JJNY : 5in1 ปชน.จี้เร่งประสาน│ศุภโชติจี้แจงรับซื้อไฟ│อดีตเสื้อแดงเขวี้ยงถุงขยะทักษิณ│“รองปธ.วุฒิสภา”ฉะ“สว.”│อาเซียนมีแผน

ปชน. จี้รัฐบาล เร่งประสานช่วยตัวประกันถูกขังใน #กาซา หลัง 33 รายที่จะถูกปล่อย ไร้ชื่อคนไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5008655
 
 
‘พรรคประชาชน’ เรียกร้องรัฐบาล เร่งประสานช่วยตัวประกันถูกขังในกาซา หลัง 33 รายที่ถูกปล่อย ไร้ชื่อคนไทย ให้ได้รับการปลดปล่อยและกลับบ้านอย่างปลอดภัย
 
เมื่อวันที่ 20 มกราคม เพจเฟซบุ๊ก พรรคประชาชน ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า 
 
พรรคประชาชนได้ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในอิสราเอล-ฉนวนกาซา รวมถึงสวัสดิภาพของตัวประกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวประกันชาวไทยที่ถูกคุมขังอยู่ในบริเวณฉนวนกาซาด้วยความห่วงกังวลอย่างยิ่งมาตลอด โดยในขณะนี้ยังคงมีตัวประกันชาวไทยที่ตกค้างอยู่ในบริเวณฉนวนกาซาอีกหลายราย
 
ล่าสุด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ว่าได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงและมีข้อแลกเปลี่ยนตัวประกันแล้ว แต่จากรายชื่อตัวประกัน 33 รายที่จะได้รับการปล่อยตัวที่ลงในหนังสือพิมพ์เยรูซาเลมโพสต์นั้น ยังไม่มีตัวประกันชาวไทยอยู่
 
แม้สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายโดยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 มกราคม 2568 และกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ออกแถลงการณ์ในวันเดียวกัน เรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงและให้มีการปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่ทั้งหมด แต่พรรคประชาชนยังมีข้อกังวลอย่างยิ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่และสวัสดิภาพของตัวประกันชาวไทยที่เหลือที่ยังถูกคุมตัวอยู่ ซึ่งต้องพลัดพรากจากครอบครัว คนที่รัก และเผชิญความทุกข์ยากมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี 3 เดือนแล้ว นับแต่สถานการณ์ความขัดแย้งรอบล่าสุดปะทุขึ้น
 
พรรคประชาชนจึงขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องให้ใช้ความพยายามระดับสูงสุดในการดำเนินการทางการทูต เพื่อประสานงานอย่างใกล้ชิดและโดยเร่งด่วนกับมิตรประเทศและองค์การระหว่างประเทศที่สามารถช่วยเจรจาให้ปล่อยตัวประกันชาวไทยที่เหลือโดยเร่งด่วน เพื่อให้มั่นใจว่า ตัวประกันชาวไทยจะได้รับการปล่อยตัวกลับสู่มาตุภูมิและได้พบกับครอบครัวในเร็ววัน
การช่วยเหลือคนไทยที่ถูกลิดรอนอิสรภาพอย่างไม่เป็นธรรมในต่างแดนทุกคนให้ได้กลับสู่มาตุภูมิอย่างปลอดภัยถือเป็นหน้าที่ที่มีความสำคัญสูงสุดประการหนึ่งของการดำเนินการทางการทูตไทยและของรัฐบาล โดยถือเป็นหน้าที่พื้นฐานของรัฐบาลที่ต้องปกป้องและคุ้มครองผลประโยชน์และสวัสดิภาพของคนไทยตามรัฐธรรมนูญ
 
หน้าที่ดังกล่าวของรัฐบาลไม่เพียงจำกัดอยู่แต่เพียงเรื่องตัวประกันชาวไทยในบริเวณฉนวนกาซา แต่รวมถึงเรื่องลูกเรือประมงชาวไทยที่ยังถูกกักขังในเมียนมา และสวัสดิภาพของคนไทยในต่างแดนทุกแห่ง เพราะทุกวันที่ผ่านไปที่คนเหล่านี้ไม่ได้รับอิสรภาพ ย่อมหมายถึงความทุกข์ที่เพิ่มขึ้นของครอบครัวที่รอคอยข่าวคราวเกี่ยวกับความเป็นตายร้ายดีของพวกเขาเหล่านั้น
 
พรรคประชาชนจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะผู้นำประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรง ใช้โอกาสการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสนี้ ดำเนินการทุกวิถีทางให้เกิดความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมที่จะนำไปสู่การปล่อยตัวตัวประกันชาวไทยที่เหลือทั้งหมด ให้ได้กลับสู่มาตุภูมิอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

https://www.facebook.com/PPLEThai/posts/122134653302480817



ศุภโชติ จี้ รบ.แจงคืบหน้า ตั้งกก.สอบรับซื้อไฟ 3.6 พันเมกฯ หลังมติชะลอเกือบเดือน แต่ยังไร้วี่แววคำสั่งนายกฯ 
https://www.matichon.co.th/politics/news_5008629

ศุภโชติ จี้ รบ.แจงคืบหน้าตั้งกก.สอบรับซื้อไฟฟ้า 3.6 พันเมกฯ หลังมติชะลอเกือบเดือน แต่ยังไร้วี่แววคำสั่งนายกฯ 
 
เมื่อวันที่ 20 มกราคม นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดรอบล่าสุดจำนวน 3,600 เมกะวัตต์ รัฐบาลดำเนินการล่าช้ากว่าปกติหรือไม่ ว่า จากมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 26 ธ.ค.
2567 ที่ให้มีการชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด รอบเพิ่มเติมจำนวน 3,600 เมกะวัตต์นั้น ในตัวมติดังกล่าวยังระบุให้นายกฯ ในฐานะประธาน กพช. แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการ กพช. ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ว่าปัจจุบันยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแต่อย่างใด ต้องรอเป็นคำสั่งจากนายกฯ ในฐานะประธาน กพช. ออกมาก่อน
 
จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาชี้แจงและตอบคำถามกับสังคมใน 2 ประเด็น คือจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเมื่อใด และกรอบเวลาการทำงานของคณะดังกล่าวจะเป็นอย่างไร และการตรวจสอบควรขยายผลถึงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรอบแรกจำนวน 5,200 เมกะวัตต์ด้วยหรือไม่ เนื่องจากมีปัญหาลักษณะเดียวกันกับรอบ 3,600 เมกะวัตต์ คือการประกาศราคารับชื้อที่แพงเกินจริง กระบวนการที่ส่อทุจริต เช่น การไม่เปิดหลักเกณฑ์การให้คะแนน รวมถึงการมีวิธีที่ดีกว่าอย่าง Direct PPA ในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดของภาครัฐ
 
นายศุภโชติกล่าวว่า รัฐบาลยังสามารถบรรเทาผลกระทบจากการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดในรอบแรกได้อยู่ เนื่องจากมีโรงไฟฟ้าบางส่วนยังไม่ได้เข้ามาเซ็นสัญญาซื้อขายกับภาครัฐ อีกทั้งข้อ 39 ในระเบียบการรับซื้อไฟฟ้ารอบ 5,200 เมกะวัตต์ ระบุชัดเจนว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) สามารถยกเลิกการรับซื้อได้ หาก กพช. มีมติ แต่จนถึงขณะนี้ รัฐบาลยังไม่มีท่าทีดำเนินการใดๆ เพื่อยกเลิกโครงการเหล่านี้ ทั้งที่สามารถทำได้ หรือจะเป็นอย่างที่ประชาชนจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลชะลอเรื่องนี้เพียงเพื่อหลบเสียงคัดค้านของประชาชน พอเรื่องเงียบก็จะกลับมาเดินหน้า อย่างนั้นหรือไม่


 
อดีตเสื้อแดงเขวี้ยงถุงขยะข้ามหัว “ทักษิณ” กลางเวทีปราศรัย เจ้าตัวลั่นไม่เป็นไร เคยโดนลอบฆ่ายังไม่ตาย
https://ch3plus.com/news/political/morning/431201
 
