วยสะสม 2,436,467 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 2,106 ราย หายป่วยสะสม 2,443,568 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 15,418 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 22 ราย เสียชีวิตสะสม 10,724 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 731 ราย ติดเชื้อนอกโรงพยาบาล (ATK) (สัปดาห์ที่ 34 : 21-27 ส.ค.65) จำนวน 173,234 คน สะสม 7,701,375 คน
เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม
สรท.ห่วงความขัดแย้งทำตลาด EU ลดต่อเนื่อง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_403620/
ปธ.สรท.เผยห่วงความขัดแย้งทำตลาดอียูลดลงต่อเนื่อง แนะนำเข้าเครื่องจักรรับมือค่าแรง
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า จากตัวเลขการส่งออกล่าสุดในเดือนกรกฎาคม มีความชัดเจนแล้วว่าตลาดหลักของไทยในสหภาพยุโรป หรือ อียู ชะลอตัวลงแน่นอนและมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
จากความขัดแย้งของสงครามรัสเซียยูเครนที่ยังยืดเยื้อส่งผลกระทบกับตลาดการค้าไทย และเพื่อเป็นการรักษาตลาดการส่งออกให้ยังขยายตัวอยู่ได้ ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตสินค้าเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น ขยายผลผลิต
ลดของเสีย ทดแทนต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างเช่นค่าแรง ซึ่งอาจต้องลงทุนในเรื่องของการนำเข้าเครื่องจักร ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดกำลังคนลง เพราะประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ปรับขึ้นค่าแรงด้วย
“รสนา” แนะ “สุมาอี้ป้อม” ใช้ใจบันดาลแรง ดึงประชาชนจากหุบเหวศก.ดีกว่าไหม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3544262
“รสนา” แนะ “สุมาอี้ป้อม” ใช้ใจบันดาลแรง ดึงประชาชนจากหุบเหวศก.ดีกว่าไหม
เมื่อวันที่ 4 ก.ย. นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง “ใจบันดาลแรง” ของลุงป้อมจะใช้แรงเพื่ออะไร!? โดยมีรายละเอียดว่า
สื่อมวลชนตกตะลึงเมื่อเห็นลุงป้อม พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินปร๋อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยถูกมองว่าเป็นคนปวกเปียก เดินเองยังไม่ไหว จะพาบ้านเมืองไปรอดละหรือ ถามอะไรท่านก็ “ไม่รู้ ไม่รู้” ท่าเดียว แต่พอหลังวันที่24 สิงหาคม ที่พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี พลันพล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็กลายสภาพเป็นสุมาอี้ เดินเหินกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที พร้อมกล่าววาทะแห่งปีว่า “ใจบันดาลแรง”
ใคร่ถามต่อว่า “ใจบันดาลแรง” ของลุงป้อมนั้น เป็นแรงไว้เพื่อทำอะไร !?
ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ท่านย่อมเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช. ) ซึ่งมีอำนาจเทียบได้กับครม.ชุดเล็ก เลยทีเดียว สงสัยว่า ”ใจบันดาลแรง” ของลุงป้อมจะเป็นแรงอุ้มกลุ่มทุนพลังงานต่อไป หรือจะเป็นแรงผดุงธรรม มาช่วยดึงประชาชนออกจากหุบเหวแห่งการถูกเอารัดเอาเปรียบล้วงกระเป๋ากันแน่!?
