Hunt (อีจองแจ)
“สั้นๆ สนุกมากๆๆ”
(ขอขึ้นรูปน้องโกยูจอง ที่เล่นในเรื่องนี้ด้วย แบบเด่นๆ หน่อยนะ เพราะชอบ นักซู)
…
สิ่งที่ทึ่งมาก นี่คืองานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก (พร้อมนำแสดงเอง) ของอีจองแจ คือพี่แกทำหนังเก่งมาก ถ้าดูสเกลหนัง ความเข้มข้น การวางหมากของเรื่อง จังหวะของหนังต่างๆ ยังกะคนทำหนังที่ผ่านงานกำกับมาอย่างโชกโชน ..คือการกำกับด้วย เล่นเองด้วย มันยากมากนะ แต่พี่อีจองแจก็ทำได้ดีจริง พิสูจน์ได้จากเนื้องาน Hunt เป็นหนังที่สนุก ละเอียดมากทุกเม็ดทุกหน่วย (แม้จะอดคิดถึง Infernal Affairs ไม่ได้ แต่ Hunt ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าชื่นชม)
หนังใช้บริบทสังคมเกาหลีใต้ในยุค 80 .. ถ้าใครศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลีใต้ช่วงนั้น จะรู้ว่า ประเทศปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการ มีการเดินขบวนของนักศึกษา มีการล้อมปราบ มีสายลับของเกาหลีเหนือแทรกซึมเข้ามา และนักศึกษาที่ถูกจับจะโดนโบ้ยว่าเป็นสายลับเกาหลีเหนือ (จริงๆ ซีรีส์ที่ดูหลายเรื่องก็สะท้อนการเมืองช่วงนี้ เช่น Snowdrop และ Youth of May)
หนังว่าด้วยการสืบหาสายลับเกาหบีเหนือ ที่ใช้ชื่อว่า ทงริม ที่แทรกซึมเข้ามาในหน่วยงานชั้นสูงของเกาหลีใต้ ผ่านตัวละครสองตัวหลักที่เหมือนจะไม่กินเส้นกันในที คือ พีคพยองโฮ (อีจองแจ) หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับระหว่างประเทศ และ คิมจองโด (จองอูซอง) แห่งหน่วยข่าวกรองแห่งชาติหรือ NIS เป้าหมายของสายลับคือการลอบสังหารประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พร้อมแผนยึดครองชาติเกาหลีใต้จากทางฝ่ายเหนือ
สิ่งที่เข้มข้นคือการห้ำหั่นของสองนักแสดงตัวกลั่น ทั้งอีจองแจ และ จองอูซอง ด้วยบทที่ไม่มีใครยอมใคร ดังนั้น ใครที่ชอบงานดราม่า หักเหลี่ยมเฉือนคมแบบเข้มข้น น่าจะโดนใจไม่น้อย ด้วยความที่ผู้กำกับเป็นทั้งนักแสดง เราจึงเห็นการดึงอารมณ์ พลังการแสดงที่เข้มข้นถึงใจ เร้าใจไม่แพ้ฉากแอ็กชั่นในเรื่อง ที่จัดหนัก จัดเต็มมาก ตัวหนังมาพร้อมซีนแอ็กชั่นใหญ่ๆ ที่ไม่ได้มีแค่ซีนเดียว ที่มีหลายซีน และแต่ละซีนก็ทรงพลังมาก สะท้อนเลยว่า อีจองแจ ทำการบ้าน และวางหมากของแอ็กชั่นซีน ที่เป็นหนึ่งในหัวใจของเรื่องได้ดีไม่แพ้พาร์ตดราม่าเลย
ถ้าจะมองเป็นจุดอ่อนของหนัง (แต่ผมว่าไม่) คือตัวละครในหนังที่เยอะมาก และแต่ละตัวก็มีบทบาทสำคัญไม่น้อย การมีตัวละครเยอะๆ นี่แหละ ที่คนดูต้องตามเรื่องให้ติดและสมาธิหลุดจากหนังไม่ได้เลย เพราะหนังขับเคลื่อนไปข้างหน้าตลอด ไม่อ้อยสร้อย อ้อยอิ่ง ..อีกจุดคืออารมณ์ขันหรือช่วงผ่อนคลายในหนังที่แทบไม่มีเลย แม้จะมีหน้าสวยๆ ของน้องโกยูจองในหนัง แต่บทของโกยูจองเองก็เครียดไม่น้อย และเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีปมในบทบาทสำคัญในเรื่อง
ใครที่ชอบงานสายลับ แอ็กชั่นเร้าใจ เข้มข้นคลั่ก รวมถึงหนังที่มีกลิ่นอายการเมือง Hunt คืองานตอบโจทย์ครบทุกฟังก์ชัน …ดูจบ ต้องนั่งตั้งสติ พักหายใจหายคอแป๊บ ก่อนออกจากโรงหนัง ..เข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงชมหนังเรื่องนี้ …อีจองแจ เก่งจริง และเชื่อว่า นี่คงไม่ใช่งานกำกับเรื่องเดียวของเขาแน่ๆ
หนังสนุกครับ แนะนำจริงๆ
#HuntMovie
#ล่าคนปลอมคน
#เอ้อระเหยลอยลม
ฝากติดตามเพจ
https://www.facebook.com/urrahoei