ระทึก! “อดีตคนเสื้อแดง” เขวี้ยงถุงขยะข้ามหัว “ทักษิณ” กลางเวทีปราศรัย ที่ จ.มหาสารคาม เจ้าลั่น ไม่เป็นไร เคยดโดนลอบฆ่ามาแล้ว 4 ครั้ง ยังไม่ตาย “หญิงมือปา” เผยโมโหอยู่ในใจ ก่อนที่ตำรวจคุมตัวส่งกลับบ้าน
 
เวลา 14.30 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางต่อมาที่ ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เพื่อให้ปราศรัยเป็นเวทีสุดท้าย ส่งท้ายทัวร์อีสาน 3 จังหวัด โดยได้เดินทักทายพี่น้องประชาชน ที่มาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ตั้งแต่ท้ายเวทีจนถึงหน้าเวที
 
นายทักษิณ กล่าวเริ่มการปราศรัย ว่าขอถามอะไรสองข้อ ผมแก่มากไหม ไม่ได้เจอกันนาน 20 ปี แก่หรือไม่ และขอถามคนที่ดมมือผมเมื่อกี้ว่ามือผมเหม็นไหม ที่นี่แปลกกว่าที่อื่นมีคนคว้ามือไปหอม แตกแปลกกว่านั้นคือเอวเจ็บไปหมดเพราะโดนหยิก โดนหยิกเยอะมาก คงคิดถึงกันมากไปหน่อยเนอะ 20 ปีที่ไม่ได้มา อ.พยัคฆภูมิพิสัย เชื่อว่าเราต่างคนต่างคิดถึงกัน เห็นต้อนรับอย่างนี้ตนก็มีความสุข บางคนเห็นผมร้องไห้ บางคนบีบมือไม่สะใจที่หนักกว่านั้นคือหยิกเอว ภูมิใจมีความสุขที่น้องไม่ลืมตน พี่น้องคนอีสานตลอดเวลาไม่เคยลืมผมเลยผมจากบ้านไปตั้งหลายปีไม่เคยลืม ทำให้ตนรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ตนต้องมามาช่วยแก้ปัญหาให้ พี่น้องที่ลำบากอยู่ เรื่องยาบ้าเราพูดแบบภาษาลูกทุ่ง อย่าไปกลัวมันถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง ก็กระทืบมัน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายทักษิณกล่าวปราศรัยอยู่นั้นได้มีผู้หญิง คนหนึ่งสวมเสื้อสีแดงขว้างของขึ้นไปบนเวที จนการ์ดและมวลชนในบริเวณนั้นต้องเข้าระงับสถานการณ์ และพาตัวผู้หญิงคนดังกล่าวออกไปจากเวที ทำให้นายทักษิณ ระบุว่า ไม่เป็นไร คนไทยต้องให้อภัยกัน บางทีคนเราก็เก็บกด ไม่มีปัญหา
 
ใจเย็นๆ พี่น้อง คนเราบางทีมีปัญหาหนี้สินมั้ง บางทีมีปัญหาครอบครัวบ้าง บางทีมีปัญหาทางจิตบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา เราคนไทยด้วยกันให้อภัย พร้อมที่จะดูแลกันและกัน ไม่เป็นไร” นายทักษิณ กล่าวและเมื่อพูดจบก็ได้ได้เสียงปรบมือจากมวลชน
 
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า พอตนอายุมากๆเกิน 70 ปีไปแล้ว มีคาถาประจำใจ ผมเดินไปไหน คาถาบอกว่า “เย็นไว้โยม เย็นอย่างเดียว เย็นไว้โยม” ใจเย็นๆ ผมโดนลอบฆ่ามา 4 หน ก็เฉยๆ ถึงเวลาก็ไปตามเวลา ถ้าไม่ถึงเวลาก็ไม่ไปตามเวลา ผมโดนลอบฆ่าตอนเป็นนายกฯ 4 หน คนถามว่าผมใส่พระอะไร ผมบอกหลวงพ่อหนังวัดโกยแนบ เราตั้งอยู่บนความไม่ประมาท
 