หาก ”ใจบันดาลแรง” ของท่านพล.อ ประวิตรในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีจะมาแก้ไขเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานที่เป็นผลกระทบจากราคาพลังงานสูงเกินจริง ส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชน ส่งผลต่อเงินเฟ้อผสมเงินฝืดในประเทศ ประชาชนก็หวังจะเห็น “ใจบันดาลแรง” ของลุงป้อมเป็นแรงมาช่วยจัดการความไม่เป็นธรรมในราคาพลังงานที่กดทับหลังไหล่ของประชาชนมานานแสนนาน
ในฐานะประธานกพช.ท่านพล.อ ประวิตรสามารถกำหนดกติการาคาพลังงานทั้งก๊าซและน้ำมันที่เป็นธรรมให้ประชาชนได้
1. ประธาน กพช.สามารถใช้แรงบัญชาให้ยกเลิกสูตรนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ เปลี่ยนมาใช้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นในประเทศ ด้วยราคาส่งออกน้ำมันของโรงกลั่น +10สต./ลิตร (ประชาชนยินดี Top up เพิ่มราคาขายน้ำมันให้สูงกว่าที่ส่งออก 10สต./ลิตร) ประธานกพช.บัญชาให้กำกับกติกาค่าการตลาดที่เหมาะสมของแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ที่ราคา 1.85 บาท/ลิตร ดีเซล 1.40 บาท/ลิตรอย่างเคร่งครัด ไม่ให้เอาเปรียบประชาชน
2. ประธานกพช.สามารถใช้แรงบัญชาให้เปลี่ยนกติกาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและในประเทศว่าต้องจัดสรรให้ประชาชนได้ใช้ก่อนทั้งก๊าซหุงต้มและก๊าซในโรงไฟฟ้า ขอให้ยกเลิกกติกาอ้างราคานำเข้าก๊าซหุงต้ม (LPG)จากซาอุดิอารเบีย กลับไปใช้สูตรควบคุมราคาก๊าซหุงต้มในประเทศที่ 333 เหรียญ/ตัน+10 เหรียญ/ตัน เป็นราคาก๊าซหุงต้มสำหรับประชาชนในประเทศก่อนภาษีและค่าการตลาด ธุรกิจปิโตรเคมีที่ต้องการใช้ก๊าซในประเทศต้องใช้ในราคาPool Gas ที่เฉลี่ยราคาก๊าซรวม3แหล่ง จากก๊าซในประเทศ ก๊าซจากพม่า และ ก๊าซ LNG
ปัจจุบันธุรกิจปิโตรเคมีใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศด้วยราคาในประเทศ ไม่ใช่ราคาเฉลี่ยรวมของ Pool Gas
การให้ธุรกิจปิโตรเคมีใช้ราคาเฉลี่ยPool Gas จะสามารถประหยัดเงินค่า Ft ต่อปี ได้กว่า 40,000 ล้านบาท ใช้เวลาเพียง 2 ปี ก็สามารถใช้หนี้ กฟผ. ได้โดยที่ไม่กระทบต่อค่าไฟประชาชนเลย
3. ประธาน กพช.สามารถใช้แรงสั่งการให้มีการเจรจากับโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟที่รัฐต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายให้ถึง 25% ให้ลดการประกันกำไรนี้ลงไปให้มากที่สุด เพื่อลดภาระค่าไฟบนบ่าประชาชนได้อีกมาก
ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 6 โรง ที่ยังไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟ แต่ประเทศต้องจ่ายเงินเป็นค่าความพร้อมจ่ายเป็นเงินประมาณ 7,000ล้านบาทในช่วง4เดือน (พค.-สค.2565) ในเวลาหนึ่งปีประชาชนต้องจ่ายเงินให้โรงไฟฟ้าเหล่านี้ไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟ ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มสูงขึ้นโดยไม่เป็นธรรม
ท่านประธาน กพช.จึงควรยกเลิกกติกาประกันกำไรให้โรงไฟฟ้าเอกชนที่ทำสัญญาแล้ว แต่ยังไม่ได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้า และยุติการประกันกำไรให้โรงไฟฟ้าในการทำสัญญาซื้อไฟในอนาคตด้วย
4.ประธานกพช.สามารถใช้แรงสั่งแก้ไขแผนพัฒนาพลังงาน( PDP )ให้ยุติการเซ็นสัญญาซื้อไฟจากโรงไฟฟ้าเอกชน และต่างประเทศเมื่อมีไฟสำรองในประเทศเกิน 15-20% เนื่องจากปัจจุบันมีไฟฟ้าสำรองถึง 54% ซึ่งเกินการสำรองมาตรฐานถึงเกือบ40% แล้ว ไฟฟ้าที่ล้นเกินเป็นจำนวนมากนี้ เป็นภาระค่าไฟที่ประชาชนต้องต้องควักเนื้อจ่าย แบบเอาเนื้อหนูปะเนื้อช้าง
นอกจากนี้โรงไฟฟ้าที่ยังไม่เข้าระบบควรชะลอออกไปก่อนเนื่องจากปัจจุบันมีการสำรองไฟล้นเกินระบบอยู่แล้ว หากพล.อ ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ ใช้ “ใจบันดาลแรง” ให้แรงไปแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนคนไทยในเวลานี้ “แรง” ของท่านจึงมีค่าสมควรกับ “ใจ” ที่ทางพุทธศาสนากล่าวว่า “ใจ” เป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน และทุกสิ่งที่ดีงามสามารถถูกบันดาลด้วย “ใจ”เป็นใหญ่ และนี่จะเป็นหนทางเดียวที่พรรคของท่านจะได้
”แรงใจ”จากประชาชนในการเลือกตั้งสมัยหน้า
รสนา โตสิตระกูล
4 กย.2565
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02zNXntzZohgwmHbrTvvBFSTvSRWr9iHxTuwrDAki1mM5QEkEzHhwGcvX81wgSnCgPl&id=100044690642442