รีวิว : HUNT คำเดียวสั้นๆ สนุกจริงๆ
“สั้นๆ สนุกมากๆๆ”
(ขอขึ้นรูปน้องโกยูจอง ที่เล่นในเรื่องนี้ด้วย แบบเด่นๆ หน่อยนะ เพราะชอบ นักซู)
…
สิ่งที่ทึ่งมาก นี่คืองานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก (พร้อมนำแสดงเอง) ของอีจองแจ คือพี่แกทำหนังเก่งมาก ถ้าดูสเกลหนัง ความเข้มข้น การวางหมากของเรื่อง จังหวะของหนังต่างๆ ยังกะคนทำหนังที่ผ่านงานกำกับมาอย่างโชกโชน ..คือการกำกับด้วย เล่นเองด้วย มันยากมากนะ แต่พี่อีจองแจก็ทำได้ดีจริง พิสูจน์ได้จากเนื้องาน Hunt เป็นหนังที่สนุก ละเอียดมากทุกเม็ดทุกหน่วย (แม้จะอดคิดถึง Infernal Affairs ไม่ได้ แต่ Hunt ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าชื่นชม)
หนังใช้บริบทสังคมเกาหลีใต้ในยุค 80 .. ถ้าใครศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลีใต้ช่วงนั้น จะรู้ว่า ประเทศปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการ มีการเดินขบวนของนักศึกษา มีการล้อมปราบ มีสายลับของเกาหลีเหนือแทรกซึมเข้ามา และนักศึกษาที่ถูกจับจะโดนโบ้ยว่าเป็นสายลับเกาหลีเหนือ (จริงๆ ซีรีส์ที่ดูหลายเรื่องก็สะท้อนการเมืองช่วงนี้ เช่น Snowdrop และ Youth of May)
หนังว่าด้วยการสืบหาสายลับเกาหบีเหนือ ที่ใช้ชื่อว่า ทงริม ที่แทรกซึมเข้ามาในหน่วยงานชั้นสูงของเกาหลีใต้ ผ่านตัวละครสองตัวหลักที่เหมือนจะไม่กินเส้นกันในที คือ พีคพยองโฮ (อีจองแจ) หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับระหว่างประเทศ และ คิมจองโด (จองอูซอง) แห่งหน่วยข่าวกรองแห่งชาติหรือ NIS เป้าหมายของสายลับคือการลอบสังหารประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พร้อมแผนยึดครองชาติเกาหลีใต้จากทางฝ่ายเหนือ
สิ่งที่เข้มข้นคือการห้ำหั่นของสองนักแสดงตัวกลั่น ทั้งอีจองแจ และ จองอูซอง ด้วยบทที่ไม่มีใครยอมใคร ดังนั้น ใครที่ชอบงานดราม่า หักเหลี่ยมเฉือนคมแบบเข้มข้น น่าจะโดนใจไม่น้อย ด้วยความที่ผู้กำกับเป็นทั้งนักแสดง เราจึงเห็นการดึงอารมณ์ พลังการแสดงที่เข้มข้นถึงใจ เร้าใจไม่แพ้ฉากแอ็กชั่นในเรื่อง ที่จัดหนัก จัดเต็มมาก ตัวหนังมาพร้อมซีนแอ็กชั่นใหญ่ๆ ที่ไม่ได้มีแค่ซีนเดียว ที่มีหลายซีน และแต่ละซีนก็ทรงพลังมาก สะท้อนเลยว่า อีจองแจ ทำการบ้าน และวางหมากของแอ็กชั่นซีน ที่เป็นหนึ่งในหัวใจของเรื่องได้ดีไม่แพ้พาร์ตดราม่าเลย
ถ้าจะมองเป็นจุดอ่อนของหนัง (แต่ผมว่าไม่) คือตัวละครในหนังที่เยอะมาก และแต่ละตัวก็มีบทบาทสำคัญไม่น้อย การมีตัวละครเยอะๆ นี่แหละ ที่คนดูต้องตามเรื่องให้ติดและสมาธิหลุดจากหนังไม่ได้เลย เพราะหนังขับเคลื่อนไปข้างหน้าตลอด ไม่อ้อยสร้อย อ้อยอิ่ง ..อีกจุดคืออารมณ์ขันหรือช่วงผ่อนคลายในหนังที่แทบไม่มีเลย แม้จะมีหน้าสวยๆ ของน้องโกยูจองในหนัง แต่บทของโกยูจองเองก็เครียดไม่น้อย และเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีปมในบทบาทสำคัญในเรื่อง
ใครที่ชอบงานสายลับ แอ็กชั่นเร้าใจ เข้มข้นคลั่ก รวมถึงหนังที่มีกลิ่นอายการเมือง Hunt คืองานตอบโจทย์ครบทุกฟังก์ชัน …ดูจบ ต้องนั่งตั้งสติ พักหายใจหายคอแป๊บ ก่อนออกจากโรงหนัง ..เข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงชมหนังเรื่องนี้ …อีจองแจ เก่งจริง และเชื่อว่า นี่คงไม่ใช่งานกำกับเรื่องเดียวของเขาแน่ๆ
หนังสนุกครับ แนะนำจริงๆ
#HuntMovie
#ล่าคนปลอมคน
#เอ้อระเหยลอยลม
ฝากติดตามเพจ
https://www.facebook.com/urrahoei