จากนั้นผู้สื่อข่าวพยามถาม นายทักษิณ หลังลงจากเวทีปราศรัย ว่า เมื่อสักครู่รู้สึกตกใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่นายทักษิณไม่ได้ตอบคำถาม โดยได้หันไปทักทายกับประชาชน และขึ้นรถออกไปทันที ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่การ์ดของนายทักษิณ เข้าระงับเหตุการณ์ผู้หญิง ที่กว้างกว่าสิ่งของขึ้นบนเวทีนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย มารับผู้หญิงคนดังกล่าว พร้อมบอกว่าจะพาส่งกลับบ้าน
 
ผู้สื่อข่าวตามไปถามหญิงคนก่อเหตุ ได้คำตอบว่า ชื่อว่า อ้วน มาจาก อ.วาปีปทุม ครอบครัวตนแตกสลาย พินาศ-ิบหาย ตั้งแต่ปี 2552 แล้ว เพราะตนเป็นเสื้อแดง คนที่ไม่ชอบเสื้อแดงจึงไม่มาอุดหนุนเลย เยียวยามาเลย ค้าขายไม่ดี คนเสื้อเหลืองก็ไม่มาซื้อ
 
เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ถามว่าเดินทางมาอย่างไรหญิงไรดังกล่าวจึงตอบว่า ไม่มีรถมาไม่รถกลับ ผู้สื่อข่าวจึงถามตอบว่า รู้สึกอย่างไรถึงได้โยนของขึ้นไปบนเวที ป้าอ้วน กล่าวว่า โมโหมาก ตนไม่ได้ตั้งใจจะทำแต่นั่งฟังแล้ว พอนึกถึงแล้วมันไม่ใช่ เพราะนานๆ เขามาเหยียบบ้านเราที ต้องจัด จากนั้นตำรวจได้ปลอบใจว่าเหตุการณ์มาหลายปีแล้ว ป้าอ้วน จึงตอบกลับว่า หลายปีแต่มันไม่ดีขึ้น มานี่ 200 ก็ไม่ได้ จากนั้น หน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พาขึ้นรถตำรวจและบอกว่า จะเอาไปส่งที่บ้าน



“รองประธานวุฒิสภา” ฉะ “สว.” โดดฟังรายงานหนี้สาธารณะ เหลืออยู่ 25 คน บอกรู้สึกโหวงเหวง
https://ch3plus.com/news/political/morning/431203

รองประธานวุฒิสภา ทนไม่ไหว ฉะ “สว.” โดดฟัง “รายงานหนี้สาธารณะ” เหลือกันอยู่แค่ 25 คน บอกรู้สึกโหวงเหวง ทำคนชี้แจงไม่อยากชี้แจง ติงไปว่าเขาไม่ให้เกียรติเรา เราจะให้เกียรติเขาอย่างไร

20 ม.ค. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระพิจารณารายงานผลการดำเนินงาน ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และแก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ2567 โดยมี นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ และข้าราชการของกระทรวงการคลัง ชี้แจง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่ตัวแทนของกระทรวงการคลัง ชี้แจงรายละเอียด และตอบข้อซักถามของสว. ที่สนในอภิปรายในประเด็นเนื้อหา รวม 5 คนแล้ว พล.อ.เกรียงไกร กล่าวต่อที่ประชุมว่า ระหว่างที่หน่วยงานมาชี้แจง ตนนั่งนับสว.ในห้องประชุมมีเพียง 25 คน และมีผู้อภิปรายขั้นต้น 3 คน แต่เวลาผ่านพ้นไป 1 ชั่วโมง พอการอภิปรายจบ พบว่ามีสว.นั่งในห้องเหลือ 16 คน ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นเวลาก้ำกึ่งที่ต้องผลัดกันออกไปรับประทานอาหาร แต่บางคนออกไปรับประทานอาหารแล้วยังไม่กลับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่